ลมหายใจจบสิ้น แต่ความงามเป็นที่ถวิลตราบนิรันดร์: เอลซา เปเร็ตติ
ขอไว้อาลัยให้แก่เอลซา เปเร็ตติ (Elsa Peretti) อดีตนางแบบชื่อดัง เป็นที่รู้จักในยุค 1970 จากเรืองร่างสูงโปร่ง ผมตรงตัดสั้น มักปรากฏกายกับแว่นตาคู่เก๋ เจ้าของเหตุการณ์นำเสื้อโค้ทของเฟอร์ของเธอปาใส่กองไฟอย่างเดือดดาลตอนทะเลาะกับฮาลส์ตัน (Halston) นักออกแบบระดับตำนาน ซึ่งเธอเป็นนางแบบประจำให้แก่เขา และปัจจุบันคือหนึ่งในนักออกแบบเสาหลักของ Tiffany & Co. ผู้ประสบความสำเร็จอย่างกึกก้องในฐานะสุภาพสตรีนักออกแบบเครื่องประดับด้วยผลงานปฏิวัติวงการอันอาศัยแรงบันดาลใจจากธรรมชาติรอบตัว
จากเวทีชีวิตอันรุ่งโรจน์โชติช่วงท่ามกลางแสงสีแห่งคลับประวัติศาสตร์นิวยอร์ก, สตูดิโอ 54, มาสู่ความวิจิตรตระการตาของแบรนด์เครื่องเพชรที่อยู่ยืนยงมานานกว่า 180 ปี ได้จากไปอย่างสงบระหว่างนอนหลับพักผ่อนตามปรกติในบ้านพำนักของตนที่หมู่บ้านเล็กๆ นอกเมืองบาร์เซนา ประเทศสเปนกับวัย 80 ปีเมื่อคืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
กว่าห้าทศวรรษกับการทำงานร่วมกันระหว่างนักออกแบบสัญชาติอิตาเลียน และแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีอเมริกัน หลายผลงานของเธอครองความนิยมตลอดกาล ไม่ว่าจะเป็นรูปทรงประติมากรรมของกำไลปลอกข้อมือ Bone Cuff หรือจี้สร้อยคอรูปหัวใจเปิดโปร่ง Open Heart ผลงานหลายชิ้นถูกออกแบบขึ้นด้วยความเข้าใจอันมีต่อความแตกต่างทางงบประมาณการซื้อของลูกค้า แรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ถูกถ่ายทอดมาสู่ความหรูหราที่ผู้หญิงทั้งหลายสามารถจับต้องได้ในระดับราคาตั้งแต่ 325 เหรียญจนถึง 75,000 เหรียญ “เราต้องเข้าใจนะคะว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็อยากสวมเครื่องเพชร เครื่องประดับเวลาออกไปไหนๆ กันทั้งนั้น แต่ก็คงไม่มีใครอยากสวมเครื่องเพชรหนึ่งล้านดอลลาร์เดินถนนหรอก” เธอกล่าวถึงประเด็นนี้
เด็กสาวผู้ถือกำเนิดในครอบครัวหัวอนุรักษ์อันมั่งคั่งแห่งนครฟลอเรนซ์ เข้ารับการศึกษาอย่างสมฐานะทั้งในกรุงโรม และประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนออกไปเผชิญชีวิตอย่างโลดโผนในกรุงบาร์เซโลนาเมื่ออายุได้ 20 เศษเพื่อทำงานเป็นนางแบบให้แก่บรรดาศิลปินจิตรกร และทะยานสู่การเป็นนางแบบระดับโลกหลังเซ็นสัญญากับวิลเฮลมินา (Wilhelmina Agency) ในปี 1968 นั่นเองที่ทำให้เธอได้พบกับฮาลส์ตัน นักออกแบบแห่งนิวยอร์ก ซึ่งกลายเป็นเพื่อนสนิทของเธออย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าเปเร็ตติชื่นชอบการออกแบบเครื่องประดับ จึงได้แนะนำให้เธอทำความรู้จักกับทีมผู้บริหารระดับสูงของ Tiffany & Co. เมื่อมีโอกาส
หนึ่งในทีมนางแบบเจ้าของสมญา “ฮาลส์ตันเน็ตต์ส์” แห่งทศวรรษ 1970 ซึ่งรวมถึงแพ็ต คลีฟแลนด์, แอนเจลิกา ฮุสตัน และคาเรน บิยอร์นสัน ได้เบนเข็มชีวิตของตนมาสู่งานออกแบบเครื่องประดับเต็มตัวด้วยการเริ่มงานออกแบบให้แก่ Tiffany & Co. เมื่อปี 1974 หลังจากเคยคว้ารางวัลงานออกแบบเครื่องประดับ Coty Award มาแล้วตอนปี 1971 และวางจำหน่ายผลงานของตนเองระหว่างปี 1972 ที่ห้างบลูมิงเดล เธอกลายเป็นนักออกแบบผู้ร่วมงานกับ Tiffany & Co. ได้ยาวนานที่สุด ซึ่งคอลเลคชันต่างๆ ยังครอบคลุมไปถึงภาชนะตั้งโต๊ะอาหาร ทั้งเครื่องกระเบื้อง, เครื่องแก้วเจียระไน และเครื่องเงิน มีกระทั่งมีดโกน และอุปกรณ์หั่นพิซซาทำจากเงินสเตอร์ลิง โลหะที่เธอนิยมชมชอบ
“เอลซาหาได้เป็นแค่นักออกแบบ แต่เธอเป็นวิถีแห่งชีวิต” คือคำกล่าวจากปากคำผู้บริหาร Tiffany & Co. หลังวันที่เธอเสียชีวิต “เอลซาสำรวจ และศึกษาธรรมชาติด้วยสายตาเฉียบแหลมแบบนักวิทยาศาสตร์ ผ่านมุมมองของประติมากร”
และเมื่อทบทวนถึงผลงานตลอด 50 ปี เราอาจพบว่ารูปลักษณ์ทางงานออกแบบของเปเร็ตติหาได้มีความหลากหลายเท่าใดนัก กระนั้น ทุกอย่างล้วนติดอันดับขายดี และขายได้ตลอดเวลา
“ฉันไม่รู้สึกว่าตัวเองต้องเพิ่มเติมอะไรมากมายลงไปในคอลเลคชันของตัวเอง เพราะงานออกแบบของฉันก็มีความสามารถที่จะ ‘หลากหลาย’ ได้เองอยู่แล้ว” เธอได้กล่าวไว้เมื่อปีที่แล้วระหว่างเปิดตัวแค็ปซูลคอลเลคชัน เครื่องประดับเฉพาะกาลซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นในวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีของงานออกแบบกำไลปลอกข้อมือรูปทรงจำลองข้อกระดูกที่ถูกต้องชื่อว่า Bone Cuff อันถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำตัวทางงานออกแบบของเธอ “นี่เป็นส่วนหนึ่งในความลับทางการออกแบบ ทุกอย่างต้องหยิบมาใช้ได้อย่างมีคุณค่าเสมอ”
และคุณค่านั้นก็ได้พิสูจน์ตัวเองถึงการเป็นเครื่องประดับที่อยู่เหนือกระแสความนิยมของยุคสมัย หลายชิ้นได้ถูกนำไปจัดเก็บเป็นผลงานระดับประวัติศาสตร์ในพิพิธภัณฑ์ และหลายชิ้นถูกนำมารังสรรค์ให้มีความสดใหม่อย่างต่อเนื่อง “แรงบันดาลใจของเธอมาจากสิ่งต่างๆ ที่เราพบได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเมล็ดถั่ว, กระดูก หรือผลแอปเปิล เหล่านี้ล้วนถูกแปรรูปไปเป็นกระดุมกลัดข้อมือเสื้อ, กำไล หรือสร้อยข้อมือ, แจกัน และแม้กระทั่งไฟแช็ค” คือคำกล่าวของคนในครอบครัว “ล่าสุดที่เราได้เห็นก็คือแมลงป่องกับงู ซึ่งกลายไปเป็นสร้อยคอกับแหวนทำจากเงินที่เธอชื่นชอบ”
หลังจาก Tiffany & Co. ต่อสัญญากับเธอไปเมื่อไม่นานมานี้ นักออกแบบสตรีผู้ยังเป็นนักกิจกรรมเพื่อมนุษยชาติ เจ้าของมูลนิธิสนับสนุนกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2000 เป็นที่ระลึกถึงบิดาของตน ได้กล่าวสรุปถึงชีวิตการทำงานของตนด้วยคำพูดสั้นๆ ว่า “ปัจจุบัน ฉันคือทิฟฟานี”
ขอบคุณภาพจาก Tiffany & Co.
The Emporium
ภาพสินค้าจาก Shutterstock