HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ลุ้นดู “องค์บาก” รอบพิเศษ ณ ประเทศโมซัมบิก
by โลจน์ นันทิวัชรินทร์
2 พ.ย. 2561, 14:37
  1,736 views

         ถ้าหากผมได้รับโอกาสเป็นหนึ่งในคณะกรรมการคัดเลือกทูตวัฒนธรรมดีเด่นแห่งประเทศไทย ผมคิดว่าผมอยากจะเสนอชื่อภาพยนตร์เรื่ององค์บากให้ได้รับรางวัลดังกล่าวครับ

         เมื่อ 3 ปีก่อนเมื่อผมเดินทางไปประเทศวานูอาตู (Vanuatu) อันไกลแสนไกลในแถบมหาสมุทรแปซิฟิกที่อยู่ระหว่างออสเตรเลียกับฮาวาย ตอนนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครรู้จักเมืองไทย เพราะว่าประเทศเราอยู่ห่างไกลกันมากเหลือเกิน

         แต่ผมคิดผิดถนัดครับ พวกเขารู้จักเมืองไทยดีมาก ๆ และเขารู้จักเราจากภาพยนตร์เรื่ององค์บากที่นำแสดงโดย โทนี่ จา และเมื่อชาวเกาะรู้ว่าผมเป็นคนไทย ทุกคนพร้อมจะมาขอให้ผมแสดงแม่ไม้มวยไทย ตลอดจนพลังการต่อสู้แบบอภินิหารเหมือนอย่างที่เคยเห็นจากภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเฉพาะเด็ก ๆ ที่พร้อมจะมาท้าชกกับผมทุกวัน

(อ่าน แฟนแท้หนังไทยที่วานูอาตู คลิก)

         จากวานูอาตู ผมได้มีโอกาสเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคแปซิฟิก แล้วผมก็ประจักษ์ชัดแล้วว่าชาวเกาะในภูมิภาคนี้ล้วนเป็นแฟนคลับองค์บาก หรือ อุ๊งบั๊ก กันทั้งสิ้น

        วันนี้ผมกำลังท่องเที่ยวอยู่ในอีกซีกหนึ่งของโลก นั่นคือที่เกาะอีย่า ดือ โมซัมบิก (Ilha de Mocambique) ประเทศโมซัมบิก ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา และขณะที่ผมเดินเล่นไปมาอยู่นั้นชาวเกาะทีนี่ก็มาทักทายและทึกทักเอาว่าผมเป็น “Senhor Japones” บ้างไม่ก็ “Senhor Chines” จนผมต้องรีบแก้ไขไปว่า ไม่ใช่ครับ ไม่ใช่... ผมไม่ได้มาจากญี่ปุ่น หรือจีนนะครับ ผมมาจากเมืองไทยครับ....ผมเป็น Senhor Tailandes”

        “มาจากเมืองไทยเหรอ งั้นนายต้องรู้จักองค์บากสิ นี่คือคำตอบที่ผมได้รับ และมันทำให้ผมถึงกับร้องว่า เฮ้ย.... องค์บากข้ามโลกมาถึงแอฟริกาด้วยหรือนี่

        “เคยดูเรื่ององค์บากเหรอ ผมถาม

        “ใช่...ชอบด้วย ดูหมดทุกตอน ชอบโทนี่ จา มาก คุณพี่ชาวเกาะยืนยันความเป็นแฟนพันธุ์แท้

        ผมแอบเกิดความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาทันที ผมอยากไปดูโรงภาพยนตร์ที่เคยฉายเรื่ององค์บาก แล้วถ้าผมโชคดีพอ ผมอาจได้ดูองค์บากในโมซัมบิกก็ได้.... มันจะต้องเป็นประสบการณ์ที่พีคมาก ๆ

        “แล้วช่วงนี้องค์บากยังฉายอยู่ไหม? ผมถาม

         “หนังมันนานมาแล้วนะ แต่บางทีคนฉายก็เอามาฉายอีกซ้ำ เพราะคนดูชอบ เมื่อสัปดาห์ก่อนยังฉายอยู่เลย คุณพี่ให้ความหวังอันเรืองรองจนผมยิ้มแก้มเป็นกระติก

         “พาผมไปดูโรงภาพยนตร์ของที่นี่หน่อยได้ไหมครับ? เผื่อผมได้ร่วมดูองค์บากกับพี่ น้อง ชาวเกาะโมซัมบิก ผมรีบอ้อน

         สำเร็จ.... เพราะคุณพี่ใจอ่อนและยินดีพาเพื่อนใหม่จากเมืองไทยคนนี้เดินลิ่วไปย่านมากูตีทันที

ก่อนจะไปถึงย่านมากูตี ผมขออธิบายลักษณะของเกาะอีย่า ดือ โมซัมบิก เพื่อให้เห็นภาพพอสังเขปนะครับ

        อีย่า ดือ โมซัมบิกเป็นเกาะที่ยาวประมาณ 3 กิโลเมตร พื้นที่บนเกาะแบ่งกันแบบครึ่ง ๆ

ภูเขาหินที่ยังหลงเหลือ นอกนั้นถูกขุดไปหมดเพื่อนำหินไปสร้างอาคารทรงยุโรปที่ย่านคนขาวที่เรียกว่า Stone Town

        ครึ่งที่อยู่ปลายติ่งออกสู่ท้องทะเลนั้นเป็นพื้นที่ที่เรียกว่า “Stone Town” ซึ่งเป็นเขตที่มีสิ่งก่อสร้างทำมาจากหิน อุดมไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปโอ่โถง สวยงาม มักเป็นอาคารที่ทำการรัฐบาล ทำเนียบผู้ปกครอง ที่ทำการศุลกากร โรงพยาบาล ตลาด โบสถ์ วิหาร และป้อมปราการ แน่นอนว่าบริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นปกครอง และชนผิวขาวชาวยุโรปมาตั้งแต่อดีต

        ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือ อยู่อีกด้านของตัวเกาะที่ติดกับแผ่นดิน ด้านนี้คือพื้นที่ที่เรียกว่ามากูตี.... หรือจะอ่านให้เป็นสำเนียงปอรตุเกสหน่อยก็จะเป็น หม่า-กู๊-ตี่ (Macúti) นั่นเองครับ

         เมื่อเราเดินมาจากด้านสโตนทาวน์ไปเรื่อย ๆ จนเข้าเขตมากูตีแล้ว เราจะงงว่าเมืองมันหายไปไหน เพราะอยู่ดี ๆ อาคารสิ่งก่อสร้างทั้งหลายก็พากันหายวับไปกับตา หากเราสังเกตดี ๆ ก็จะพบว่าบ้านเรือนทั้งหลายต่างพากันหลุบลงสร้างอยู่บนพื้นที่ที่ต่ำกว่าระดับถนนลงไปมาก จนเราจะเห็นแต่หลังคาสังกะสีเรียงติด ๆ กันเป็นพรืด โดยมีหินหลากขนาดทับเอาไว้เพื่อกันสังกะสีปลิวบ้าง ไม่ก็เป็นที่ตากผลไม้ ตากผ้าบ้าง

เขตมากูตี เมื่อมองลงมาจะเห็นหลังคาเรียงเป็นพรืด.

        เปล่าครับ...เปลา.... แผ่นดินไม่ได้ยุบตัวลงไปแต่อย่างใด แต่ที่มากูตีมีสภาพเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่ามีการขุดเอาหิน เอาทรายจากพื้นที่นี้ไปสร้างสิ่งก่อสร้างในด้าน Stone Town มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 สมัยที่โมซัมบิกยังอยู่ภายใต้การปกครองของปอรตุเกสนั่นเอง

        มากูตีจึงเตี้ยลง เตี้ยลง เตี้ยลงทุกวันเพราะทรายและหินถูกขุดถูกแซะไปหมดจนมีสภาพอย่างที่เห็น

พนักงานเก็บตั๋ว

        คุณพี่ใจดีพาผมลงจากถนนตรงไปยังโรงภาพยนตร์ที่เพิ่งฉายเรื่ององค์บากไปเมื่อสัปดาห์ก่อน มันเป็นเรือนไม้หลังใหญ่ที่มุงหลังคาด้วยจาก และใช้ท่อนไม้มาวางเป็นระแนงโดยมีคลุมผ้าไว้เพื่อกันแสงเข้าไปภายใน บริเวณรอบ ๆ โรงภาพยนตร์นั้นไม่ได้มีร้านขายข้าวโพดคั่ว น้ำอัดลม หรือขนมขบเคี้ยวใด ๆ มันคือบ้านสังกะสีของชาวเกาะที่เรียงติดกันเป็นพรืดอย่างแออัด ราวตากผ้าที่แน่นขนัดไปด้วยผ้าหลากสี และมีแม่หญิงชาวเกาะกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างออกรส ด้านหน้าโรงมีชายคนหนึ่งนั่งเล่นเเกมในโทรศัพท์มือถือไปเรื่อย ๆ เขาคือคนเก็บค่าตั๋ว และทำหน้าที่ฉายหนังไปด้วยเช่นกัน       

        ผมขออนุญาตเข้าไปดูสภาพภายในโรงภาพยนตร์ประจำเกาะ และพบว่ามันคือลานดินโล่ง ๆ ที่บนพื้นปูผ้าไว้เป็นหย่อม ๆ สำหรับคนนั่งดู ที่มุมหนึ่งมีโทรทัศน์ เครื่องเล่นวีซีดีและดีวีดีตั้งไว้ ขณะนั้นกำลังฉายการ์ตูนอยู่โดยมีเด็ก 3 คนกับผู้ใหญ่ 1 คนเป็นลูกค้า

        “นี่แหล่ะ.... นี่คือโรงภาพยนตร์ของเราที่ฉายองค์บาก ถ้ามาตอนเย็นนะ คนจะแน่นมาก ตอนนี้คนออกเรือไปหาปลา มีแต่เด็ก อย่างนี้แหล่ะคุณพี่ชาวถิ่นบอกผม

         “แล้ววันนี้จะฉายเรื่ององค์บากไหมครับ? ฉายกี่โมงครับ? เดี๋ยวตอนเย็นผมกลับมาใหม่ก็ได้ ผมรีบหาข้อมูล

ด้านข้าง ๆ โรงหนัง มีกลุ่มแม่หญิงโมซัมบิกมาจับกลุ่มสังสรรค์

         คุณพี่เก็บตั๋วรีบเงยหน้าจากมือถือแล้วบอกว่า วันนี้ไม่ฉายองค์บากนะ เพิ่งฉายไปอีกรอบเมื่อสัปดาห์ก่อนเอง ต้องรอเดือนหน้าอาจจะฉายใหม่

          คุณพระ !!! นี่ผมต้องอยู่ที่โมซัมบิกอีกเดือนเพื่อรอดูองค์บากหรือนี่ ไม่ไหวล่ะ เป็นอันว่าผลการลุ้นครั้งนี้ไม่เป็นไปตามที่หวัง อย่ากระนั้นเลย ไหน ๆ ผมก็มาถึงมากูตีทั้งที บ่ายนี้ผมควรเดินสำรวจย่านนี้สักหน่อย

         ผมพบว่าการไปเดินเล่นไปมาในย่านมากูตีเป็นความเพลิดเพลินมาก ๆ เพราะมันช่างแอฟริก๊าแอฟริกา และที่ผมชอบมาก ๆ ก็คือการใช้ชีวิตที่นี่ในอดีตเป็นอย่างไร...วันนี้ก็ยังเป็นอย่างนั้น

         ทางเดินดินปนทรายที่คดเคี้ยวดังงูเลื้อยพาผมซอกแซกลัดเลาะไปตามบ้านสังกะสีเก่า ๆ จะพังมิพังแหล่บ้าง ไม่ก็บ้านหินทรายหรือหินปะการังบ้าง โดยมีเด็ก ๆ แอบชะเง้อหน้าออกมามองพร้อมเรียกผมว่า อากุนย่า ซึ่งแปลว่าคนขาว

         เด็ก ๆ ที่นี่เป็นมิตรกับคนแปลหน้าเสมอ พวกเขาไม่ว่าอะไรเลยหากเราจะไปนั่งเล่นหมากเก็บกับเขา ไปชวนเขาถ่ายรูป และมีหลายคนที่ช่วยพ่อแม่ทำงานด้วยการหาบน้ำ หรือเฝ้าแผงขายผลไม้ และถ้าเราเข้าไปอุดหนุนเขาสักเล็กน้อย พวกเขาก็จะดีใจกันมากมาย

         

         ร้านตัดผมในมากูตีให้บรรยากาศเหมือนร้านบาร์เบอร์สมัยก่อนที่ยังอาจพบได้ในต่างจังหวัดของบ้านเรา ที่นี่มีเก้าอี้สองตัววางอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ โดยมีช่างคนเดียวที่ตัดผมผู้คนทั้งหมู่บ้าน คุณพี่ช่างตัดผมคุยเก่งมาก ๆ ใครผ่านไปมาก็จะทักทายไปหมด กระจกบานใหญ่เป็นที่ที่หนุ่ม ๆ เข้ามาส่องความหล่อ ยกมือเสยผมสักทีสองทีก่อนเดินจากไป และบ่าย ๆ แบบนี้ร้านนี้ก็กลายเป็นที่หลบร้อนและสนทนาประหนึ่งสภากาแฟ

        หากเดินวนต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะพบคุณป้าที่อบขนมปังด้วยวิธีโบราณ คุณป้าจะปั้นแป้งกลม ๆ วางเรียงในหม้อก่อนปิดด้วยฝา ทั้งหม้อและฝานั้นทำมาจากโลหะ คุณป้าก่อไฟและสุมฟืนไว้ทั้งบนฝาและใต้หม้อ คอยพัดถ่านให้ร้อนขึ้น ๆ หรือไม่คีบถ่านออกและเอาขี้เถ้ากลบเพื่อควบคุมอุณหภูมิจนได้ขนมปังก้อนที่กรอบนอกนุ่มใน.... ผมอุดหนุนขนมปังคุณป้ามาในราคาก้อนละ 5 บาท และพบว่าเป็นขนมปังที่อร่อยมาก

        ที่นี่ยังมีร้านโลหะที่มีช่างตีโลหะพร้อมขึ้นรูปทำเป็นมีด เป็นแหวน หรือเป็นเครื่องประดับอื่น ๆ เราสามารถสั่งได้ว่าต้องการผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเงิน ทอง หรือนาก ทั้งหมดทำด้วยมือ และสลักลายด้วยมือ

        ที่นี่ยังมีบ่อน้ำให้โยก โยก โยก เมื่ออยากได้น้ำจืดอาบ ล้าง หรือบริโภค

        แม้ว่าวันนี้ผมจะหมดลุ้นดูภาพยนตร์เรื่ององค์บาก แต่ผมได้ดูสารคดีชีวิตของชาวเกาะอีย่า ดือ โมซัมบิก ที่มีย่านมากูตีเป็นฉากสำคัญ..... แล้วผมว่าสนุกดีแฮะ

STORY BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์

ABOUT THE AUTHOR
โลจน์ นันทิวัชรินทร์

โลจน์ นันทิวัชรินทร์

หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่มีใครอยากไปเลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker

ALL POSTS