HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ปลูกหญ้าทะเลยังไงให้รอดจากภัยพิบัติโลกร้อน
by L. Patt
15 ก.ค. 2568, 15:26
  456 views

คนไทยหันมาสนใจเรื่องหญ้าทะเลกันเยอะขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เพราะรู้ว่า เป็นอาหารชั้นเยี่ยมของปลาพะยูน เต่าทะเล และสัตว์ที่เสี่ยงสูญพันธุ์อีกหลายชนิด นอกจากนี้ ยังสามารถดูดซับและกักเก็บคาร์บอนได้สูงกว่าป่าไม้ถึงเกือบ 10 เท่า แต่การจะรักษา ฟื้นฟู และขยายปริมาณหญ้าทะเลให้มากขึ้น ไม่ได้ง่ายเหมือนปลูกต้นไม้บนบก ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ โดยเฉพาะผลกระทบจากโลกร้อนที่ทำให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น

ผลการสำรวจสถานการณ์หญ้าทะเลของคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่หญ้าทะเล 3 จังหวัดอันดามันใต้ลดลงกว่า 3 หมื่นไร่ เช่น สตูลหายไป 58% กระบี่หายไป 57% และยังไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นตัว

ขอบคุณภาพกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

คณะประมง ทำวิจัยเรื่องหญ้าทะเลมากว่า 40 ปีแล้ว ลองผิดลองถูกสารพัดวิธี จนในที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่า ต้องหาวิธีใช้ต้นพันธุ์จากแหล่งธรรมชาติให้น้อยที่สุด และประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อชะเงาใบยาวเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยปัจจุบัน มีโรงเพาะหญ้าทะเลหลายแห่ง และวิจัยทดลองหญ้าทะเลเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด  

หาทางเลือกใหม่

เมื่อเร็วๆ นี้ ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และหัวหน้าหน่วยวิจัยหญ้าทะเลต้านโรคร้อน โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ปัญหาหญ้าทะเลเสื่อมโทรมเป็นเรื่องใหญ่ ที่ผ่านมาเราพยายามปลูกหญ้าชะเงาใบยาว (หญ้าคาทะเล) ลงในพื้นที่เดิม แต่มันยากเหลือประมาณ อัตรารอดมีบ้างแต่น้อย

หญ้าคาทะเล เป็นหญ้าที่อายุยืนยาวมาก บางแห่งอยู่มาเป็นสิบๆ ปี ข้อดีคืออึดทน ปลูกแล้วถ้ารอด จะอยู่ไปอีกยาว ข้อเสียคือหากตายเยอะๆ เพราะโลกร้อน โอกาสฟื้นมาเป็นระบบนิเวศระดับเดียวกับของเดิม ต้องใช้เวลามหาศาลแค่ไหนนั้นตอบไม่ได้ เพราะยังไม่เคยเห็นที่ไหนฟื้นมาเท่าเดิมหรือแม้แต่จะใกล้เคียงเดิมเลยสักแห่ง

ปัญหาสำคัญคือ สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไป อีกทั้งหญ้าใบยาวหาเมล็ดยากปลูกยาก เมื่อปีก่อนเราจึงมาถึงทางเลือกด้วยการทดลองเพาะหญ้าทะเลพันธุ์อื่น และปลูกในที่อื่น หมายถึงพื้นที่ที่ไม่เคยมีหญ้าทะเลมาก่อน แต่สำรวจแล้วเห็นว่ามีสภาพเหมาะสม อยู่ไม่ไกลจากแหล่งหญ้าธรรมชาติ

ทีมวิจัยเลือกทดลองกับหญ้าชะเงาใบสั้น ปรากฏว่าสำเร็จ โดยหญ้าที่นำไปปลูกรอดถึง 90% แน่นอนว่านี่เป็นจุดเริ่ม ยังห่างไกลจากคำว่าสำเร็จจนหวังผลได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกที่เริ่มเห็นแสงสว่างรำไร

ดร.ธรณ์ บอกว่า หน่วยวิจัยหญ้าทะเลต้านโลกร้อนจะพยายามพัฒนาเทคนิควิธีการต่อไป ไม่ยอมหยุดง่ายๆ ภายใต้ความสนับสนุนของพันธมิตร อย่าง มาม่า บางจาก สำนักงานวิจัยแห่งชาติ หรือวช. และปตท.สผ. เพราะโลกร้อนแรงขึ้นทุกปี ระบบนิเวศในทะเลกำลังล่มสลาย เราหยุดไม่ได้ ไม่งั้นทะเลแย่ คนทะเลก็แย่ ทุกอย่างจะแย่ไปหมด 

ประเมินพื้นที่ก่อนปลูก

ถึงจะผลิตต้นพันธุ์ได้ แต่การนำลงไปปลูกในทะเลไม่ใช่จะประสบความสำเร็จได้ง่าย จะต้องมีการประเมินพื้นที่ที่เหมาะสม ซึ่งคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ได้พัฒนาโมเดลในการประเมินพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกหญ้าทะเล และถ่ายทอดวิธีการประเมินพื้นที่ให้กับนักวิจัยของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เพื่อใช้งานกันแล้ว ดังนั้น ใครสนใจจะปลูกหญ้าทะเล ควรไปปรึกษา ทช. ก่อน  เพื่อให้มีการเลือกใช้ต้นพันธุ์ที่เหมาะสมทั้งจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือจากการเก็บจากธรรมชาติ แล้วนำลงปลูกในพื้นที่ที่ผ่านการประเมินแล้ว

ทีมวิจัยหญ้าทะเลต้านโลกร้อน ตระหนักดีว่า ต้องหาหนทางฟื้นฟูหญ้าทะเลให้มากขึ้น เพราะยังไงก็ต้องเจอกับโลกร้อนขึ้นแน่ๆ ซึ่งต้องอาศัยงบประมาณสนับสนุนมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ในประเทศไทยพบหญ้าทะเลตามชายฝั่งทะเลในพื้นที่ 19 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล โดยมีหญ้าทะเล 13 ชนิด เช่น หญ้าชะเงาใบมน หญ้าชะเงาใบฟันเลื่อย หญ้าคาทะเล หญ้ากุยช่ายเข็ม หญ้ากุยช่ายทะเล หญ้าตะกานน้ำเค็ม และหญ้าต้นหอมทะเล เป็นต้น

#นวัตกรรมไทย #วิจัย #หญ้าทะเล #EcoLife #SaveourSea #GlobalWarming #โรคร้อน #saveoursea

ขอบคุณภาพจาก เพจ Thon Thamrongnawasawat และ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง

ABOUT THE AUTHOR
L. Patt

L. Patt

ALL POSTS