iPhone 16 Series ดีต่อสิ่งแวดล้อม (มากขึ้น) แค่ไหน?
ส่อง Apple กับการวางพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม และแผนพัฒนาธุรกิจให้เป็นกลางทางคาร์บอนทั้งในซัพพลายเชนการผลิตและตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ ภายในปี 2030 หรืออีก 6 ปีข้างหน้า
วันนี้สาวก Apple ที่ตั้งตารอ iPhone 16 Series ต่างดีใจที่ได้ยลโฉม สัมผส และรับเครื่องมาใช้งานจริงเป็นวันแรก สำหรับ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro รุ่นใหม่ล่าสุด
ก็เหมือนเช่นเคยที่มีนานาทัศนะจากกูรูผู้รู้ผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงฝั่งผู้ซื้อ ผู้ใช้งานจริง ที่มาพรรณนาถึงดีไซน์ ผิวสัมผัส รวมถึงฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่ Apple ให้มา ซึ่งก็มีทั้งคนที่สมหวังและคนที่ค่อนข้างผิดหวัง แต่สิ่งที่หลายคนอยากรู้นอกจากเรื่องของนวัตกรรม นั่นคือในแง่มุมของความยั่งยืน (ที่หลายคนบ่นอุบว่าไม่มีอะไรให้มาเลย)
ซึ่งก่อนหน้านี้ Apple ก็เคยออกมาบอกถึงเหตุผลที่ลดของที่ใส่มาในกล่องตั้งแต่ซื้อ ก็ด้วยเหตุผลด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (ที่หลายคนพอจะให้อภัยได้)
Apple กับความยั่งยืน
“เรามุ่งมั่นที่จะปกป้องโลกใบนี้ พร้อมกับออกแบบผลิตภัณฑ์ที่คุณรัก และ Apple 2030 ก็คือแผนการของเราเพื่อจะทำทั้งสองสิ่งนี้ โดยมุ่งเน้นไปที่การใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียน ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด และการขนส่งที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดการปล่อยก๊าซให้เป็นศูนย์” apple.com
ดีต่อสิ่งแวดล้อมยิ่งขึ้น...
iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ได้รับการออกแบบโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม โดย Apple ให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานไฟฟ้าที่ได้จากพลังงานหมุนเวียนในการผลิตเป็นหลัก และ Apple ยังลงทุนในโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลมทั่วโลกเพื่อช่วยชดเชยพลังงานไฟฟ้าที่ใช้ในการชาร์จผลิตภัณฑ์ Apple ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ตระกูล iPhone 16 โดยเป็นส่วนหนึ่งใน Apple 2030 ซึ่งเป็นเป้าหมายอันมุ่งมั่นของบริษัทในการทำให้คาร์บอนฟุตพริ้นต์ทั้งหมดของเรามีความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในทศวรรษนี้ และในวันนี้โรงงานของ Apple ทั้งหมดใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% ซึ่งรวมถึงศูนย์ข้อมูลที่ขับเคลื่อน Apple Intelligence ด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นแล้ว บริษัทยังออกแบบผลิตภัณฑ์โดยใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุหมุนเวียนเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย Apple 2030 โดย iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max ใช้วัสดุรีไซเคิลโดยรวมมากกว่า 25% ซึ่งรวมถึงการใช้อะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% ในเฟรมที่เป็นโครงสร้างภายใน และการใช้โลหะรีไซเคิล 80% หรือมากกว่าในส่วนประกอบหลายส่วน นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังทำจากโคบอลต์รีไซเคิล 100% และเป็นครั้งแรกสำหรับ iPhone ที่มีการใช้ลิเทียมรีไซเคิลมากกว่า 95% ผลิตภัณฑ์ในตระกูล iPhone 16 Pro ยังเป็นไปตามมาตรฐานระดับสูงด้านการประหยัดพลังงาน ทั้งยังปลอดสารปรอทและ PVC ส่วนบรรจุภัณฑ์ก็ใช้เยื่อไม้เป็นหลักทั้งหมด ซึ่งช่วยให้ Apple เข้าใกล้เป้าหมายในการขจัดพลาสติกออกจากบรรจุภัณฑ์ภายในปีหน้ามากขึ้น
บทสรุป iPhone 16 Series ดีต่อสิ่งแวดล้อม (มากขึ้น) แค่ไหน?
หากตัดเรื่องอื่นออกไป เหลือไว้แต่เรื่องความยั่งยืน และการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม iPhone 16 Series เรียกว่าทำทำได้ดีพอสมควร และดีมากกว่าที่เคยเป็น เนื่องจาก Apple ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม
- โดยผลิตภัณฑ์ Apple ในยุคหลังๆ ให้ความใส่ในกับการใช้ทรัพยาการหมุนเวียน ตามแนวคิด Circular Economy โดยทางบริษัทระบุว่า iPhone (รุ่นใหม่) กว่า 25% ผลิตขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 7%
- แบตเตอรี่ iPhone 16 ก็ผลิตขึ้นจากโคบอลต์รีไซเคิล 100% และลิเธียมรีไซเคิล 95% ซึ่งทาง Apple ตั้งเป้าหมายไว้ว่าต้องการใช้โคบอลต์รีไซเคิลทั้งหมด 100% ภายในปี 2025 สำหรับแบตเตอรี่ไอโฟน
- สำหรับบรรจุภัณฑ์ของ iPhone 16 Series มีการผลิตขึ้นจากเส้นใยธรรมชาติ 100%
- และที่แฟนคลับพลิกกล่องหาก็คือ สติกเกอร์โลโก้ Apple ที่เคยใส่ในกล่อง iPhone หายไป จากในอดีตที่เคยให้มา 2 ชิ้น ลดเหลือหนึ่งเดียวในปี 2020 ตอนที่ iPhone 12 เปิดตัว ทั้งนี้ Apple ได้ประกาศนำสติกเกอร์ออกจากกล่องของ iPhone 16 และ iPhone 16 Pro เพื่อมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2030 และกำจัดพลาสติกทั้งหมดออกจากบรรจุภัณฑ์ภายในปี 2025 เพื่อสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสิ่งแวดล้อม
ไม่ใช่แค่ผลงานเท่านั้นที่ดีต่อโลก แต่ Apple ยังใช้กระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดย iPhone 16 Series ทั้ง 4 รุ่น ปล่อยก๊าซคาร์บอนอยู่ที่ 74 กิโลกรัม ซึ่งทำให้ตลอดวงจรชีวิตตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ (Apple ระบุไว้ใน Product Environment Report ว่าปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดงลง 30%) นอกจากนี้ ในปีที่ผ่านมา Apple ได้ใช้พลังงานหมุนเวียนเข้ามาสร้างไฟฟ้าในกระบวนการต่างๆ ให้กับการผลิต iPhone 16 Series เพิ่มขึ้น 20% หรือประมาณ 16.5 กิกะวัตต์
ดังนั้น หากมองในแง่ของความยั่งยืน ก็ต้องปรบมือให้ความตั้งใจของ Apple ส่วนเรื่องความพึงพอใจ เราขอให้คนซื้อ iPhone 16 คอมเม้นต์แล้วกัน เพราะส่วนตัวนั้นไม่ได้ซื้อ (ฮาาาาา...)
- HappeingBkk Service