จากจ๋า อย่าจากบางกะเจ้าไป
ทันทีที่เรือข้ามฟากกำลังเข้าเทียบท่าฝั่งบางกะเจ้า ภาพที่ทุกคนจะต้องเห็นนอกเหนือไปจากบ้านไม้ริมน้ำคือต้นจากขึ้นอยู่หนาแน่นแทบจะตลอดริมตลิ่งจนทำให้เริ่มคิดถึงลูกจากแช่อิ่มเย็นๆ อร่อยชื่นใจ
น้อยคนนักที่จะรู้ว่าประโยชน์ของลูกจากนั้นมีมากกว่าแค่ทำขนม เพราะส่วนต่างๆ ของต้นจากสามารถนำมาแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชน ผลจากแก่เกินรับประทานสามารถนำมาอบแห้งและปั่นเป็นแป้งทำขนม หรือเปลือกและเนื้อจากสามารถนำมาแปรรูปเป็นวัตถุดิบทำสบู่ได้
นี่จึงเป็นที่มาของโครงการ “ไม่สิ้นจากคุ้งบางกะเจ้า” ที่นำเอาวัตถุดิบในพื้นที่ที่ถูกมองข้าม นั่นก็คือผลจากแก่เกินรับประทาน และเปลือกมาผลิตเป็น “สบู่จาก” เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบในท้องถิ่นและสร้างรายได้ให้กับชุมชน
“สบู่จาก” เป็นผลของความพยายามของกลุ่ม “พอแล้วดี The Creator” ร่วมกับกลุ่มเครือข่ายรักษ์คุ้งบางกะเจ้าที่จะเปลี่ยนวัตถุดิบในพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ และถูกนำมาจัดทำเป็นเวอร์คช้อปในงาน Sustainable Brand Bangkok 2018 ที่จัดขึ้นที่บางกะเจ้าเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ในงานดังกล่าวมีวิทยากรจากทั่วโลกและประเทศไทยมาเล่าประสบการณ์ความสำเร็จที่แต่ละคนได้ทำเพื่อรักษาและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น Kei Nakayama ที่มาเล่าประสบการณ์ของเขาที่ได้เปลี่ยนKeihoku เมืองชนบทนอกกรุงเกียวโตให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่เน้นวิถีชุมชนเป็นหลักจนใครๆ ก็อยากไปเยือน หรือ Javier Goyeneche ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Ecoalfที่นำเอาอวนจับปลาในทะเลมาเป็นวัตถุดิบการผลิตเสื้อผ้า หรือนักแสดงอย่างอเล็กซ์ เรนเดลล์ที่มาเล่าประสบการณ์ส่วนตัวก่อนที่จะทำให้เขากลายมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจเพื่อสังคมEEC (Environmental Educational Center Thailand) ที่เป็นศูนย์ปลูกฝังความรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กๆ เพื่อให้พวกเขากลายเป็นผู้ใหญ่ที่รักษาสิ่งแวดล้อมในอนาคต
การทดลองทำสบู่จากเกิดขึ้นประมาณสามเดือนก่อนงาน SBB2018 เมื่อทีมงานร่วมกับชุมชนพยายามหาวัตถุดิบที่มีมากในพื้นที่แต่ถูกมองข้ามเพื่อนำมาผลิตเป็นสินค้า เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับวัตถุดิบดังกล่าวและสร้างรายได้ให้กับชุมชน และพวกเขาตกลงกันว่าจะใช้จากมาผลิตสินค้า
ธนากร สัณหรักษ์ สมาชิกเครือข่ายรักษ์คุ้งบางกะเจ้า เล่าว่าแม้ว่าเราจะอยู่ห่างกันแค่ห้านาทีโดยเรือข้ามฟากแต่หลายๆ อย่างในบางกะเจ้ากับกรุงเทพนั้นต่างกันราวกับอยู่คนละโลก บางกะเจ้าทำทำหน้าที่เป็น “ปอดของกรุงเทพ” ก็ยังมีพื้นที่สีเขียว ป่าชายเลน ความหลากหลายทางชีวภาพ มากพอจนได้รับการยกย่องให้เป็นแหล่งผลิตโอโซนอันดับที่ 7 ของโลก แต่กรุงเทพกลับกลายเป็นป่าคอนกรีตที่มีแต่ตึกสูง
เช่นเดียวกับความเป็นอยู่ของเด็กๆ ในชุมชนในเขตบางกะเจ้านั้นแตกต่างจากเด็กในเขตกรุงเทพฯ ที่ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลางมีการศึกษา แต่เด็กๆ แถวนี้มักมีวิถีชีวิตคล้ายชาวบ้านตามต่างจังหวัดและมีเด็กจำนวนมากที่ออกจากโรงเรียนกลางคัน บางคนจบการศึกษาแค่ชั้นประถมหรือมัธยมต้น ทำให้ยากที่จะหางานที่สร้างรายได้มากพอทำให้เด็กหลายคนจึงจบลงที่การเป็นเด็กแว้น
ธนากรจึงพยายามเปลี่ยนวิถีชีวิตเด็กในชุมชนด้วยการสร้างอาชีพเพื่อให้คนในชุมชนมีรายได้ ซึ่งตรงกับสิ่งที่กลุ่ม พอแล้วดี The Creator กำลังมองหากลุ่มคนในพื้นที่เพื่อผลิตสินค้าจากวัตถุดิบในท้องถิ่น
วรนุช ภาคานาม จากกลุ่ม “พอแล้วดี The Creator” เล่าว่าพวกเธอพยายามมองหาวัตถุดิบในพื้นที่ที่ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ และได้พบกับต้นพิลังกาสา ใบย่านาง ใบเตย ซึ่งไม่ได้เป็นพืชท้องถิ่นจริงๆ แต่ใครๆ ก็รู้ดีว่าบางกะเจ้ามีป่าจากที่มีผลจากมากจนชาวบ้านเก็บผลจากอ่อนมาทำเป็นของหวานกันไม่ทัน จนผลจากเหล่านี้แก่เกินรับประทานเป็นของหวานและล่วงหล่นบนพื้นและกลายเป็นต้นจากในบางกะเจ้า
วรนุชเล่าต่ออีกว่ากว่าจะมาถึงการทำสบู่นั้นได้มีการลองผิดลองถูกมาแล้วกับต้นจาก ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าต้นจากน่าจะให้น้ำตาลได้เหมือนมะพร้าวหรือตาลโตนด จึงทดลองเก็บน้ำตาลจากต้นจากเพื่อนำมาทำน้ำตาลและให้ชุมชนบางกะเจ้าทำขนมขาย แต่การทดลองไม่เป็นผลเพราะช่วงที่ทดลองนั้นเป็นหน้าฝนทำให้การเก็บน้ำตาลได้น้อยและมีน้ำผสมมากเกินไป
จากนั้นพวกเขาจึงลองมองหาการใช้จากในรูปแบบอื่นที่สามารถใช้จากได้ทุกส่วนตั้งแต่เปลือก ผลแก่ที่มักถูกมองข้าม ทำให้มาลงเอยที่การทำสบู่ที่สามารถใช้ทุกส่วนของจากจริงๆ ผลจากแก่เกินรับประทานจะถูกนำมาอบจนแห้งและบดเพื่อใช้เป็นส่วนผสมทำหน้าที่เป็นสครับในสบู่ ในขณะที่เปลือกจะถูกนำมาเผาในปี๊บจนกลายเป็นถ่านแล้วนำมาผสมในขั้นตอนการทำสบู่เพื่อทดแทนการใช้ด่างบางส่วนและให้สีดำเพื่อลดการใช้สารเคมีในการให้สีดำ สบู่ที่ผลิตโดยกลุ่ม “ไม่สิ้นจากคุ้งบางกะเจ้า” จึงมีสองสีคือ สีขาวที่มีผลจากบดเป็นสครับ และสีดำที่มีเปลือกจากเผาเป็นสีผสม
นอกจากนี้แล้วพวกเขาทดลองใช้ผลจากที่แก่จัดจนไม่สามารถนำมาทำลูกจากแช่อิ่มได้แล้ว นำมาอบแห้งและบดเป็นผงแป้งไร้กลูเต็น จากนั้นนำผงแป้งจากมาผสมกับแป้งมันและเกลือแล้วนำมาทอดเป็นแผ่นคล้ายโรตี
แต่ธนากรบอกว่าพวกเขาตกลงกับเด็กๆ ไว้แล้วว่าจะไม่ใช้เก็บผลจากมาทำสบู่ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงธันวาคมเพราะจะเป็นช่วงที่คนเก็บผลจากอ่อนไปทำขนมมากที่สุดของปี
ถ้าคุณได้ลองใช้สบู่จากดูแล้วจะรู้ว่ามันให้ความรู้สึกต่างจากสบู่ที่วางขายตามห้างสรรพสินค้า เราทดลองใช้แล้วรู้สึกว่าสบู่จากนี้ไม่มีกลิ่นน้ำหอมใดๆ และมีส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นกว่า อีกทั้งผงใยจากที่ผสมอยู่ในก้อนสบู่ก็ทำหน้าที่ขัดผิวแทนเม็ดบีดได้เป็นอย่างดี ผงใยจากยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมกว่าเม็ดบีดพลาสติกที่มักผสมในสบู่เหลวที่ขายตามท้องตลาดอีกด้วยเพราะมันสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
ใครอยากจะอุดหนุนน้องๆ ให้สร้างรายได้จากการทำสบู่ด้วยวัตถุดิบที่ถูกทิ้งในพื้นที่ ลองคลิกไปที่หน้า “ไม่สิ้นจากคุ้งบางกะเจ้า” ในเฟสบุ๊ก
หรือถ้าใครอยากจะทดลองทำสบู่ใช้เองที่บ้าน วรนุชและน้องๆ ยังแบ่งสูตรทำสบู่มาให้ทดลองกันสนุกๆ
วัตถุดิบ
1. น้ำมันปาล์ม 200 มิลลิลิตร
2. น้ำมันมะพร้าว 200 มิลลิลิตร
3. น้ำมันรำข้าว 15 มิลลิลิตร
4. ผงใยจาก 15 กรัม
5. น้ำด่าง 70 มิลลิลิตร
วิธีทำ
1.นำส่วนผสม 1, 2, และ 3 ให้เข้ากัน
2. เติมข้อ 4 และคนให้เส้นใยกระจายให้ทั่ว
3. แล้วใส่ น้ำด่าง คนต่อเนื่องตามเข็มนาฬิกาจนเนื้อน้ำมันเริ่มหนืด
4. เทใส่พิมพ์ ทิ้งไว้วันหรือสองวันจนแข็งตัวแล้วแกะออกจากพิมพ์
5. ทิ้งสบู่ไว้ประมาณ 15-20 วันเพื่อให้น้ำด่างระเหยออกจากสบู่จนหมดจึงนำมาใช้
STORY BY Arinya
PHOTO BY Sukree Sukplang, พอแล้วดี The creator