สวยแซ่บยืนหนึ่ง หุบเขาฮุนซ่า
ฮุนซ่า คือดินแดนที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,400 เมตร ผู้คนที่นี่มีอายุยืนยาว พืชพันธุ์หลากหลาย แม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน เทือกเขาสูงสลับซับซ้อนยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะเชื่อมยาวไปถึงหิมาลัย
“ข่าวร้ายๆที่เห็นใน CNN หรือ BCC ส่วนใหญ่ไม่จริงหรอก ที่นี้ไม่มีอะไรวุ่นวาย ผู้คนรักสงบ ภูมิประเทศสวยงาม ไม่เชื่อคอยดูสิ“ ซาฮิบ มัคคุเทศก์ชาวปากีสถานบอกอย่างภูมิใจ เขาคนนี้มากจากฮุนซ่า ดินแดนแห่งเทือกเขาสูงที่มีความงามเป็นมนตร์สะกด ทุ่งข้าวสาลีเหลืองอร่าม ใบไม้เปลี่ยนเป็นสีแดงตามฤดูกาล และแม่น้ำสีฟ้าใสไหลคดเคี้ยว ไม่น่าแปลกใจ... เขาบอกว่าตัวเองเป็นชาวฮุนซ่า มากกว่าเป็นชาวปากี
ชาวฮุนซ่าคือผู้คนที่อาศัยอยู่แถบหุบเขาฮุนซ่า (Hunza Valley) ทางตอนเหนือของประเทศปากีสถาน เป็นดินแดนที่สูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 2,400 เมตร ผู้คนที่นี่ว่ากันว่ามีอายุยืนยาวที่สุดในโลก พืชพันธุ์หลากหลาย มีแม่น้ำใหญ่ไหลผ่าน มีเทือกเขาสูงสลับซับซ้อนยอดเขาปกคลุมด้วยหิมะเชื่อมยาวไปถึงหิมาลัย มีเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ตัดผ่าน เชื่อมต่อปากีสถานกับทางตะวันตกของประเทศจีน ในอดีตเป็นแคว้นอิสระที่ปกครองตัวเองมานานกว่า 900 ปี มีภาษาและวัฒนธรรมดั้งเดิมเป็นของตัวเอง ที่แตกต่างจากดินแดนเพื่อนบ้านที่รายล้อมในยุคเดียวกัน
ไม่ว่าเราจะบ่นกะปอดกะแปดในบางสิ่งที่ไม่เข้าใจ อย่างการถูกมองเป็นตัวประหลาดบนถนน หรือสงสัยว่าผู้หญิงในประเทศนี้หายไปไหนกันหมด ไม่ว่าผ่านเมืองไหนๆ บนถนนไม่เห็นผู้หญิงสักคน คนขายของ คนทำอาหาร คนเสิร์ฟ คนกิน คนเดินไปมาหน้าร้าน ล้วนแต่เป็นผู้ชาย น่าอึดอัดใช่ย่อย ซาฮิบก็ทำหน้านิ่งๆ ยิ้มๆ แบบมั่นใจ และบอกว่าให้รอไปถึงฮุนซ่า จะไม่ใช่แบบนี้ และผู้คนที่นั่นเป็นมิตรแน่นอน
เราเดินทางไปปากีสถานกับบริษัททัวร์ท้องถิ่น ที่มาดูแลคณะเล็กๆ ตั้งแต่สนามบินอิสลามาบัด จากนั้นบินขึ้นเหนือไปที่เมืองสการ์ดู (Skardu) เมืองใหญ่ที่เป็นจุดตั้งต้นของใครๆ ที่อยากปีน K2 ยอดพีคที่สูงที่สุดเป็นอันดับสองของโลก แวะชม Serena Khaplu Palace วังเก่าแก่และไกลโพ้น นั่งรถบนทางไฮเวย์ขรุขระเลียบแม่น้ำสินธุ (Indus) จากเมืองสการ์ดู ไปถึงคาราโครัมไฮเวย์ หรือ KKH ที่แสนจะเรียบกริบ ไม่มีสะดุด ตรงเข้าเมืองใหญ่ชื่อกิลกิต (Gilgit) และขับต่อไปจนถึง คาริมาบัต (Karimabad) เมืองหลวงของฮุนซ่า
เส้นทางคาราโครัมไฮเวย์ ก็คือทางหลวงมิตรภาพจีน-ปากีสถาน มีความยาวเหยียด 1300 กม. จากฮาซันอับดาล ในแคว้นปัญจาป ผ่านช่องกุลจีราฟ (Khunjerab Pass) ช่องทางการค้าที่สูงที่สุดในโลก เข้าสู่ดินแดนจีนที่เมืองคาชการ์ ในมณฑลซินเจียง โดยสร้างขนานไปกับเส้นทางสายไหมโบราณ เปิดใช้งานเมื่อปี ค.ศ. 1985 ยกระดับถนนในดินแดนห่างไกลของประเทศปากีสถาน ยุคนั้นให้กลายเป็นฮิปปี้เทรล ที่เชื่อมยุโรปเข้ากับเอเชีย จากเหตุการณ์ 9/11 ปากีสถานก็ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมา แต่เมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เองที่มีความพยายามในการฟื้นฟูการท่องเที่ยว สถานทูตปากีสถานเริ่มมีนักท่องเที่ยวไปต่อคิว ทัวร์ไทยก็ไปกันคึกคักมากขึ้นๆ
ระหว่างทางบนคาราโครัมไฮเวย์ ตัดสู่ ฮุนซ่าวัลเลย์ มองเห็นสามเทือกเขาขนาดมหึมา ได้แก่เทือกเขาคาราโครัม เทือกเขาหิมาลัย และเทือกเขาฮินดูคุช มีจุดชมวิวให้จอดแวะ ไม่ใช่แค่มองฟ้าเห็นเทือกเขา มองลงไปยังเห็นจุดตัดของแม่น้ำกิลกิตและแม่น้ำสินธุอีกด้วย
ลัดเลาะเหนือขึ้นไป มีทะเลสาบอัตตาบัด ในหุบเขาโกจาล ที่เกิดขึ้นจากภูเขาถล่ม และ Landslides เกิดโศกนาถกรรมน้ำท่วมใหญ่ ท่วมเส้นทางคาราโครัมไฮเวย์กว่า 16 กิโลเมตร หมู่บ้านหลายครัวเรือนจมมิดใต้น้ำ ในช่วงเดือนกันยายนปี 2010 อีก 5 ปีต่อมาจีนเข้ามาสร้างอุโมงค์ใหม่เอี่ยมอ่องให้รถวิ่งฉิว
เส้นทางสู่ฮุนซ่าวัลเลย์เป็นเขตหุบเขาและโตรกผาที่มีแม่น้ำไหลผ่าน ธารน้ำสีเขียวใสแจ๋ว บางช่วงก็เป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ มองไปในหมู่บ้านฝั่งตรงข้ามก็เป็นต้นป๊อปล่าสีเหลืองตัดกับท้องฟ้าสีจัดจ้าน ในหมู่บ้านบนเส้นทางมีทั้งนาขั้นบันได ในสวนปลูกกันทั้งแอ๊ปเปิ้ล แอปปริคอต วอลนัทและเชอรี่ ที่จะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงต้นฤดูร้อน
กว่าจะมาถึง Hilltop Hotel ที่พักของเราในเมืองคาริมาบัต ก็มืดแล้ว ทำเลโรงแรมใช้ได้เลย บรรยากาศในเมืองดูสบายๆ เราออกมาเดินบนถนนหน้าโรงแรม มีเมล็ดผลไม้อบแห้งนานาชนิด น้ำมันแอปปริคอตกลิ่นแปลกๆ และ หินสีสวยๆ เป็นเมืองแรกที่เรารู้สึกว่าเดินบนถนนได้แบบชิลล์ ผู้คนหน้าตาใจดี ไม่มีบรรยากาศน่าอึดอัดเหมือนเมืองสการ์ดู หรือกิลกิตที่ผ่านมา
แถมวันรุ่งขึ้น บรรยากาศดูคึกคักไปอีกด้วยขบวนพาเหรดของนักเรียนเป็นการเฉลิมฉลอง World Space Week น่าทึ่งมาก ภรรยาของซาฮิบเป็นครูอยู่ที่โรงเรียน เราเข้าไปเดินเล่นในโรงเรียน นักเรียนดูสนุกกับงานรื่นเริง กำลังซ้อมการแสดงอย่างเต็มที่ เด็กนักเรียนหญิงชายหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสแบบที่เราไม่เคยเห็นมาก่อน
ฤดูใบไม้ร่วงเดือนตุลาคม แอปเปิ้ลกำลังออกลูกเต็มทุกต้น เราเก็บแอปเปิ้ลกินกันสดๆ ในสวนของซาฮิบ ก่อนจะเดินเข้าหมู่บ้านไปพบกับครอบครัวของเขา
ภรรยาคนสวยของซาฮิบต้องไปร่วมงานพาเหรดที่โรงเรียนตอนเช้าและรีบกลับมาเตรียมอาหารกลางวันอีก ถามว่าเหนื่อยไหมเธอก็ยิ้มแห้งๆ และตอบว่าไม่ ในขณะเดียวกันก็คงดีใจที่สามีกลับมาบ้าน เธอทำแผ่นแป้งโรตีนานาชนิด ทอดในน้ำมันแอปปริคอต บางอย่างก็ใส่ใส้แบบต่างๆ จนงง ดูไปคล้ายๆกับมะตะบะบ้านเรา มีแกงจามรีที่เหนียวหนึบ และเครื่องเคียงนานาชนิด ล้อมวงกินกันทั้งครอบครัว
บ้านของซาฮิบไม่ไกลจากป้อมบัลทิต (Baltit Fort) เดินกันไปเรื่อยๆ ก็ไปถึงปราการโบราณอันสง่างามที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก จุดนี้เป็นเหมือนพระราชวังใจกลางเมืองอายุเกือบ 800 ปีที่ยังตกทอดมาให้เราได้รับรู้ถึงความรุ่งเรืองของอาณาจักรฮุนซ่าในอดีต รายละเอียดภายในสวยงาม ลวดลายแกะสลัก ทรวดทรงของสถาปัตยกรรม และยิ่งมองผ่านออกมาทางหน้าต่างวังจะเห็นเมืองในหุบเขาที่งดงาม ในเมืองยังมีป้อมอัลทิต (Altit Fort) อีกแห่งที่เล็กกว่าและเก่าแก่กว่ามาก ตั้งบนหน้าผาสูงเหนือแม่น้ำฮุนซ่า มองเห็นได้จากริม KK
นั่งรถไต่เขาไปที่หมู่บ้านดุยการ์ (Duikar Village) มีที่พักชื่อ Eagle's Nest หน้าโรงแรมจะเป็นเนินสูง ทุกคนที่มาควรจะปีนขึ้นไป เพราะนี่คือจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกที่สวยที่สุด ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาสูงตระหง่านของโกลเด้นพีค (Gloden Peak) เลดี้ฟิงเกอร์ (Lady Finger) และยอดเขาราคาโพชิ (Rakaposhi) ที่สูงถึง 7788 เมตร และริมถนนด้านหน้าโรงแรมก็มีร้านเล็กๆ ขายของพื้นเมืองให้คลายเหงา
ในประวัติศาสตร์ของแถบนี้ อาณาจักรพี่น้องกับฮุนซ่าคืออาณาจักรนากา (Nagar) ตั้งอยู่ทางใต้ของแม่น้ำฮุนซ่า เป็นศัตรูกันมานานหลายร้อยปี ว่ากันว่าตอนนี้ก็ยังไม่รักกันนัก แถบนากาตอนนี้มีเส้นทางเดินเทรคมากมาย รวมถึง Hopar, Rush Lake, Hispar Pass เสียดายที่เราไม่ได้ไปเลย เพราะทริปนี้ไม่ได้เตรียมตัวมาเทรค
จากคาริมาบัต เราไปนอนที่โรงแรมกลางทุ่งในเมืองพาสสุ (Passu) ที่มีเส้นทางเดินไปธารน้ำแข็ง ใครที่จะปีน Passu Glacier จะเป็นทางเดิน 20.5 กิโลเมตร ไปที่ตีนเขาพาสสุ แต่เราไม่ได้เตรียมตัวมาขนาดนั้น เลยเดินดุ่ยๆไปกลางทุ่งแบบง่ายๆ ใช้เวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง เห็นก้อนน้ำแข็งเขรอะๆ ดำๆ ตรงขอบธารน้ำแข็ง
เดินกลับที่พักก็เกือบมืด ใครคนหนึ่งบ่นอยากกินเค้ก แปลกแต่จริง Glacier Breeze ร้านอาหารเดียวในย่านนี้ริมคาราโครัมไฮเวย์ อบเค้กแอปปริคอตขายทุกวัน อร่อยเกินห้ามใจ นั่งคุยกับเขา กินเค้ก จิบชา ซื้อน้ำมันแอปปริคอตกันสนุกสนานก่อนกลับที่พัก
พาสสุ (Passu) เรียกไม่ได้ว่าเป็นหมู่บ้าน เพราะกระจัดกระจายอยู่ริมถนน ไม่กระจุกรวมกัน มีที่พัก เปิดโล่งรับความหนาว และวิวโดยรอบ ใกล้ๆกันมีสะพานสลิง ฮุสสัยนี (Husssaini) ข้ามทะเลสาปบอริท (Borit Lake) สะพานมีไม้พาดเป็นร่อง และเบื้องล่างน้ำไหลเชี่ยว ดูไม่น่าไว้ใจ และเดินไม่ง่าย แม้จะมุ่งมั่นอยากเดินไปฝั่งตรงข้าม แต่ขาสั่นและใจอยากจะวิ่งหนีกลับฝั่งเดิม อีกใจนึงบอกว่าให้ค่อยๆ เดิน แม้สะพานจะเขย่า ราวสลิงสั่น ลมแรง ไม้แหว่ง และมองไปข้างล่างก็สูงลิบ ใครที่กลัวความสูงจะโชคดีหน่อย เพราะได้นั่งจิบชาชมวิวรอเพื่อนกันยาวๆ
จากจุดนี้หลายคนไปที่ Sost เมืองท้ายสุดของปากีสถาน บนคาราโครัมไฮเวย์ ก่อนจะข้ามช่องกุลจีราฟ ไปยังชายแดนจีน หลายคนเลี้ยวกลับเมื่อสิ้นสุดทางเส้นนี้ที่ชายแดน สำหรับทริปสั้นๆ ของเราที่หุบเขาฮุนซ่า จบลงแค่ที่พาสสุ จากนั้นแวะนอนไปที่ทุ่งหญ้าแห่งเทพนิยาย (Fairy Meadows) อีก 1 คืน ก่อนเดินทางกลับอิสลามาบัดโดยทางรถยนต์ที่แสนยาวนาน
ทริปปากีสถานจบลงหลายวันถัดจากนี้ สิ่งที่ประทับใจคือหุบเขาฮุนซ่าที่มีธรรมชาติสวยงาม และผู้คนเป็นมิตร ผิดแผกกับหลายๆเมืองบนเส้นทาง หากจะแนะนำเรื่องเที่ยวปากีสถาน สิ่งที่บอกได้คือจงตรงไปหุบเขาฮุนซ่า และใช้เวลาเที่ยวอยู่ที่นั่นนานๆ ตอนนี้เราเข้าใจซาฮิบ ไกด์ของเราละ ว่าเขาคือชาวฮุนซ่าจริงๆ