ลิ้มรสตำรับไทยในรอยต่อสามกรุง ที่ห้องอาหารเบญจรงค์ บ้านดุสิตธานี
เปิดเมนูชุดใหม่ที่ห้องอาหารไทย ‘เบญจรงค์’ บ้านดุสิตธานี จากแรงบันดาลใจของตำรับอาหารไทยโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่ปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี ถึงต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ด้วยความตั้งใจในการอนุรักษ์และทะนุบำรุงสถาปัตยกรรมทรงคุณค่า กลุ่มดุสิตธานี ได้บรรจงปรับปรุง “บ้านศาลาแดง” บ้านโบราณอายุกว่าร้อยปีที่งดงามและโดดเด่นสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมจากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และบริเวณโดยรอบบนเนื้อที่กว้างขวางถึง 4.5 ไร่ ใจกลางศาลาแดง ให้กลายมาเป็น “บ้านดุสิตธานี” สถานที่นัดพบแห่งใหม่ ที่พาทุกคนย้อนเวลากลับไปชื่นชมความคลาสสิคในวันวานและสนุกสนานกับความร่วมสมัยในวันนี้
สำหรับภายในบ้านดุสิตธานี มีห้องอาหารไทย ภายใต้ชื่อ ‘เบญจรงค์’ ที่พร้อมมอบสัมผัสรสชาติอันล้ำลึกของอาหารไทยโบราณในช่วงปลายสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ช่วงเวลาที่อาณาจักรสยามเพิ่งเริ่มเปิดรับวัฒนธรรมใหม่ๆ ที่มาจากค้าขายกับต่างประเทศ เข้ามาหลอมรวมกับวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิม กลายเป็นตำรับอาหารไทยที่ยังคงไว้ด้วยรูป รส กลิ่น และสัมผัสแห่งวัฒนธรรมความเป็นไทยอันเข้มข้นอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นเมนูใหม่ที่ทีมเชฟของเบญจรงค์จะนำมาปรุงอย่างประณีต บรรจง พิถีพิถันตามกรรมวิธีโบราณ และสอดแทรกด้วยเทคนิคตะวันตกในการคงความสดใหม่ๆ ให้ท่านได้ลิ้มลองและดื่มด่ำไปด้วยกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยทีมงานฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มจากกลุ่มดุสิตธานี (หรือดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล) ใช้เวลาเกือบร่วมปีในการสืบเสาะ ค้นคว้า และเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงพ่อแก่ แม่เฒ่าในแต่ละจังหวัดทั่วประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ จากภาคตะวันออกสู่ตะวันตก เพื่อรวบรวมตำราอาหารโบราณที่มีความโดดเด่น น่าสนใจ เพื่อนำมาทำงานร่วมกับทีมครัวของห้องอาหารเบญจรงค์ ผู้มากประสบการณ์ในด้านอาหารไทยแบบไฟน์ไดนิ่ง ครอบคลุมอาหารไทยชาววัง ไทยฟิวชั่นไทยโมเดิร์น จนรังสรรค์เป็นเมนูชุดใหม่ที่คงไว้ซึ่งรสชาติอันเป็นรอยต่อของสามกรุง ที่เข้มข้นด้วยกลิ่นอายของความดั้งเดิม หลอมรวมกับเทคนิคอันลึกล้ำของนวัตกรรมตะวันตก มาปรุงอาหารไทยแท้ๆ ที่นำเสนอผ่านมุมมองอันแปลกใหม่ ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์อันหลากหลายมิติ และเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้าได้ลองลิ้มชิมรส
“อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องรสชาติอันเข้มข้น และความหอมของเครื่องเทศสมุนไพรอยู่แล้ว แต่คนส่วนใหญ่อาจจะไม่ทันตระหนักว่า นี่เป็นอิทธิพลของการผสมผสานความหลากหลายในหลากวัฒนธรรมที่หลอมรวมพร้อมกับอารยธรรมไทยมานานหลายร้อยปี” เชฟปุ๋ม-สุกัญญา งามศรีขำ หัวหน้าทีมครัวของห้องอาหาร เบญจรงค์ กล่าว
“ทุกอย่างคือความสมดุล”
เชฟปุ๋ม - สุกัญญา กล่าว “วิธีรับประทานอาหารไทยที่เราอยากแนะนำ คือการเลือกเมนูที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ซุป แกง ยำ ของทอด น้ำพริก รับประทานร่วมกับข้าวหอมมะลิออแกนิกที่เรารับตรงมาจากกลุ่มชาวนาเกษตรอินทรีย์จากทุ่งกุลาร้องไห้ เพื่อเปิดรับ รสหวาน เค็ม เผ็ด และเปรี้ยว ที่จะช่วยส่งเสริมและตัดรสชาติกันและกันอย่างลงตัว รวมทั้งให้เนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันในแต่ละเมนู จากวัตถุดิบคุณภาพเยี่ยม ซึ่งจะทำให้มื้ออาหารที่ห้องอาหารเบญจรงค์ กลายเป็นมื้ออันน่าจดจำของทุกคน
ฉะนั้นสิ่งที่พวกเราต้องการนำเสนอในเมนูใหม่ คือ รากเหง้าทางวัฒนธรรมในอาหารไทย ซึ่งสามารถสืบค้น ย้อนกลับไป จากตำรับต้นตระกูลเก่าๆ ในดินแดนด้ามขวานทองของการเข้าครัวในยุคสมัยที่เราเรียกตัวเองว่า “ชาวสยาม” เราปรุงอาหารทุกจานตามขั้นตอน และเทคนิคโบราณอันซับซ้อน เพื่อแสดงออกถึงการเคารพต้นฉบับอาหารไทยอันทรงคุณค่า และนำมาเสนอผ่านมุมมองของความร่วมสมัยในยุคปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้สัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่บนโต๊ะอาหาร ตอนที่เราเริ่มทำเมนูใหม่นี้ ทีมครัวทุกคนมีความสุขกับการทำอาหารมาก เพราะทุกคนได้ย้อนเวลากลับไปในช่วงเวลาที่เราเริ่มต้นตกหลุมรักการทำอาหาร เราสนุกกับการเลือกสรรวัตถุดิบชั้นยอดมาปรุงอาหารตามขั้นตอนอย่างพิถีพิถัน เพื่อส่งมอบรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทย และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ลูกค้าทุกท่านจะได้สัมผัสกับรสชาติที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา และมีความสุขกับมื้ออาหารร่วมไปกับเรา”
ทุกเมนูที่นี่คัดสรรวัตถุดิบชั้นยอดที่หาได้ยาก และเป็นของดีขึ้นชื่อจากแต่ละจังหวัด นำมาโขลก ตำ กวน ปิ้ง นึ่ง ย่าง จี่ อบ ต้ม ผัด หลน และงบ เพื่อได้เครื่องแกงและซอสปรุงรสที่มีรสสัมผัสดั้งเดิม อันโดดเด่นด้วยมือของทีมครัว ดังนั้น จึงมั่นใจได้ว่าท่านจะได้ลิ้มรสแห่งความสด สะอาด และจากธรรมชาติล้วนๆ ในทุกเมนู เปรียบเสมือนอาหารยา ตั้งแต่ต้มยำขแมร์ (ทำจากน้ำสต็อกกุ้งเผา แตงกวา ปลาแห้ง และมะม่วงดิบ) ไปจนถึงความซับซ้อนของรสชาติเครื่องแกงอันเข้มข้นในเมนู แกงแขกขาเป็ดและผลไม้แห้ง (ทำจากเครื่องแกงและผงมาซาลาแบบโฮมเมด ผลไม้แห้ง หอมเจียว และกระเทียม)
สำหรับชุดเมนูใหม่ มีให้เลือกสรรกว่า 32 เมนู อาทิ มังคุดยํามะพร้าวคั่ว, ยําหัวปลีเผามะม่วงเขียว , ไข่สามเขย ซึ่งประกอบด้วยไข่ 3 ชนิดคือ ไข่นกกระทา ไข่เป็ด และไข่ไก่, หมูกรอบสี่สหาย ที่กรอบนอกนุ่มใน และหอมกรุ่นด้วยพริกไทยหอมสี่ชนิด, น้ำพริกกุ้งย่างสายบัว ที่ใช้เนื้อกุ้งสดและปลาแห้ง โขลกกับเคยชั้นดี ตัดรสฝาดด้วยสายบัวซอยหั่น เข้าคู่กับไข่เป็ดต้มและกากหมูทอด, เนื้อกวางสะเต๊ะลือ ที่หมักเครื่องเทศที่แทรกไปทุกอณูของเนื้อ แล้วนำไปย่างเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มถั่ว และอาจาด ที่ได้ชื่อว่าอร่อยลือลั่นไปทั่วพระนคร
แกงจืดหมูสามชั้น และปลาหมึกพริกไทยอ่อน ที่เชฟต้มน้ำซุปจากกระดูกสะโพกหมูอบกว่า 10 ชั่วโมงจนงวดกลมกล่อมเข้าคู่กับหมูสามชั้นสไลด์บางเฉียบ และปลาหมึกอ่อนที่ผ่านการปรุงด้วยพริกไทยอ่อนและนึ่งจนนุ่มละลายในปาก
ปลาสลิดแดดเดียวต้มกะทิ, แกงแขกขาเป็ดและผลไม้แห้ง, หมูผัดใบชะมวง, ยําเนื้อริบอายย่างกะเพราแดง ตลอดจน ปูม้านึ่งนมสด , ข้าวผัดสับปะรดไข่แมงดา, แกงคั่วปักษ์ใต้ขาแกะ, และแกงกุ้งลายเสือดอกดาหลา, แกงพริกสดปูม้า ปรุงด้วยเครื่องแกงคล้ายแกงไตปลา หน่อไม้น้ำ และเนื้อปูก้อน จัดจ้านแบบอาหารใต้,
สำหรับเมนูขนมหวาน ห้องอาหารได้นำเสนอ พุดดิ้งมะพร้าว ที่หอมนุ่มละมุน เสิร์ฟพร้อมเนื้อมะพร้าวอ่อนโรย ปิดท้ายมื้ออาหารอย่างอิ่มเอม หรือจะเลือกความสดชื่นด้วย ส้มฉุน ที่ใช้ลิ้นจี่และผลไม้ต่างๆ ตามฤดูกาลมาทำเป็นของหวานลอยแก้วดับร้อน ด้วยรสหอม ไม่เปรี้ยวแหลมจากส้มซ่า และดอกมะลิที่ให้ความหอมสดชื่น ของหวานโบราณที่สามารถบ่งบอกเรื่องราวของการรู้จักวัตถุดิบพื้นถิ่นของคนไทยในอดีตได้เป็นอย่างดี
โดยราคาอาหารเริ่มต้นจานละ 220++ บาท ไปจนถึง 1,290++ บาท พร้อมกันนี้ ห้องอาหารเบญจรงค์ ยังมีไวน์คุณภาพเยี่ยมพร้อมเสิร์ฟคู่กับอาหารไทยในราคาแก้วละ 390++ บาท และสำหรับทั้งขวด ราคาเริ่มต้นเพียง 1,890++ บาท
‘เบญจรงค์’ ยังเป็นมากกว่าห้องอาหารไทย เพราะเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันน่าจดจำ ห้องอาหารเป็นอาคารหลัก ที่ตั้งอยู่ใน ‘บ้านดุสิตธานี’ ที่งดงามและโดดเด่นสะดุดตาด้วยสถาปัตยกรรมอาคารทรงตะวันตกจากยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 และบริเวณโดยรอบที่รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวของพันธุ์ไม้ต่าง ๆ ที่ทางกลุ่มดุสิตธานีได้เก็บรักษาโครงสร้างอาคาร และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมไว้ แต่นำมาปรับปรุงตกแต่งใหม่ให้มีกลิ่นอายของความเป็นดุสิตธานี จัดแสงไฟโทนอบอุ่น เพิ่มกลิ่นหอมอโรมา และใส่ดนตรีที่บรรเลงอย่างแผ่วเบา เพื่อสร้างบรรยากาศแบบผ่อนคลาย และเพิ่มรสชาติให้มื้อสำคัญของทุกท่าน และยังนำท่านให้จินตนาการถึงงานบริการระดับโลกของโรงแรมดุสิตธานี ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงยังสอดคล้องกับแนวคิดด้านสุขภาพของดุสิต (Dusit’s Wellness) ในทุกมิติ
“เรามีห้องอาหาร “เบญจรงค์” 10 แห่งในโรงแรมของเราทั่วโลก ซึ่งแต่ละห้องอาหารเป็นตัวแทนของร้านอาหารไทยคุณภาพ ที่ได้รับการยอมรับในเรื่องของรสชาติอาหาร และคุณภาพของการบริการในหมู่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี” นาย สเตฟาน แคริก ผู้อำนวยการด้านอาหารและเครื่องดื่ม ของกลุ่มดุสิตธานี กล่าว “พันธกิจที่สำคัญของเรา คือ การยกระดับห้องอาหารเบญจรงค์ ที่บ้านดุสิตธานี นี้ไปสู่ร้านอาหารไทยที่ทุกคนต้องมาลิ้มลองเมื่อมาถึงกรุงเทพฯ ด้วยเมนูชุดใหม่ของเราที่ทีมครัวบรรจงสร้างสรรค์อย่างประณีตบรรจง งานบริการที่เป็นเลิศ และบรรยากาศที่หาที่ไหนไม่ได้ในกรุงเทพฯ เป้าหมายสูงสุดของเราคือ การสร้างประสบการณ์ที่น่าประทับใจให้กับลูกค้าได้มากที่สุด ด้วยการนำเสนออาหารและบริการในแบบเหนือความคาดหมายของทุกคน ซึ่งในขณะเดียวกัน เราก็หวังว่า การยกระดับคุณภาพของอาหารและการบริการในครั้งนี้ จะทำให้เราได้รับการคัดเลือกให้เป็นร้านอร่อยใน 'มิชลิน ไกด์ ประเทศไทย’ ในอนาคต”
ห้องอาหาร เบญจรงค์ ตั้งอยู่ใน บ้านดุสิตธานี บนถนนศาลาแดง มีที่จอดรถไว้บริการ และสามารถเดินมาได้จากทั้งรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีศาลาแดง หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีสีลม โดยใช้เวลาไม่กี่นาที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และสำรองที่นั่งทั้งสำหรับมื้อกลางวันและมื้อค่ำได้ที่ อีเมล์: info@baandusitthani.com, Official Line Account @baandusitthani เว็บไซต์ www.baandusitthani.com หรือโทร 02 200 9009.