เมื่อกระเป๋า Fendi อยากใช้น้ำหอม
การที่กระเป๋าบาแก็ตต์จะมีกลิ่น เหมือนผู้หญิงสักคนมีน้ำหอมประจำตัว เป็นเรื่องปรกติธรรมดามาก
กว่า 22 ปีที่กระเป๋า Baguette ของ FENDI ผู้สร้างตำนานกระเป๋า ‘อิท’ หรือ It Bag ขึ้นในวงการแฟชั่น ได้ทำหน้าที่มากกว่าการเป็นเพื่อนคู่กายสตรีเจ้าของรสนิยมแบบฉบับ เป็นเครื่องประดับบ่งบอกสถานะทางสังคม นั่นก็คือการเป็นเสมือนผืนผ้าใบรองรับลูกเล่นการใช้ความคิดสร้างสรรค์สดใหม่มามากกว่า 1,000 รุ่น ซึ่งนอกเหนือจากลีลาการออกแบบโดยซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิ ผู้ให้กำเนิดกระเป๋ารุ่นนี้ ก็ยังมีศิลปินหลากแขนงอย่างเจฟฟ์ คูนส์ และดาเมียน เฮิร์สท์ ล่าสุด กระเป๋าใบนี้ก็เดินทางมาถึงมือของศิลปินแห่งวงการน้ำหอม-ฟร็องซิส เคิร์คฌิอัง
กรุงโรม
กระเป๋าที่มีชื่อเรียกเป็นของตัวเอง แทนที่จะถูกตั้งชื่อตามดารา หรือสตรีผู้นำสไตล์อย่างเบอร์กิน, เคลลี หรือเลดี้ (Lady Dior อันหมายถึงเลดี้ไดอานา) กระเป๋าซึ่งไม่ใช่กระเป๋า ตามที่แคร์รี แบร็ดชอว์จากซีรีส์เรื่องดัง Sex and the City โวยใส่ตำรวจตอนเธอโดนโจรวิ่งราวกระเป๋าว่า “มันไม่ใช่กระเป๋านะคะ มันคือบาแก็ตต์!” บัดนี้ได้ก้าวมาสู่การเป็นผู้นำความสดใหม่ให้วงการแฟชั่นอีกครั้ง
“กระเป๋าบาแก็ตต์เป็นเรื่องของบุคลิก เพราะตอนเปิดตัว บาแก็ตต์ก็มีบุคลิกเป็นของตัวเอง” ซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิกล่าว “ดังนั้น การที่กระเป๋าใบนี้จะมีกลิ่น เหมือนผู้หญิงสักคนมีน้ำหอมประจำตัว เป็นสัญลักษณ์เชิงบุคลิก ก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดามาก"
”
นครปารีส
กลิ่นที่ฟร็องซิส เคิร์คฌิอังโปรดปรานคือกลิ่นหอมตรงต้นคอของหญิงคนรัก
“เป็นกลิ่นอบอุ่น ให้ความสบายใจ มากกว่าการผ่อนคลาย” เขากล่าว “เป็นกลิ่นที่บอกเราว่าถึงบ้านแล้ว”
นับจากเปิดตัวด้วยการออกแบบ Le Male น้ำหอมผู้ชายกลิ่นแรกของฌอง ปอล โกลติเยร และประสบความสำเร็จทันทีที่วางจำหน่าย ก็เป็นเวลากว่า 25 ปีมาแล้วที่ฟร็องซิส เคิร์คฌิอังได้ปรุงน้ำหอมมอบเสน่ห์เย้ายวนมากมายให้แก่บรรดาห้องเสื้อแฟชั่น และแบรนด์น้ำหอมชั้นสูงต่างๆ อย่าง Guerlain, Acqua di Parma หรือกระทั่ง Baccarat รวมถึงได้รับเหรียญเชิดชูเกียรติเทียบเท่าอัศวินจากรัฐบาลฝรั่งเศสเมื่อปี 2008 และยังมีรางวัลยืนยันความสำเร็จอีกมากมาย
ปัจจุบัน นอกจากจะดำเนินธุรกิจผลิตน้ำหอม Maison Francis Kurkdjian ของตนเองแล้ว เขาก็ยังร่วมงานกับศิลปินต่างๆ อีกมากมาย แม้กระทั่งสำนักงานจัดการพระราชวังแวรซายส์ในการออกแบบกลิ่นหอมเติมเต็มบรรยากาศการจัดแสดงแสง-สี-เสียง และล่าสุดคือการเผชิญหน้ากับซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ค์ของห้องเสื้อแฟชั่น และเฟอร์ชั้นสูงของอิตาลี กับโจทย์ท้าทายใหม่: “ถ้ากระเป๋าบาแก็ตต์มีกลิ่น?”
ในสตูดิโอที่ปารีส
ด้วยแรงบันดาลใจจากหนังเซลเลอเรีย (selleria) สีเหลืองเนยสดของ Fendi เป็นจุดตั้งต้น น้ำหอม FendiFrenesia ของกระเป๋าบาแก็ตต์ ยังเป็นที่ระลึกถึงคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ที่ล่วงลับ เจ้าของผลงานโลโก้ดับเบิ้ลเอฟ หรือ FF logo อันย่อมาจาก Fun Fur ที่เขาได้ออกแบบให้แก่ห้องเสื้อแฟชั่น และเฟอร์แห่งนี้เมื่อปี 1965 “ทุกครั้งที่ผมออกแบบน้ำหอม ผมต้องมีชื่อน้ำหอมขึ้นในใจก่อน” เคิร์คฌิอังกล่าว “ผมอยากให้ชื่อน้ำหอมกลิ่นนี้มีอักษร เอฟ สองตัวเพื่อเป็นที่ระลึกถึงลาเกอร์เฟลด์”
เคิร์คฌิอังเริ่มต้นวางโครงสร้างองค์ประกอบเนื้อกลิ่นโดยอาศัยกลิ่นสาบสัตว์ของมัสค์ หรือวัวชะมดที่แฝงอยู่ในยางกุหลาบหินเมอดิเตอเรเนียน (labdanum) ซึ่งภายในมิติกลิ่นนั้น ก็ยังมีกรุ่นไอของผลึกยางไม้แห้งจากการโดนแดดเผา หรือโดนความร้อนรวยรินปะปน เพื่อนำมาใช้เน้นความคมชัดของกลิ่นหนังวัว หรือกลิ่นเครื่องหนังอันแฝงตัวอยู่ในน้ำมันกำยาน (styrax oil) ผสมกับหัวน้ำหอมสกัดจากเมล็ดวานิลลา (เมล็ดวานิลลาจะให้กลิ่นฝาด ขื่น ไม่เหมือนกับกลิ่นหอมหวานที่ได้จากส่วนฝัก ซึ่งนิยมใช้กันตามปรกติในการปรุงน้ำหอมทั่วไป) จากนั้น ความ “แข็ง” ของเนื้อกลิ่นก็ถูกหักมุมด้วยกลิ่นผิวกายหอมละมุนละไมในหัวน้ำหอมของกุหลาบเมย์โรส หรือกุหลาบร้อยกลีบจากเมืองกราส์ สำหรับผลลัพธ์ที่ได้ เคิร์คฌิอัง “ก็เหมือนการดมกลิ่นต้นคอของคนรัก ไม่ใช่กลิ่นของการปรุงแต่ง แต่เป็นกลิ่นกายของเจ้าของ” ก็ตรงตามที่เขาพูดทุกประการ เพราะกลิ่นของน้ำหอมซึ่งถูกตั้งชื่อว่า FendiFrenesia ก็เต็มไปด้วยไออุ่นกรุ่นเสน่ห์เย้ายวนลอยวนอวลขึ้นมาจากเนื้อสัมผัสของหนัง เป็นเหมือนกลิ่นที่ได้จากเนื้อแท้ หาใช่แค่การประทินแต่ง อีกทั้งยังสามารถกลมกลืนเข้ากับผิวของทั้งผู้หญิง และผู้ชายได้อย่างลงตัว
สตูดิโอในกรุงโรม
“กลิ่นน้ำหอมบนตัวเรา เป็นเรื่องของบุคลิกส่วนตัว และบ่อยครั้งที่กลิ่นบนตัวจะเป็นจุดเชื่อมต่อถึงประสบการณ์ในอดีต” ซิลเวีย เวนตูรินิ เฟนดิกล่าว เมื่อถูกถามว่าเหตุใดจึงสนใจให้กระเป๋าบาแก็ตต์มีกลิ่น “หัวน้ำหอมปรุงสูตรจำลองกลิ่นเครื่องหนังกับมัสค์ ซึ่งถูกนำมาใช้ออกแบบ FendiFrenesia ทำให้ดิฉันเห็นภาพของหนังเซลเลอเรียขึ้นในใจได้อย่างชัดเจนทันที และอย่าลืมว่า เซลเลอเรียก็เป็นหนึ่งในดีเอ็นเอของเรา สำหรับดิฉัน หนังวัวสัญชาติโรมันนี้ คือตัวแทนมรดกรกรากทางการออกแบบของ Fendi เตือนให้นึกถึงความสูงส่ง และยิ่งใหญ่ของกรุงโรม” เธออธิบาย “เป็นกลิ่นหอมซึ่งหรูหราที่สุด จุดประกายความสุข เปิดลิ้นชักความทรงจำถึงช่วงเวลาพิเศษ หรือให้ความรู้สึกอันเป็นเอกลักษณ์สำหรับเรา”
บนพรมแดนระหว่างอิตาลีกับฝรั่งเศส...แฟชั่นกับน้ำหอม...
อย่างไรก็ตาม FendiFrenesia ก็คือผลงานอันหลอมรวมขึ้นจากกลิ่นหอมกับกระเป๋าถือ “กระเป๋าถือถูกมองว่าเป็นเครื่องประดับประจำตัวของผู้หญิง มีความเป็นผู้หญิง เป็นเพื่อนรักของผู้หญิงที่คอยเก็บงำความลับต่างๆ มากมายของเธอ” เวนตูรินิ เฟนดิกล่าว
ซึ่งเคิร์คฌิอังก็รู้สึกกับน้ำหอมแบบนี้เช่นเดียวกัน “น้ำหอมเป็นเครื่องประดับประจำตัวของผู้หญิง มีความใกล้ชิด เป็นส่วนตัวกับผู้หญิงมากพอเสียจนสามารถเล่าเรื่องมากมายเกี่ยวกับตัวเธอได้เหมือนกับกระเป๋าถือ”
MAIN PHOTO: Francis Kurkdjian ศิลปินแห่งวงการน้ำหอม