The Bar เปิดตัวค็อกเทลซิกเนเจอร์เมนูใหม่
เครื่องดื่มสุดบรรเจิดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์ของคฤหาสน์บนถนนสาทร
โอกาสดีสำหรับผู้ที่หลงใหลในการดื่มค็อกเทล The Bar ที่ The House on Sathorn สถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยเรื่องราว ภูมิใจนำเสนอค็อกเทลซิกเนเจอร์เมนูรังสรรค์ใหม่ทั้งหมด ทุกแก้วได้แรงบันดาลใจมาจากแต่ละยุคสมัยของคฤหาสน์สไตล์นีโอคลาสสิกสีเหลืองอันงดงามทรงคุณค่าหลังนี้ที่อยู่คู่กรุงเทพฯ มานานกว่า 133 ปี
นับตั้งแต่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2558 The House on Sathorn ได้กลายเป็นสถานที่สำคัญสำหรับการกินดื่มของคนเมืองที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร คฤหาสน์หลังนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่เดียวกับโรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพ สวยงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยสถาปัตยกรรมอันตระการตาซึ่งเริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2432 โดยช่วงแรกใช้เป็นบ้านพักส่วนตัวของคหบดี และดำเนินการในฐานะโรงแรมตั้งแต่ พ.ศ. 2463 เป็นต้นมา จนกระทั่งกลายเป็นสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ. 2491 ถึง พ.ศ. 2542 “สำหรับเมนูค็อกเทลใหม่ทั้งหมดนี้ เราได้นำแรงบันดาลใจมาจากคุณค่าของคฤหาสน์หลังนี้ในหลายมิติ ทั้งความมีชีวิตชีวาที่ไม่เคยหยุดนิ่ง และความสำคัญทางประวัติศาสตร์จากผู้คนหลากหลายวัฒนธรรมในช่วงเวลาต่างๆ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน เราตีความกลิ่นอาย และความเก๋ในแต่ละยุคสมัยให้ออกมาเป็นค็อกเทลซิกเนเจอร์เหล่านี้” ฟรานเชสโก โมเรตติ (Francesco Moretti) กล่าว เขาคือผู้จัดการคนใหม่ของ The Bar เป็นชาวเมืองปาดัว ประเทศอิตาลี ฟรานเชสโกได้นำประสบการณ์ในการทำงานทั้งหมดจากทั้งทวีปยุโรป และอเมริกาของเขามาสร้างเสน่ห์ให้กับเครื่องดื่มที่นี่ จากความละเอียดอ่อนเบาบาง ไล่เรียงไปจนถึงความเข้มข้นลุ่มลึก ค็อกเทลและม็อกเทลซิกเนเจอร์เมนูใหม่ทั้ง 20 เมนูจะพาทุกคุณเดินทางไปยัง 4 ช่วงเวลาสำคัญในอดีตของ The House on Sathorn โดยจะเริ่มต้นจากปัจจุบัน และค่อย ๆ ย้อนกลับไปหาเรื่องราวอันทรงคุณค่าในอดีต
เดอะ เพรเซนท์ (The Present)
เมนูในส่วนนี้จะกล่าวถึงอาคารหลังงามท่ามกลางบริบทในปัจจุบัน ยุคแห่งความรุ่งเรืองอย่างถึงที่สุด เป็นสถาปัตยกรรมคลาสสิกซึ่งแวดล้อมด้วยอาคารสูงตระหง่านทันสมัยสไตล์โมเดิร์น ในย่านธุรกิจที่เฟืองฟูที่สุดของกรุงเทพฯ เครื่องดื่มจะนำเสนอกลิ่นอายของช่วงเวลาดีๆ ในอดีต สอดประสานเข้ากันอย่างกลมกลืนกับความรู้สึกแบบร่วมสมัย โดยใช้ส่วนผสมและรสชาติแบบไทย คุณสามารถเติมความสดชื่นให้กับร่างกายด้วยเมนู Aristocrat’s Stone ซึ่งมีส่วนผสมของรัมแม่โขง มะพร้าวจากสมุย เสาวรส ข่าและตะไคร้ เสิร์ฟอย่างหรูหราสะดุดตาน่าจดจำ หรือจะเพลิดเพลินด้วยเครื่องดื่มรสชาติละเอียดอ่อนแต่ทรงพลังอย่าง L&L Martini ทำจากจิน Roku ไซรัปลำไยและลิ้นจี่แบบทำเอง และให้กลิ่นหอมของดอกไม้
เอมบ็าซซิ โรว์ (Embassy Row)
เมนูในส่วนนี้จะกล่าวถึงตัวอาคาร ซึ่งอดีตเคยเป็นที่ทำการสถานทูตรัสเซีย ตั้งอยู่บนถนนสาทร หนึ่งในถนนสำคัญที่สุดสายหนึ่งของกรุงเทพฯ และยังเป็นที่ตั้งของสถานทูตมากมายหลายประเทศ โดยค็อกเทลแต่ละแก้วได้รับการรังสรรค์ขึ้นเพื่อชวนให้นึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เป็นมิตรกันมายาวนานจากอดีตถึงปัจจุบัน รสชาติและสุนทรียภาพระดับสากลมาพร้อมกับเครื่องดื่มหลากหลายแก้วซึ่งมีลูกเล่นสะดุดตา อาทิ เมนู The Envoy ทำจาก จิน Tanqueray Flor de Sevilla gin ตามด้วยไซรัปสตรอว์เบอร์รี่ และผิวเลม่อน หรือจะเป็นเมนู Mr. Ambassador ที่สง่างามแบบคลาสสิก ทำจากคอนยัค Remy Martin VSOP ข้าวหอมมะลิ แอบซินท์และบิทเทอร์ Peychaud
โฮเต็ล รอยัล (Hotel Royal)
การตกแต่งที่สวยงาม และส่วนผสมหลักจากประเทศอิตาลีคือองค์ประกอบสำคัญในธีมนี้ เครื่องดื่มทุกแก้วจะพาคุณย้อนไปในทศวรรษที่ 1920 อันเป็นช่วงเวลาที่ “มาดามสตาโร” หญิงชาวอิตาเลียนได้รับกรรมสิทธิ์ในอาคารหลังนี้ และเปลี่ยนจากบ้านพักอาศัย ให้กลายเป็นโรงแรมสุดหรูในนาม โฮเต็ล รอยัล ดื่มด่ำกับกลิ่นอายความเป็นอิตาเลียนแบบลักซ์ชูรีด้วยเมนู The Heritage of Madame Staro ทำจากจิน Sabatini น้ำเลม่อนเข้มข้นและเหล้า Crème de Violet หรือฉลองให้กับความเป็นสาวมั่นที่เต็มไปด้วยอิสระและการเห็นคุณค่าในตัวเอง จากเมนู La Barona ทำจากเตกีล่าขาว Cenote อะเพโรล สับปะรดและพริกไทยสีชมพู ท้อปด้วยงานศิลปะที่สามารถรับประทานได้
เดอะ ฮิสทรี่ ออฟ สาทร (The History of Sathorn)
เครื่องดื่มที่รังสรรค์จากส่วนผสมซึ่งให้กลิ่นอายของความเป็นไทย และจีน เพื่อเป็นเกียรติให้กับหลวงสาทรราชายุกต์ ผู้เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ในอดีต คือคหบดีชาวจีนผู้มีส่วนสำคัญในการขุดคลองสาทรในสมัยรัชกาลที่ 5 และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ในเวลาต่อมา ทุกคุณจะได้เดินทางย้อนเวลาไปกับเมนู Hainan to Siam ที่จะรังสรรค์รสชาติให้นึกถึงกลิ่นอายของทั้ง 2 ประเทศ ทำมาจากจิน Botanist ข้าวหอมมะลิ แตงกวา ใบชิโสะและโทนิค Fentimans Connoisseur สำหรับใครที่อยากขยับรสชาติขึ้นมาจริงจังสักหน่อย ต้องจิบเมนู Business Man ทำจากวิสกี้ Maker’s Mark เหล้า DOM Benedictine เหล้าขิง Domaine De Canton และหยดด้วยน้ำทุเรียนอย่างบางเบา
นอกจากนี้ยังสามารถสั่งอาหารว่างจากห้องอาหารพาย (Paii) มาเสิร์ฟถึงที่เดอะบาร์ พร้อมคำแนะนำในการสั่งเพื่อจับคู่อาหารกับค็อกเทลซิกเนเจอร์ทุกธีมได้อย่างลงตัว
บริเวณชั้น 1 ของอาคารหลังนี้เต็มไปด้วยรายละเอียดทางศิลปะที่ซับซ้อนซึ่งสั่งสมจากหลายทศวรรษที่ผ่านมา เมื่อผนวกกับความสวยงามแบบร่วมสมัย จึงสร้างความรู้สึกที่หรูหรา แต่ยังคงบรรยากาศผ่อนคลาย ใกล้ชิดเป็นกันเองและเต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่พร้อมสร้างคืนพิเศษอันน่าจดจำ โคมไฟระย้าให้ความสว่างอย่างพอดีภายในบริเวณห้อง ขณะที่เบาะนั่งซึ่งบุด้วยหนังก็ชวนให้คุณเอนกายเพื่อหลีกหนีจากความพลุกพล่านของถนนใหญ่ ด้านนอกยังมีที่นั่ง และพื้นที่สำหรับรับรองลูกค้ากลุ่มขนาดเล็ก สร้างความเป็นส่วนตัวได้มากยิ่งขึ้น คุณจะได้ซึมซับบรรยากาศผ่านเสียงเพลงในยุค 1920s และเพิ่มระดับความสนุกด้วยเสียงดนตรีสนุกๆ จากดีเจ ทุกวันพฤหัสบดี ถึงวันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 20.30 น. เป็นต้นไป
The Bar ที่ The House on Sathorn เปิดให้บริการทุกวันพุธ - วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 14.30 น. จนถึง 00.00 น. (รับออร์เดอร์สุดท้ายเวลา 23.30 น.) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือสำรองที่นั่ง กรุณาติดต่อ thehouseonsathorn@whotels.com หรือ 02 344 4025 สำหรับข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับ The House on Sathorn สามารถดูได้ที่ www.thehouseonsathorn.com หรือกดติดตามที่www.facebook.com/thebar.thehouseonsathorn และ www.instagram.com/thebar.thehouseonsathorn
[บทความประชาสัมพันธ์]