Den Kushi Flori อาหารฝรั่งเศสผสานกลิ่นอายญี่ปุ่น ในสไตล์ innovative
หลังเปิดให้บริการสาขากรุงเทพฯ เมื่อกรกฏาคม 2566 และได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม เดน คูชิ ฟลูโลริ (Den Kushi Flori) ร้านอาหารชื่อดังจากโตเกียวที่อยู่ในลิสต์ “ห้ามพลาด” ที่เพิ่งฉลองส่งท้ายปีกับการเป็นร้านอาหารแนะนำ หรือ MICHELIN Selected ในคู่มือ MICHELIN Guide Thailand 2024 ไปหมาดๆ ก็ได้ฤกษ์เปิดตัวเมนูใหม่ประจำฤดูกาล Winter ให้เหล่านักชิมชาวไทยได้ลิ้มรสความอร่อยกันอย่างต่อเนื่อง
อาหารของ Den Kushi Flori มีเอกลักษณ์จากการนำจุดเด่นของอาหารฝรั่งเศส มาผสมผสานกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ในสไตล์ innovative โดดเด่นด้วยเมนูที่ปรุงจากวัตถุดิบนำเข้าจากญี่ปุ่น 100% เพื่อยังคงรสชาติและคอนเซ็ปต์ออริจินัลจากร้านที่ญี่ปุ่น ซึ่งวัตถุดิบที่เลือกใช้ไม่ใช่เฉพาะการคัดเกรดพรีเมี่ยมเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกด้วย ความลงตัวนี้มาจากความเชี่ยวชาญของ 2 เชฟที่เป็นเพื่อนกันมานาน คือ เชฟ ซาอิยุ ฮาเซกาวา (Chef Zaiyu Hasegawa) เจ้าของร้านและเชฟร้าน “Den” ร้านไคเซกิชื่อดังในโตเกียวที่ได้รับรางวัลอันดับ 1 จากการประกาศผล 50 ร้านอาหารที่ดีที่สุดในเอเชีย “Asia’s 50 Best Restaurants for 2022” และ เชฟ ฮิโรยาสึ คาวาเตะ (Chef Hiroyasu Kawate) เจ้าของร้านและเชฟร้านอาหารฝรั่งเศสแนวโมเดิร์น “Florilège” แห่งเมืองโตเกียว ที่มีชื่อเสียงเรื่องการรังสรรค์เมนูได้อย่างงดงามจากวัตถุดิบตามฤดูกาลของญี่ปุ่น รสชาติมีความอร่อยแบบซับซ้อนที่น่าค้นหา ซึ่งได้รับรางวัลอันดับ 3 “Asia’s 50 Best Restaurants for 2022”
ในปี 2563 เชฟทั้ง 2 จับมือกันเปิดร้าน Den Kushi Flori ที่ชิบูยา กรุงโตเกียว โดยเลือกใช้คำว่า “Kushi” เชื่อมชื่อร้านของเชฟทั้ง 2 ซึ่ง Kushi เป็นอาหารที่เสิร์ฟแบบใช้ไม้เสียบ สื่อถึงการเชื่อมต่อสไตล์อาหารของ 2 ร้าน และการเชื่อมความผูกพันระหว่างลูกค้าและร้านอาหารด้วยกัน ด้วยเมนูที่เสิร์ฟในรูปแบบคอร์ส ซึ่งเรียกการจัดและเสิร์ฟอาหารที่เป็นเอกลักษณ์นี้ว่า innovative cuisine อันมีความคล้ายคลึงกับสไตล์ไคเซกิ (kaiseki) แต่ถูกนำเสนอในรูปแบบที่แปลกใหม่และน่าสนใจยิ่งขึ้น
ซึ่งเมนูใหม่ประจำฤดูกาล Winter นี้ ยังคงความแปลกใหม่น่าสนใจ มาพร้อมรสชาติที่อร่อยลงตัวอย่างคาดไม่ถึง โดยมีเมนูไฮไลท์ อาทิ
· เทอร์รีนผักเคล้าด้วยน้ำซุปดาชิและไข่ปลาแซลมอน (Terrine de Légumes topped with Ikura, Dashi and Wasabi)
· ลูกชิ้นกุ้งสไตล์ญี่ปุ่นเสิร์ฟมาในต้มข่าไก่สูตรเฉพาะ (Shrimp Ball (Ebi Shinjo) with Tom kha Gai Soup)
· ลูกชิ้นเป็ดและอกเป็ดเสียบไม้ เสิร์ฟพร้อมผักกวางตุ้งขนาดพอดีคำและซอสฟัวกราส์ (Duck Meat Ball and Duck Breast Kushi with Bok Choy and Foie gras Sauce)
· ข้าวอบหม้อดินผักรวม ใส่เห็ด, โกโบ และแครอท ท๊อปด้วยลิ้นวัวคัดพิเศษชิ้นหนานุ่ม (Clay pot Rice with Mix Vegetable (Mushroom, Gobo or Burdock Root, Carrot) and Beef tongue)
· พุดดิ้งนมถั่วเหลืองโรยทรัฟเฟิล ทานคู่กับหอยเชลล์ย่างราดซอสหัวไชเท้า (Soy Milk Pudding and Charred Scallop with Daikon Sauce and top with Truffle)
· หอยเป๋าฮื้อนึ่งราดครีมซอสน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงอย่างฟักทองและเทมปุระมันฝรั่ง (Steamed Abalone with Apple vinegar Cream Sauce, Pumpkin and Potato Tempura)
โดย Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ ได้ เชฟ ซูซูมุ ชิมิสึ (Chef Susumu Shimizu) เฮดเชฟจากสาขาญี่ปุ่น ผู้ที่ทำให้ร้านสาขาญี่ปุ่นได้รับ 1 ดาวมิชลินในเวลาอันรวดเร็ว และมีชื่อเสียงโด่งดังจนต้องจองที่นั่งล่วงหน้าหลายเดือน ย้ายมาประจำการที่ไทย ซึ่งเชฟชิมิสึได้นำประสบการณ์จากการทำงานในร้านอาหารที่มีชื่อเสียงทั้งที่ญี่ปุ่นและฝรั่งเศส อาทิ ร้านที่ได้รับรางวัลมิชลิน 3 ดาวอย่างเช่น ร้าน “Marc Veyrat”, ร้าน “Arpège” ของเชฟ Alain Passard ผู้ซึ่งจุดประกายให้เชฟชิมิสึมีแรงบันดาลใจในการเป็นผู้เชี่ยวชาญอาหารจานเนื้อ (meat specialist) และนำพาความชำนาญจากประสบการณ์การขายเนื้อที่ร้าน Hugo Desnoyer ซึ่งเป็นร้านขายเนื้อที่ดีที่สุดในปารีส มารังสรรค์เมนูที่น่าหลงใหลให้กับ Den Kushi Flori
Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่ชั้น LG อาคารเอราวัณ แบงค็อก ที่สะดวกทั้งในการเดินทางและจอดรถในอาคาร เชฟชิมิสึและทีมเชฟ พร้อมโชว์วิธีการปรุงอาหารในรูปแบบ innovative cuisine ที่น่าสนใจและเสิร์ฟผ่านหน้าเคาน์เตอร์ให้กับลูกค้า ซึ่งนอกจากความอร่อย ลูกค้ายังจะได้รับความเพลิดเพลินและชื่นชมความคล่องแคล่วว่องไวของเชฟแบบใกล้ชิด
การตกแต่งภายในร้าน มีความคล้ายที่ญี่ปุ่นเพื่อคงไว้ซึ่งบรรยากาศเดียวกัน ด้านในตกแต่งโทนสีเข้ม ตัดกับแสงไฟที่มีความสลัวๆ ทำให้รู้สึกถึงการต้อนรับที่อบอุ่นทั้งจากเชฟและพนักงาน การจัดที่นั่งของร้าน ห้องหลักจะมีเคาน์เตอร์ตรงกลางรูปตัวยู ซึ่งหลังเคาน์เตอร์จะเป็นพื้นที่การจัดเตรียมและทำอาหารของเชฟ มีที่นั่ง 18 ที่ล้อมเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นจำนวนที่เท่ากันกับที่โตเกียว แสดงถึงเป็นจำนวนที่เหมาะสมสำหรับเชฟในการดูแลลูกค้าให้ทั่วถึง และมีห้องรับรองแบบส่วนตัว 1 ห้อง 6 ที่นั่ง ที่ดูสวยมีเสน่ห์จากการใช้โทนสีทองแดง
Den Kushi Flori สาขากรุงเทพฯ เปิดให้บริการทุกวัน (ยกเว้นวันอังคาร) สอบถามข้อมูลและจองที่นั่งล่วงหน้าได้ที่ โทร. 02-022-0200 หรือ LINE OA: @denkushifloribkk โดยมื้อกลางวัน 5 คอร์ส ราคา 2,800++ บาท (เวลา 12.00 - 15.00 น. last booking 13.00 น.) และ มื้อ Dinner 7 คอร์ส ราคา 3,500++ บาท (เวลา 18.00 - 21.30 น. last booking 19.30 น.)