HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ฟิวชั่นผ้าขาวม้าไทยให้ร่วมสมัยผ่านคอนเซ็ปต์ของนักออกแบบวัยรุ่น
by L. Patt
10 ต.ค. 2568, 15:49
  95 views

นักออกแบบจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 4 ทีม พัฒนาคอลเลกชั่นผ้าบัว ปรับให้เป็นเสื้อผ้าสไตล์คาชวล ที่ดึงแรงบันดาลใจจากความเป็นเอกลักษณ์ของปทุมธานี

ใครที่ยังมีภาพจำว่าผ้าขาวม้าดูเชย ลองเปิดใจไปเดินดูโซนคราฟต์ หรือสินค้าไทยในห้างสรรพสินค้าหรู รวมทั้งร้านค้าออนไลน์ของวิสาหกิจชุมชนหลายแห่งทั่วประเทศ ก็จะต้องประทับใจกับผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าที่หลากหลาย แถมดีไซน์ก็เริดทันสมัยโดนใจคนเมือง คนรุ่นใหม่ จนขึ้นบนรันเวย์แฟชั่นต่างประเทศแล้ว

ผ้าขาวม้า หรือที่เราเรียกว่า ผ้าอเนกประสงค์ ถือเป็นภูมิปัญญาที่อยู่คู่วิถีชีวิตคนไทยมาหลายร้อยปี และมีอัตลักษณ์ทั้งสีสันและลวดลายที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ถูกมองว่าล้าสมัย นิยมใช้กันแต่ในชนบท โดยเฉพาะผู้สูงอายุ จนกระทั่งเกิดโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่น หัตถศิลป์ไทย เมื่อปี 2559 ซึ่งเป็นผลจากความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสถาบันการศึกษา ทำให้ปลุกกระแสผ้าขาวม้าไทยผ่านหลากหลายกิจกรรมมาอย่างต่อเนื่อง

eisa (Education Institute Support Activity) เป็นอีกแพลตฟอร์มที่ไทยเบฟใช้เชื่อมโยงนิสิต จากกว่า 50 สถาบันอุดมศึกษา กับชุมชน เปิดพื้นที่นอกห้องเรียนให้เยาวชนได้ปล่อยของ และสร้างประสบการณ์จริง เพื่อช่วยพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็ง

เมื่อเร็วๆ นี้ HappeningBKK มีโอกาสไปนั่งฟังเสวนา "การเดินทางของภูมิปัญญาผ้าขาวม้าปทุมธานีสู่วิถีเมือง Bua Voyage" ที่จัดขึ้นภายในงานมหกรรมด้านความยั่งยืน Sustainability Expo 2025 เมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทำให้เห็นมุมมองและไอเดียของน้องๆ ปี 4 สาขาวิชาการออกแบบแฟชั่น คณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่มาเล่าเบื้องหลังและกระบวนการทำงานร่วมกับวิสาหกิจชุมชนคอตตอนดีไซน์ ผู้ผลิตผ้าขาวม้าจากใยบัวหลวง แบรนด์ Worlacha จ.ปทุมธานี ตลอด 8 เดือน ภายใต้โครงการ eisa จนสามารถสร้างสรรค์คอลเลกชั่นไปวางจำหน่ายในร้านสารพัดไทย ที่ One Bangkok ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

แรงบันดาลใจในการออกแบบ

ตอนแรกที่รู้ว่าจะต้องทำโปรเจ็กผ้าขาวม้า นักศึกษาทั้ง 4 คน ก็รู้สึกว่ายาก และเครียด เพราะไม่มี passion ในเรื่องผ้าขาวม้ามาก่อนเลย โดยมีโจทย์ที่ต้องผสานจุดเด่นของจังหวัดปทุมธานีเข้ากับอัตลักษณ์ของผ้าขาวม้าใยบัว แล้วดีไซน์ออกมาให้ร่วมสมัย 

ชนิษดา วงษ์มิตรแท้ ยอมรับว่า เริ่มแรกมองผ้าขาวม้าเป็นสิ่งที่ดูเชย และการลงพื้นที่ทำงานกับชุมชนก็คิดว่าต้องยากแน่ๆ เพราะไม่ได้เหมาะกับคนรุ่นใหม่เลย หลังจากสำรวจพื้นที่ของปทุมธานีแล้ว ชนิษดาและเพื่อนร่วมทีมก็ได้แรงบันดาลใจมาจากตลาดธัญศิริ คลอง 6  ชุดที่คนทำสวนในตลาดใส่มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบเสื้อผ้า เช่น เอี๊ยม รองเท้าบู๊ท และหมวก มาผสมผสานกับสีสันของดอกไม้ และเอกลักษณ์ของผ้าใยบัว ให้มีความสดใสน่ารัก และเข้าถึงกลุ่มวัยรุ่นได้มากขึ้น                                  

วรัญญา เดชรักษา บอกว่า พอรู้ว่าเป็นผ้าใยบัว เราก็ต้องมาคิดว่า จะตีความออกมาเป็นอะไรได้บ้าง แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า เป็นสายใยของครอบครัว จากนั้นก็ไปหาแรงบันดาลใจเพิ่ม โดยมองหาสถานที่ที่เป็นแลนด์มาร์คสำหรับครอบครัว หรือเพื่อนๆ มาเที่ยวด้วยกันได้ ทีมก็ได้เลือก ดงตาลสามโคก ซึ่งมีต้นตาลที่ปลูกเรียงกันอย่างโดดเด่นกลางทุ่ง โดยเราดึง silhouette สีสัน รวมไปถึงผ้าชุมชน มาออกแบบให้มีความเป็น casual ที่ใส่ได้ทั้งเด็ก วัยรุ่น คนทำงาน หรือคนที่ชอบความเท่ทันสมัย 

ขณะที่ พิชยดา โพธ์ตุ่น ได้แรงบันดาลใจมาจากตลาดต้นไม้ที่มีมากมายอยู่ในปทุมธานี และนำมาเป็นคอนเซ็ปต์คอลเลกชั่นนี้ว่า 'สารพัดดอก' โดยเราดึง silhouette และ element ของต้นไม้ ดอกไม้ และชาวสวน ซึ่งจะมีรายละเอียดเป็นลายปักดอกไม้หลากสีเหมือนกับสวนดอกไม้ และมีดอกบัวที่เป็นสัญลักษณ์ของผ้าใยบัวด้วย

พิชยดา เล่าว่า ตนเองและเพื่อนๆ ไม่เคยเห็นกระบวนการทอผ้าขาวม้ามาก่อนเลย และไม่รู้ว่า ใยบัวก็สามารถนำมาเป็นเส้นใยทอผ้าได้ด้วย โครงการนี้ทำให้เราได้ทดลองและมีประสบการณ์ในสิ่งที่เราไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้ทำ เช่น การรีดใยบัวออกมาทีละเส้น และเรียนรู้การทำงานร่วมกับชุมชนด้วย

ส่วน สุกฤษ กอสกุล เลือกศาลเจ้ามาเป็นแรงบันดาลในการออกแบบคอลเลกชั่น เพราะอยากจะเชื่อมโยงวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิกับคนรุ่นใหม่ เขามองว่า ผู้ใหญ่จะเคารพและศรัทธาสิ่งศักดิ์สิทธิอยู่แล้ว เปรียบเสมือนเป็นการเชื่อมโยงผู้ใหญ่กับวัยรุ่นให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น ซึ่งผ้าขาวม้ามีสีและลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เมื่อนำมาผสมผสานกับ Ready-to-wear ก็ทำให้การแต่งตัวในชีวิตประจำวันมีความน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งถือเป็นความท้าทายอย่างมากเพราะต้องออกแบบสินค้าเพื่อนำไปขายจริงที่ร้านสารพัดไทย - One Bangkok ทำให้ต้องเรียนรู้เรื่องการคิดต้นทุนการผลิตด้วย

สินค้าชุมชนจะยั่งยืนได้อย่างไร

วรรณชื่น ทองเย็น ผู้จัดการทั่วไป ร้านสารพัดไทย ที่ One Bangkok เล่าว่า เรามีการพิจารณาร่วมกับมหาวิทยาลัยตั้งแต่เริ่มต้นว่า จะขายไอเทมไหนดีที่จะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและกลุ่มวัยรุ่นที่เป็นชาวต่างชาติเป็นหลัก เพราะ 70-80% เป็นลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งการพัฒนาสินค้าโดยมีนักศึกษาเข้ามาช่วยในการออกแบบก็ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ 

ผ้าขาวม้าที่ถูกนำมาปรับให้เป็นสินค้ารูปแบบใหม่ ทำให้น่าสนใจขึ้น ซึ่งเราก็เพิ่งรู้เหมือนกันว่าใยบัวสามารถนำมาทำผ้าได้ และมีสีสันสดใส และเนื้อผ้านิ่มมาก พอนำตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าทำให้สวมใส่สบาย และดีไซน์สวยทันสมัย

นอกจากนี้ ชุมชนจะต้องสร้างแบรนด์ และมีเอกลักษณ์ของแบรนด์เข้ามาช่วย เพราะการที่เราออกสินค้ามาหนึ่งชิ้นแล้วแปะเข้าไปว่า แบรนด์นี้เรา talk เกี่ยวกับอะไร คอนเซ็ปต์คืออะไร ถ้าเราทำสินค้าที่มีคุณภาพสูง เราจะต้องมีการเล่าเรื่องให้น่าสนใจและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้า รวมถึงการออกแบบแพกเกจจิ้งที่ดีด้วย ซึ่งจะทำให้การเดินทางของสินค้าชิ้นนั้นมีระยะยาวยาวนานมากขึ้น

อีกอย่างคือ ดีมานด์ของตลาด เมื่อเราสร้างแบรนด์แล้ว เราจะต้องสื่อสารไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน จะทำให้เรามีฐานลูกค้าและขยายให้ใหญ่ขึ้นไปได้ และจะทำให้เราสามารถตั้งราคาที่ค่อนข้างเป็นมาตรฐานสำหรับแบรนด์และเจาะกลุ่มเป้าหมาย นอกจากตลาดในประเทศแล้ว ก็สามารถขยายไปตลาดต่างประเทศได้ด้วย

 

ABOUT THE AUTHOR
L. Patt

L. Patt

ALL POSTS