สวทช. สร้างตัวช่วยใหม่ ทำปุ๋ยจากขยะอาหารได้ง่าย เร็ว และปลอดภัย
เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็ทำปุ๋ยอินทรีย์จากขยะเศษอาหาร (Food Waste) เองได้ ทั้งช่วยแก้ปัญหาขยะเหม็นเน่า และรักษ์โลกด้วย เพราะมีเครื่องกำจัดขยะหลากหลายให้เลือก ตั้งแต่พื้นที่จำกัดอย่างคอนโด อพาร์ตเมนต์ บ้าน ร้านอาหาร ออฟฟิศ โรงเรียน ชุมชน ไปจนถึงตลาดสด

ล่าสุด ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ได้พัฒนาเครื่องย่อยระบบถังคู่ (BioComposter) ให้ครัวเรือนย่อยขยะเศษอาหารและของเหลือจากการเกษตรให้กลายเป็นปุ๋ยหมักชีวภาพได้อย่างง่ายๆ โดยเตรียมนำร่องทดสอบเครื่องต้นแบบในพื้นที่สระบุรีแซนด์บ็อกซ์
ขยะเศษอาหาร (Food Waste) ถือเป็นตัวการใหญ่ที่ทำให้โลกร้อน เพราะก่อให้เกิดก๊าซมีเทน (CH4) จำนวนมาก ซึ่งทำให้เกิดภาวะโลกร้อนได้มากกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2 ) ถึง 25 เท่า แม้จะมีการรณรงค์แยกขยะแห้ง ขยะเปียก ของหน่วยงานและองค์กรต่างๆ เพื่อลดขยะฝังกลบ แต่ก็ยังมีอุปสรรคเยอะในการจัดการ ดังนั้น การคิดค้นนวัตกรรมเพื่อให้ทุกคนสามารถย่อยขยะเศษอาหารเองได้จึงเป็นอีกทางเลือกที่กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ
นอกจากจะกำจัดเศษอาหารที่เหลือทิ้งโดยไม่ต้องเททิ้งลงในอ่างล้านจานจนเกิดปัญหาท่อน้ำอุดตันแล้ว ยังช่วยกำจัดแมลง สัตว์ต่างๆ ที่เข้ามาในห้องครัว และได้ปุ๋ยออร์แกนิกสำหรับต้นไม้ด้วย
ดร.สัญชัย คูบูรณ์ นักวิจัยจากนาโนเทค สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) บอกว่า เครื่อง BioComposter ระบบถังคู่ขนาด 5–10 กิโลกรัม เหมาะสำหรับครัวเรือนในการทำปุ๋ยหมุกชีวภาพจากเศษอาหาร/เศษผักผลไม้ และวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น หญ้า เศษไม้ กิ่งไม้เล็กๆ โดยใช้ใบพัดที่ออกแบบให้เร่งกระบวนการย่อยสลาย ใช้งานง่าย และมีความปลอดภัย พร้อมทั้งร่วมมือกับไบโอเทค พัฒนาหัวเชื้อจุลินทรีย์ที่มีความจำเพาะในการย่อยสลายขยะอินทรีย์ในประเทศไทย โดยช่วยให้ปุ๋ยหมักชีวภาพมีธาตุอาหารที่สำคัญเพิ่มขึ้น และสามารถยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรคได้อีกด้วย
การทำงานของเครื่อง BioComposter เริ่มจากใส่ขยะอินทรีย์ลงในถังหลัก (Primary Tank)ใช้อุณหภูมิไม่เกิน 50 องศาเซลเซียสเพื่อกระตุ้นการทำจุลินทรีย์ จากนั้นปุ๋ยหมักชีวภาพจะถูกย้ายลงไปในถังรอง (Secondary Tank) เพื่อทำให้ปุ๋ยหมักชีวภาพแห้ง และพร้อมใช้งาน โดยกระบวนการนี้จะใช้เวลา 3-7 วัน
โครงการย่อยขยะเปียกเป็นปุ๋ยอินทรีย์ เป็น 1 ใน 19 โครงการนำร่องของ สวทช. ที่ตอบโจทย์สระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ ซึ่งเป็นเมืองต้นแบบคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย ที่ริเริ่มโดยภาคีเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม