HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
คบเด็ก พาเที่ยวที่ “อีย่า ดือ โมซัมบิก”
by โลจน์ นันทิวัชรินทร์
7 ก.ย. 2561, 16:03
  2,683 views

อะไรจะเกิดขึ้นเมื่อนักเดินทางต้องจำใจคบเด็กเป็นไกด์พาเที่ยวที่โมซมบิก

       อีย่า ดือ โมซัมบิก (Ilha de Mocambique) เป็นเกาะสวยอยู่ประชิดติดชายฝั่งประเทศโมซัมบิก ประเทศขนาดใหญ่ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา

         เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่มรดกโลกอันควรอนุรักษ์โดยยูเนสโกมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 บนเกาะความยาว 3 กิโลเมตรแห่งนี้อัดแน่นไปด้วยอาคารเก่าทรงยุโรปอันสวยงามมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15 ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมอาหรับและแอฟริกัน และที่นี่ก็มีทั้งโบสถ์คาธอลิก มัสยิด และวัดฮินดู

อีย่า ดือ โมซัมบิก เต็มไปด้วยอาคารสวยงามในสถาปัตยกรรมยุโรปและอีกหลากหลาย

         เมื่อวาชกู ดา กามา (Vasco da Gama) นักสำรวจชาวปอรตุเกสเดินเรือข้ามทวีปจากยุโรปมาจนถึงแอฟริกาในปี ค.ศ. 1498 นั้น ในขณะนั้นดินแดนแห่งนี้ยังตกอยู่ใต้อาณัติของสุลต่านอาหรับนามว่า Ali Musa Mbiki และต่อมานามนี้ได้กลายมาเป็นคำว่า โมซัมบิก อันเป็นชื่อของประเทศมาตั้งแต่เมื่อตกอยู่ภายใต้การปกครองของปอรตุเกสตั้งแต่คริสตศตวรรษที่ 15 ....จวบจนปัจจุบัน

อนุสาวรีย์เพื่อเป็นที่ระลึกแก่ Luis Camoes กวีเอกชาวปอรตุเกสที่เคยใช้ชีวิตที่ อีย่า ดือ โมซัมบิก

         อีย่า ดือ โมซัมบิก ไม่ได้มีความสำคัญในฐานะอดีตเมืองหลวงแห่งแรกของประเทศเท่านั้น เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้คือจุดกำเนิดที่พัฒนาให้โมซัมบิกกลายเป็นดินแดนพหุสังคมที่ผสมผสานคนหลากเชื้อชาติและวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน

         ผมตัดสินใจเดินทางมาที่นี่โดยฝันไว้ว่าจะใช้เวลาย่ำไปช้า ๆ เพื่อดื่มด่ำกับเมืองเก่าที่ยังคงความสวยงามอยู่ทุกซอกทุกมุม หลังจากที่พักผ่อนจนหายเจ็ทแล็กแล้ว ในเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ก็ถึงเวลาที่ผมจะได้ทำตามความฝันเสียที....แต่

อีย่า ดือ โมซัมบิก เต็มไปด้วยอาคารสวยงามในสถาปัตยกรรมยุโรปและอีกหลากหลาย

       “อามีกู้ อามีกู้... หนีห่าว หนีห่าว  เสียงเด็กเล็ก ๆ ทักทายผมอย่างร่าเริง เมื่อผมเริ่มเดินออกจากโรงแรม คำว่า อามีกู้ นั้นคือ Amigo อันเป็นคำภาษาปอรตุเกสที่แปลว่าเพื่อน ส่วนหนีห่าวนั้น ก็พอเดาได้ว่าเจ้าหนูทึกทึกว่าผมเป็นชาวจีน

        “อามีกู้ อามีกู้... หนีห่าว หนีห่าว  เอาอีกละ... คราวนี้จำนวนเด็กเริ่มเพิ่มขึ้นจากหนึ่ง เป็นสอง สาม สี่ และดูเหมือนว่าจะมาเรื่อย ๆ

        “Nao. Sou Tailandes - ไม่ใช่ พี่เป็นคนไทยครับผมตอบด้วยภาษาปอรตุเกสสั้น ๆ ตามที่เพิ่งเรียนมา

         “อามีกู้มาจาก Japao รึเปล่า? มาจาก Japao ใช่ไหม?” ....วะ ยังไม่เลิกอีก ก็บอกแล้วไงว่าเป็นคนไทยไม่ใช่จีน ญี่ปุ่น หรือชาติไหนทั้งนั้น

         เด็ก ๆ ยังไม่เลิกเดินตาม แม้จะเดินหนี....

ดาราหน้ากล้อง

       “มีปากกาไหม? มีสมุดไหม? อยากได้ อยากเอาไว้ไปเรียนหนังสือ หรือจะรองเท้าแตะของเซนยอร์ก็ได้นะ ขอนะ ขอนะ... ไม่ก็เสื้อของเซนยอร์ก็ได้...ไม่เลิกอีก

        “Nao ปากกาก็ไม่มี สมุดก็ไม่มี และจะไม่ให้อะไรทั้งนั้น แล้วรองเท้ากับเสื้อก็ใส่อยู่ จะให้ถอดให้เหรอครับน้อง...” ผมเริ่มหงุดหงิด

        ใจนึงก็แอบสงสารและอยากให้ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พอจะช่วยเหลือเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ แต่เมื่อคิดว่าเราอาจจะกำลังจะสร้าง ขอทานอาชีพ แล้วก็ต้องใจแข็ง

       “เอางี้....” ผมหันกลับไปพูดกับเด็กกลุ่มนี้อย่างจริงจัง ฟังพี่นะ... ถ้าวัน เอาแต่มาเดินขอข้าวของจากนักท่องเที่ยวแบบนี้ อีกหน่อยจะไม่มีใครมาเที่ยวที่อีย่า ดือ โมซัมบิก อีก เพราะมันน่ารำคาญมาก และยังไงพี่ก็จะไม่ให้เด็ดขาด เลิกขอได้แล้ว...เข้าใจไหม?” เด็ก ๆ ดูอึ้งไปทันทีเพราะผมพยายามอธิบายข้อความเมื่อสักครู่ด้วยภาษาปอรตุเกส ผสมอังกฤษ และอิตาเลียน...ซึ่งเป็นภาษาที่ผมพอพูดได้ และใกล้เคียงกับปอรตุเกสมาก ๆ และผมคิดว่าเด็ก ๆ เข้าใจ

        “ถ้าอยากได้ของ...ก็ต้องทำงานแลกของ หรือแลกเงินไปซื้อของนะ... เข้าใจไหม?”  ผมยังคงพยายามสื่อสารต่อพร้อมกับปิ๊งไอเดียขึ้นมาหนึ่งอย่าง

        “ถ้ามาพาพี่เดินเที่ยวอีย่า ดือ โมซัมบิก ให้ทั่ว แล้วพี่จะพาไปซื้อขนมให้ที่ตลาด...ที่แมรกาดู เซนตราล และผมก็ตั้งใจจริง ๆ ที่จะพาพวกเด็ก ๆ ไปเลือกซื้อขนมที่ Mercado Central หากเขาพาผมเที่ยวสำเร็จ

เซนยอร์ไตลานเด๊ชและอาสาสมัครมัคคุเทศก์ยุวชนแห่งอีย่า ดือ โมซัมบิก

         ดังนั้นโครงการอาสาสมัครมัคคุเทศก์ยุวชนแห่งอีย่า ดือ โมซัมบิก จึงเกิดขึ้นในตอนสายของวันนั้น โดยมีข้อตกลงร่วมกันว่า เราจะต้องไปกันแค่นี้ คือผม และน้อง ๆ อีก 5 คน ห้ามไปชวนใครมาอีก และน้อง ๆ ต้องพยายามอธิบายสถานที่ต่าง ๆ โดยใช้ภาษาอังกฤษผสมปอรตุเกสเท่าที่สามารถจะทำได้ ทั้งนี้เด็ก ๆ จะได้ฝึกภาษาอังกฤษ ส่วนผมก็จะได้ฝึกภาษาปอรตุเกสที่เพิ่งร่ำเรียนมา และเมื่อจบทัวร์นี้จบลง เด็ก ๆ ก็จะได้ไปเลือกขนมที่ตัวเองชอบจากแผงขนมในตลาดมาเป็นรางวัลคนละหนึ่งห่อ

        เมื่อก่อนผมเคยเจอเหตุการณ์ประมาณนี้มาบ้าง เวลาเดินทางท่องเที่ยวไปยังที่ต่าง ๆ ทุก ๆ ครั้งผมเลือกที่จะเดินหนี หรือทำหน้าไม่สนใจ แต่วันนี้...ผมขอลองวิธีใหม่

        เด็ก ๆ ดูกระตือรือร้นมาก ๆ เมื่อรู้ว่าถ้าเขาทำหน้าที่อะไรบางอย่างแล้วจะได้รับรางวัลตอบแทน สิ่งแรกที่เห็นคือ เขาไปกันเด็กอื่น ๆ ไม่ต้อง... ไม่ต้องยุ่งกับเซนยอร์คนนี้ อันนี้เป็นการทำตามข้อตกลงข้อที่หนึ่งที่เราจะเดินเที่ยวกันห้าคนเท่านั้น

       เด็ก ๆ พยายามอธิบายสถานที่ต่าง ๆ เท่าที่ทำได้ และพยายามพูดอังกฤษด้วย อันนี้เจ๋งมาก ๆ ผมนี่แอบยิ้มตาหยีเลย เราเริ่มที่ปลายสุดของเกาะ นั่นคือป้อมปราการเซา เซบาชเตียว (Sao Sebastião)

        ป้อมปราการหินตระหง่านอยู่ริมทะเลสวยงาม เด็ก ๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปมีเพียงผมเท่านั้นที่เดินเข้าไปได้

       “ต้องดูอะไรบ้างที่พวกนายคิดว่าเจ๋งสุด? ผมกระซิบถามไกด์ตัวน้อย

บสถ์บาลูอาร์ตือ (Baluarte Chapel) ที่เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินแอฟริกา

      “เซนยอร์ต้องไปดูโบสถ์เล็ก ที่ปลายแหลม นั่นคือโบสถ์บาลูอาร์ตือ (Baluarte Chapel) ที่เชื่อกันว่าเป็นโบสถ์คริสต์ที่เก่าแก่ที่สุดในแผ่นดินแอฟริกา แล้วก็อย่าลืมไปดูห้องโถงเก็บน้ำ เป็นห้องโถงที่ใหญ่มาก สูงมาก ใช้กักเก็บน้ำฝนไว้ใช้บนเกาะมาตั้งแต่โบราณ และด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาด น้ำฝนที่ตกบนหลังคาหรือบนตัวป้อมปราการทุกเม็ดจะถูกนำมารวมในห้องโถงแห่งนี้ มันเป็นโถงที่สูงเหมือนตึกหลายชั้นเลย และทุกวันนี้ก็ยังเป็นแหล่งน้ำจืดของคนบนเกาะนี้อยู่......นอกนั้นเซนยอร์ก็เดินไปทั่ว นะ วิวสวยมาก เซนยอร์จะต้องชอบแน่ หัวหน้าทัวร์แนะนำ และแน่นอนว่าเซนยอร์ลูกทัวร์อย่างผมก็ทำตามโดยดี

บนป้อมเซา เซบาชเตียว

        จากป้อมเซา เซบาชเตียว เด็ก ๆ ผาผมออกมารวมกลุ่มกับเด็ก ๆ เพื่อเที่ยวต่อ

        อันอีย่า ดือ โมซัมบิกนั้นมีความยาวประมาณ 3 กิโลเมตร และแบ่งพื้นที่ออกเป็นครึ่ง ๆ กล่าวคือ

        พื้นที่ยาวประมาณ 1.5 กิโลเมตรที่อยู่ปลายติ่งด้านทะเลนั้น เป็นพื้นที่ที่เรียกว่า ‘Stone Town’ ซึ่งชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นเขตที่มีสิ่งก่อสร้างทำจากหิน และมักเป็นอาคารสถาปัตยกรรมแบบยุโรปอันสวยงาม โอ่โถง ไม่ว่าจะเป็นอาคารที่ทำการรัฐบาล จวนผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ของกษัตริย์ปอรตุเกส ที่ทำการศุลกากร โรงพยาบาล โบสถ์ วิหาร รวมทั้งตลาด แน่นอนว่าในอดีต บริเวณนี้เป็นที่อยู่อาศัยของชนชั้นปกครอง และชนผิวขาวเท่านั้น ส่วนชาวแอฟริกันมักจะถูกกีดกันให้อยู่อีกส่วนหนึ่งของเกาะ ในพื้นที่ 1.5 กิโลเมตรที่เหลือ อันเป็นย่านที่เรียกว่า มากูตี” (Macúti)

        วันนี้ผมกับเด็ก เดินเที่ยวเฉพาะเขตสโตนทาวน์เท่านั้น

        สารภาพตรง ๆ เลยนะครับว่าผมจำไม่ได้เลยว่าประวัติความเป็นมาของแต่ละสถานที่นั้นเป็นอย่างไร เด็ก ๆ แย่งกันเล่าเรื่องราวเท่าที่เขานึกออกและจดจำได้ และทำให้สายจนบ่ายวันนั้น ผมได้เดินเที่ยวกับมัคคุเทศก์ยุวชนของผมอย่างสนุกสนาน

อนุสาวรีย์วาชกู ดา กามา

       “นี่วาชกู ดา กามา นักสำรวจชาวปอรตุเกสที่เดินทางจากยุโรปมาแอฟริกาแล้วมาค้นพบอีย่า ดือ โมซัมบิก ก่อนข้ามทะเลต่อไปอินเดีย แล้วชื่อประเทศโมซัมบิก ก็มาจากอีย่า ดือ โมซัมบิกนี่แหล่ะนะ เด็ก ๆ เล่าเมื่อพาผมมาหยุดยืนที่หน้าอนุสาวรีย์ของ Vasco da Gama       “

        นี่โบสถ์ซานตู อันโตนีอู รู้จักซานตู อันโตนีโอไหม? เป็นนักบุญศักดิ์สิทธิ์ที่ใคร มักจะมาขอพรท่านให้มีลูกที่แข็งแรงเรื่องเล่านี้มาที่หน้าโบสถ์ชื่อเดียวกัน

        “นี่โรงพยาบาล และนี่ศาลาว่าการเมือง อาคารโรงพยาบาลเก่าของอีย่า ดือ โมซัมบิก ยังคงงดงามแม้จะยืนท้าแดดท้าฝนมาหลายศตวรรษ และที่ผมประหลาดใจก็คือ เมื่อผมลองเดินไปด้านหลังของอาคาร ผมพบว่าบางส่วนยังเปิดใช้เป็นคลินิกอยู่ ผมแอบอ้าปากค้างเพราะมันดูเหมือนโบราณสถานมากกว่าอาคารที่ยังใช้งานได้ในวันนี้

โรงพยาบาลดูเท่มาก

        “อันนี้สถานีตำรวจ..... อ๊ะ อ๊ะ เซนยอร์อย่าถ่ายรูปนะ เอากล้องลงเดี๋ยวนี้ เอาลงกล้องลงเดี๋ยวนี้เลย ตำรวจที่นี่โหดจริงอะไรจริงนะนี่เป็นคำเตือน และอย่างที่เด็ก ๆ บอกนะครับ นักท่องเที่ยวอย่างเราอย่าได้เผลอไปถ่ายภาพสถานที่ราชการเข้าโดยเด็ดขาดเพราะเรื่องอาจลุกลามบานปลายได้... ว่าแล้วผมก็เก็บกล้องลงทันที

         “เวลาออกมาเดินกลางคืน อย่าเอามือถือออกมาจากกระเป๋านะ เอาออกมาแค่ตอนถ่ายรูป แล้วต้องเก็บลงกระเป๋านะ ...อย่าถือไว้ในมือตลอดเวลาแบบนี้นะ มันอันตราย อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งคำเตือนจากเด็ก ๆ

 

ประตูบ้านกวี Camoes

       เราเดินเล่นเลาะเมืองสวยแห่งนี้ไปตามตรอกซอกซอย จนผ่านประตูบ้านที่ทำจากไม้สลักเสลางดงาม

       “โห...ประตูบานนี้สวยจัง บ้านใครน่ะ ผมถาม

        “อันนี้คือบ้านของกามอยช์ เขาเป็นกวีคนสำคัญของปอรตุเกส และเคยอาศัยอยู่ที่นี่หลายปี เด็ก ๆ กำลังพูดถึง Luís Vaz de Camoes ผู้ที่นอกจากจะเป็นกวีคนสำคัญของปอรตุเกสแล้ว ยังนับว่าเป็นกวีคนสำคัญของโลกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Os Lusíadas ที่เขาได้เขียนบทกวีพรรณนาถึงอีย่า ดือ โมซัมบิกแห่งนี้ไว้อย่างซาบซึ้งกินใจ

         อีย่า ดือ โมซัมบิก นั้นเป็นเมืองที่มีเสน่ห์มาก ๆ อาคารเก่าในสถาปัตยกรรมยุโรปผสมผสานอาหรับและแอฟริกันสวยงามชวนหลงไหล สีปาสเทลที่ฉาบอาคารแม้จะดูเก่าและทรุดโทรมลงไปตามกาลเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้สเน่ห์ของเมืองนี้ลดลงแต่อย่างใด

         เราเดินเล่นจนบ่ายและมาจบกันที่ตลาดปลาที่วันนี้ไม่มีปลาขายสักตัวและผมก็คิดว่าน้อง ๆ ควรได้รับรางวัลกันแล้ว

       “ไปแมรกาดู เซนตราล กัน... ไปเลือกขนมเลย แถมน้ำคนละกระป๋อง เด็ก ๆ ดีใจ และผมก็ได้โอกาสอบรมอีกครั้ง

        “อย่าลืมนะ.... อย่ามาเดินขอของแบบนี้ ต้องทำงานนะ เข้าใจใช่ไหม?”

        และผมก็แอบหวังว่าพวกเขาจะเข้าใจ...

งานเสร็จแล้ว ได้เวลาไปเลือกขนมกันที่แผงขายขนมในแมรกาดู เซนตราล

         บันทึกฉบับบนี้คงจะจบลงไม่ได้ หากผมไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ในวันรุ่งขึ้น เมื่อผมได้มีโอกาสพบกับเด็กน้อยคนหนึ่งในกลุ่มมัคคุเทศก์ยุวชนที่พาผมเดินเที่ยวเมื่อวานนี้

         เขาคือ เด็กชายฟาชตินู่ (Fastino)

        ในวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ผมไปดำผุดดำว่ายตามเกาะแก่งต่าง ๆ รอบอีย่า ดือ โมซัมบิก เมื่อกลับมาที่โรงแรมแล้ว ผมก็พบว่าเด็กชายฟาชตีนู่มารออยู่ที่นั่น

        หนูน้อยฟาชตีนู่ไม่ได้มามือเปล่าแต่เอาภาพวาดมาด้วยจำนวนหนึ่งครับ

       ”เซนยอร์ ไตยลานเด๊ช.... เซนยอร์ ไตยลานเด๊ช... หนีห่าว ฟาชตีนู่เรียกผมแบบเขิน ๆ

เฮ่อออออ....อีกละ.... หนีห่าวอีกละ ไม่เป็นไร อย่างน้อยก็ยังเรียกประเทศถูก
        “ผมวาดรูปมา... นี่วาชกู ดา กามา นี่โรงเรียนผม แล้วนี่รูปบ้านผมที่มากูตี ฟาชตีนู่ค่อย ๆ แอบหยิบภาพออกมาที่ละภาพสองภาพ สามภาพไปเรื่อย ๆ

        ”เฮ้ย....” ผมแอบตกใจ นี่ไปวาดรูปมาจริง ๆ เอามาให้พี่เหรอ ซึ้งใจ ซึ้งใจ

        ”ผมเอามาขายเซนยอร์รูปละ 100 เมติไกช์ได้ไหมครับ?”  ฟาชตีนู่ทำน้ำตาแห่งความซึ้งใจผมแห้งลงทันที ..... แต่ผมกำลังแอบยิ้ม

เด็กชายฟาชตีนู่และเซนยอร์ไตลานเด๊ช

       เจ้าหนูนี่เซ็งลี้ฮ้อมาก ๆ เพราะไปวาดรูปมาทั้งหมด 8 รูป เพื่อนำมาขายผมรูปละ 100 เมติไกช์ ตกประมาณรูปละ 50 บาท

       “เซนยอร์ ไตยลานเด๊ช บอกว่าต้องทำงานแลกเงินไง ฟาชตีนู่พูดต่อ ผมเลยวาดรูปมาขายคราวนี้ผมถึงกับฮาสนั่น

        “100 เมติไกช์แพงไปนะ ฟาชตีนู่ ผมเริ่มต่อราคา

       “เซนยอร์จะซื้อกี่รูปล่ะ?” ฟาชตีโน่รุก

       “ถ้าเหมาหมด 300 เมติไกช์ล่ะ ผมชิงบอกราคามั่วไปก่อน

       “350 ละกัน... นะ นะ เซนยอร์  ฟาชตีนู่ไม่ยอมแพ้

       ”ได้... งั้นเหมา 8 รูป 350 เมติไกช์ ผมตกลง และยื่นเงินให้ในราคารูปละ 20 บาทโดยประมาณ

         ผมรีบเดินเข้าไปหาพนักงานต้อนรับในโรงแรมให้มาช่วยแปลประโยคที่ผมกำลังจะบอกเขาว่า

        “ฟาชตีนู่... นายเจ๋งมาก ขอให้นายหัดวาดรูปให้เก่ง พูดภาษาอังกฤษให้เก่ง จะได้พานักท่องเที่ยวเดินเที่ยวอีย่า ดือ โมซัมบิก หรือไม่ก็วันหนึ่งนายอาจจะได้เป็นศิลปินและทำงานศิลปะสวย มาขายนักท่องเที่ยวนะ

ทางเดินในอีย่า ดือ โมซัมบิก และเด็ก ๆ ที่ต้องออกมาทำงานหาเงิน ไม่ได้เรียน

         ผมรู้ดีว่ามันอาจไม่ใช่การแก้ปัญหาความยากจนที่หมักหมมอยู่ในประเทศนี้แบบถาวร แต่ผมหวังว่ามันจะทำให้เด็กชายคนนึงพยายามดิ้นรนให้มากขึ้นเพื่อดำรงชีวิต... มากกว่าการเดินขอเงิน ขอปากกา ขอสมุดไปวัน ๆ

        หากมาอีย่า ดือ โมซัมบิก แล้วเจอฟาชตีนู่แถว ๆ หน้าโรงแรม Villa Sand ขายภาพหรือเดินเข้ามาขออนุญาตพาคุณเที่ยวอีย่า ดือ โมซัมบิกแล้วล่ะก็

        ผมฝากให้อุดหนุนเขาด้วยนะครับ

อ่าน "เที่ยวสลัมในโมซัมบิก คลิก 

STORY BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์

ABOUT THE AUTHOR
โลจน์ นันทิวัชรินทร์

โลจน์ นันทิวัชรินทร์

หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่มีใครอยากไปเลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker

ALL POSTS