HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
JHOL ร้านอาหารอินเดีย มิชลินไกด์ เปิดเมนูมื้อกลางวันชวนลิ้มลองรสมือเชฟ Shancit
by HappBKK
10 มิ.ย. 2566, 21:03
  974 views

ห้องอาหาร โจฮ์ล โคสตัล อินเดียน คูซีน เรสตัวรองต์ (JHOL Coastal Indian Cuisine Restaurant) สุขุมวิท 18  หนึ่งในร้านอาหารแนะนำที่อยู่ใน มิชลินไกด์ ปี 2566 ชวนมาลิ้มลองเมนูอาหารมื้อกลางวัน สร้างสรรค์โดยเชฟ Sanchit Sahu เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟคนล่าสุด ที่ได้แรงบันดาลใจจากอาหารอินเดียแถบชายฝั่งตอนใต้ จากแนวคิดของเซเลบริตี้เชฟ Hari Nayak เชฟชาวอินเดียที่ทรงอิทธิพลระดับโลก และเป็นผู้ก่อตั้งร้าน ด้วยวัตถุดิบหลักที่เป็นอาหารทะเล มะพร้าว และวัตถุดิบตามฤดูกาลจากประเทศไทย เพื่อลดคาร์บอนจากการนำเข้า ผ่านกรรมวิธีการปรุงที่ทันสมัย แต่ยังคงรสชาติต้นตำรับ

ด้วยรูปแบบของอาหารอินเดียร่วมสมัย รสชาติเข้าถึงง่าย และนักชิมในกรุงเทพฯ ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทำให้  โจฮ์ล (JHOL) กลายเป็นร้านอาหารอินเดียอันดับต้นๆ ของคนกรุงเทพฯ ในเวลานี้ ซึ่งเชฟ Hari Nayak ผู้ก่อตั้งร้าน  ได้นำสูตรอาหารแถบชายฝั่งทะเลตอนใต้ของอินเดีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา มาตีความใหม่และผสานแนวคิดร่วมสมัยลงในสูตรอาหารดั้งเดิม เพิ่มศิลปะและความงามบนจานอาหาร แต่ยังคงไว้ซึ่งรสชาติที่จัดจ้านและเข้มข้นจากการใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ที่เรียบง่ายและสดใหม่อยู่เสมอ  โดยมีอาหารทะเลเป็นวัตถุดิบหลัก

เชฟ Hari Nayak ได้ส่งต่อแนวคิดการปรุงอาหารของเขามายังเอ็กเซ็กคูทีฟเชฟมากความสามารถ Sanchit Sahu เขาหลงใหลการทำอาหารมาตั้งแต่วัยเยาว์ จบการศึกษาจากโรงเรียนสอนทำอาหารชื่อดังในเมือง Manipal ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนทำอาหารที่เดียวกับเชฟ Hari Nayak จบการศึกษา เขาเดินทางมาที่ประเทศไทยพร้อมกับความตั้งใจที่จะมอบความสุขในวัยเด็กบนโต๊ะอาหารของเขา มาสู่นักชิมคนไทย

 

เชฟ Sanchit Sahu

“ผมจำได้ถึงความสุขจากการได้ทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในบ้าน มันเป็นความทรงจำที่มีความสุขทุกครั้งที่คิดถึง  และผมอยากจะมอบความสุขจากความทรงจำนั้นผ่านอาหารทุกจานของผม เป็นเมนูอาหารอินเดียพื้นถิ่นที่ทานในครอบครัว แต่ถูก ยกระดับสู่อาหารไฟน์ ไดนิ่ง ด้วยกรรมวิธีการปรุงที่ทันสมัย ใช้วัตถุดิบที่สดใหม่ โดยเฉพาะวัตถุดิบตามฤดูกาล” 

เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ Sanchit Sahu ให้ความสำคัญด้านระบบอาหารที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Food Systems (SFS) เขาจึงพยายามที่จะลดการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ และเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลภายในประเทศให้มากที่สุด แม้จะเป็นความท้าทายในด้านรสชาติ แต่เขาก็สนุกไปกับความท้าทายนั้น เพราะนอกจากคนที่ทานอาหารจะมีความสุขแล้ว ยังมีส่วนช่วยโลกของเราด้วย

เมนูมื้อกลางวันที่เชฟชวนลิ้มลอง จึงมีเรื่องราวของระบบอาหารที่ยั่งยืนรวมอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น เมนู Daab Chingri (Prawn Curry) แกงกุ้งลายเสือเสิร์ฟมาในลูกมะพร้าว พร้อมข้าวหุงเนยแบบอินเดีย เมนูนี้เป็นแกงกะหรี่กุ้งแบบเบงกาลีแท้ๆ ที่เชฟเลือกใช้มะพร้าวน้ำหอมจากแหล่งวัตถุดิบชั้นดีในไทย ส่วนข้าวหอมนั้นยังต้องนำเข้าจากอินเดีย ด้วยเนื้อสัมผัสและความหอมแบบอโรม่าอันเป็นเอกลักษณ์ที่หาไม่ได้จากไหนในโลก หรือจะเป็นเมนู Badanekai Ennegayi (Eggplant Curry) แกงเผ็ดมะเขือยาว อาหารยอดนิยมจากทางเหนือของรัฐ Karnataka เชฟเลือกใช้มะเขียวยาวสีม่วงของไทยมายัดไส้ ลงตัวกับน้ำเกรวี่เข้มข้น กะทิ และเครื่องแกงที่เผ็ดแบบละมุน เพิ่มความโดดเด่นของรสชาติด้วยเมล็ดไนเจอร์ หรือที่เรียกว่า Ram Till  เสิร์ฟพร้อมแป้ง Thecha parotha เป็นอีกเมนูที่น่าจะถูกใจคนทานมังสวิรัติ

 

ทั้งสองเมนูเป็นตัวเลือกเมนูอาลา คาร์ท มื้อกลางวันที่ทานง่าย ไม่มีกลิ่นเครื่องเทศเข้มข้น คนที่ไม่ชอบอาหารอินเดียน่าจะเปลี่ยนใจกับเมนูอาหารของที่นี่  โดยเฉพาะเมนูซิกเนเจอร์อย่าง  Masala Muska Bun served with pav bhaji butter หรือ มาซาล่า มัสก้า ขนมปังสอดไส้มันฝรั่งบด ทากับเนย pav bhaji butter ที่ทำมาจากแกงผัก นำมาตีและปั่นกับเนย โรยด้วย Gun powder Masala ที่เป็นเครื่องเทศหลากชนิดมารวมกัน ทานแล้วต้องสั่งซ้ำ  รวมถึงของหวานอย่าง Mishti Doi ทำจากโยเกิร์ต ที่เลื่องชื่อจากรัฐเบงกอลตะวันตก ปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยความสดชื่น อิ่มกำลังดี

มื้อค่ำยังมีเซ็ทเมนู ไฟน์ไดนิ่ง  ลงตัวกับทั้งค็อกเทลและม็อกเทล ที่ผสานเอกลักษณ์ของอินเดียและไทยไว้ให้เลือกมากมาย อาทิ Raabta,Satyaki,Dushala,Gandhari นักดื่มที่ชอบความแปลกใหม่ไม่ควรพลาด  รวมไปถึงชาหอมกรุ่น และเครื่องดื่มสไตล์อินเดียอีกหลายหลายเมนู รังสรรค์อย่างพิถีพิถันเพื่อเติมเต็มอรรถรสแห่งมื้ออาหารให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

สำหรับการตกแต่งที่สวยงามและเรียบง่ายภายในร้าน สื่อถึงกลิ่นอายภูมิภาคแถบชายฝั่งทะเลของอินเดีย ซึ่งโปร่งสบายด้วยสายลมเย็นและบรรยากาศอันน่ารื่นรมย์  เปิดบริการทุกวันเวลา 12.00 – 22.00น.

แนะนำให้สำรองที่นั่งล่วงหน้าที่โทร.02-0047174

หรือติดตามความเคลื่อนไหวของร้านได้ที่เว็บไซต์: www.jholrestaurant.com

Facebook: @jholrestaurant

และInstagram: @jholbkk

 

 

 

 

ABOUT THE AUTHOR
HappBKK

HappBKK

Live Every Day

ALL POSTS