HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
Loire สวย ซึ้ง ขลัง ในวันฝนพรำ
by โลจน์ นันทิวัชรินทร์
4 เม.ย. 2562, 18:24
  1,691 views

       เอาแล้ว.... วันนี้ปารีสฝนปรอยแต่เช้าตรู่ ผมกับเพื่อนๆ นั่งลุ้นระทึกขอให้หยุดตกเสียที เพราะวันนี้เป็นวันที่เรากะจะไปเที่ยวรวดเดียว 3 ปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์อันลือลั่น เรารีบบึ่งรถออกแต่เช้าตรู่เพื่อหนีฝนที่ตกซู่ซ่าทั่วปารีส พวกเราได้แต่หวังว่าเมื่อถึงบริเวณ เปอีส์ เดอ ลา ลัวร์ (Pays de la Loire) ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ฟ้าจะเข้าข้างเราบ้าง อย่างน้อย...จากฝนหนักก็ขอให้กลายเป็นฝนปรอยๆ ก็ยังดี

         และแล้วคำขอก็เป็นผลเมื่อฝนหนาเม็ดกลายเป็นเพียงละอองบางๆ ในบรรดา 3 ปราสาทนั้น เราเลือกประเดิมที่แรกด้วย “ช็องบอรด์” (Château de Chambord) ปราสาทที่ว่ากันว่าเป็นอัญมณีเอกแห่งลัวร์ แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ความใหญ่โตของปราสาทสีขาวที่ตั้งตระหง่านตรงหน้าพร้อมด้วยหอคอยสารพัดทรงที่ต่างพากันทอดทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า หากเปรียบเทียบรูปทรงหอคอยเหล่านั้นก็คงไม่ต่างอะไรไปจากตัวเดินหมากรุกหลากชนิดที่เราคุ้นเคย

        “โอ้ โห” เราต่างอุทานออกมาพร้อมๆ กัน ว่าแล้วก็วิ่งเข้าไปหามุมสวยๆ ถ่ายรูป โชคดีที่เรามาแต่เช้าตรู่คนจึงยังไม่เยอะมาก เรยกได้ว่าปราสาททั้งหลังจึงแทบจะเป็นของเราเลยทีเดียว

      

       ปราสาทช็องบอรด์นั้นออกแบบโดยเลโอนาร์โด ดาวินชี่ ศิลปินอัจฉริยะของโลก โดยรับพระราชบัญชามาจากพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 (François le Premier) ว่ากันว่ามีพระราชประสงค์จะทรงใช้แห่งนี้เป็นที่ประทับเวลาเสด็จประพาสเพื่อทรงล่าสัตว์ในบริเวณป่าโซโลญ (Les Forêts de Sologne) การก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปีคริสตศักราช 1519 และใช้เวลาก่อสร้างถึง 15 ปีเต็ม โดยระดมสถาปนิก ช่างศิลป์ และคนงานกว่า 1,800 คน

         แต่แล้ว... เชื่อหรือไม่ว่าพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ได้เสด็จมาประทับที่ปราสาทแห่งนี้เพียง 42 วันเท่านั้น แล้วไม่ได้เสด็จมาประทับที่นี่อีกเลยตลอดระยะเวลาอันยาวนานในราชสมบัติกว่า 32 ปี (ค.ศ. 1515 – 1547)

        โห...ฟังแล้วแอบสงสารคนสร้างจัง เหนื่อแทบตายกว่าจะเสร็จ....

        แต่อย่างไรก็ตาม เราก็มีปราสาทแสนสวยอย่างช็องบอรด์ให้ตะลึงตาค้างแล้วในวันนี้แล้ว สำหรับใครที่ไปช็องบอรด์นะครับ ขอให้สังเกต “ตราจิ้งเหลนแลบลิ้น” ซึ่งเป็นตราประจำพระองค์ของพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 พระองค์นี้ และมีปรากฏอยู่ทั่วปราสาท เพื่อแสดงพระราชอำนาจในฐานะเจ้าของ และพวกเราก็ได้ข้อสรุปว่าหลังคาพร้อมกับหอคอยหลากรูปทรงอันเป็นสถาปัตยกรรมแบบวิลล่าแนว “อิตาเลียน เรอเนสซ็องส์” นั้นสวย คลาสสิค และชวนตื่นตาตื่นใจสุดๆ

        ภายในช็องบอรด์นั้น มีห้องหับต่างๆ ตลอดจนเครื่องใช้ไม้สอยโบราณที่ยังคงเก็บรักษาไว้อย่างดีให้ได้ศึกษากัน ภาพเขียน และพรมถัก (Tapestry) ฝีมือละเอียดปราณีตผืนใหญ่ ๆ ก็มีไว้ให้ได้ชื่นชม แต่ที่เลื่องลือมากที่สุดเห้นจะเป็น “กระไดเวียนอัจฉริยะ” (Double-helix Staircase) ที่ออกแบบโดยเลโอนาร์โด ดาวินชี่

กระไดวนอันขึ้นชื่อ

        กระไดวิเศษนี้ผู้ขึ้นกับผู้ลงจะมองเห็นหน้ากันแต่เดินวนมาไม่เจอกัน เป็นการขึ้นทางลงทาง และเมื่อมาถึงแล้วก็ขอให้ไปลองเดินขึ้นๆ ลงๆ กันเล่นๆ นะครับ พร้อมๆ กันนั้นก็ขอให้ลองจินตนาการถึงภาพเหล่าสนมนางในนุ่งกระโปรงสุ่มวิ่งหัวเราะกิ๊กกั๊กขึ้นลงบันได หยอกล้อกับเหล่าขุนนางหนุ่มจอมเจ้าชู้ ว่ากันว่ากระไดนี้เป็นที่เล่นเชิงหยอกล้อ กระเซ้าเย้าแหย่กันไปมาแบบนี้ล่ะครับ

หอคอย เหมือนหมากรุก

        พอเริ่มเมื่อยๆ พวกเราก็เดินขึ้นไปถึง Roof Terrace ด้านบนที่มีหอคอยต่างๆ ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนนั้นเราสามารถเดินวนดูสวนของปราสาทในมุมสูง หรือมองไกลๆ เพื่อชมความเขียวขจีของป่าโซโลญได้ พร้อมกับดินดูหอคอยทรงต่างๆ ที่เรียงตัวกันอยู่บนนั้น

        จากช็องบอรด์ฝนยังคงตกอยู่เบาๆ เรารีบเดินทางด้วยรถยนต์มาไม่นาน ก็มาถึง “ปราสาทเชอแวร์นี” (Château de Cheverny) ปราสาทเชอแวร์นีนั้นแม้ว่าสถาปัตยกรรมด้านนอกจะไม่ได้อลังการอย่างช็องบอรด์ แต่การตกแต่งภายในนั้นต้องยกให้เลยว่าสวยที่สุดสำหรับกลุ่มปราสาทลุ่มแม่น้ำลัวร์

ด้านนอกของเชอแวร์นี

        เชอแวร์นีไม่ใช่ปราสาทใหญ่โตและไม่เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์เสียด้วยซ้ำ แต่การตกแต่งภายในนั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดที่ประณีตราวการตกแต่งภายในของราชสำนักฝรั่งเศสเลยทีเดียว ผมเองนั้นออกจะปลื้มเชอแวร์นีที่สุดด้วยซ้ำ เพราะดูเล็กๆ น่ารัก ไม่ใหญ่โตทะมึนอย่างช็องบอรด์ ภายในก็เดินดูง่ายๆ ไม่ทันเมื่อย ห้องสำคัญ ๆ ที่พลาดไม่ได้คือ La Chambre du Roi หรือห้องพระบรรทม (เอ่อ....แต่ไม่มีกษัตริย์พระองค์ไหนเคยมาบรรทมนะครับ) เป็นห้องที่ตกแต่งอย่างเต็มที่ นอกจากนี้อีกห้องหนึ่งที่น่าสนใจคือห้องทานอาหารด้านล่างที่มีภาพเขียนเรื่องราวของ ดอน กิโฆเต (Don Qixote) ประดับอยู่

        อ้อ....แล้วใครก็ตามที่เป็นแฟนการ์ตูนชื่อดังเรื่อง “การผจญภัยของตินติน” (Les Aventures de Tintin) ของนักเขียนชาวเบลเยี่ยมชื่อว่า จอร์ช เรมี่ (Georges Rémi) ผู้ใช้นามปากกาว่า “แอร์เช่” (Hergé) มาที่ปราสาทนี้จะต้องร้องกรี๊ดครับ

        แน่นอนว่าตินติน (หรือแต็ง แต็ง หากเรียกตามต้นฉบับนักเขียนชาวเบลเยี่ยม) มีกัปตันแฮ็ดด๊อคที่แม้จะติดการดื่มวิสกี้ แต่ก็เป็นพื่อนซี้คู่หูคู่คิดของตินตินเสมอ และปราสาทเชอแวร์นี่นี้เองที่เป็นต้นแบบของ Marlin Spike Hall ซึ่งเป็นบ้านในชนบทของกัปตันแฮ็ดด๊อค และเป็นฉากที่ปรากฏอยู่ในการ์ตูนซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นระยะๆ  แฟนๆ ตินติน สามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์พิเศษที่นำเสนอเรื่องราวของการ์ตูนตินตินได้ โดยเฉพาะเนื้อเรื่องตอนที่มีปราสาทเชอแวร์นีแห่งนี้เป็นฉาก นอกจากนี้ยังสามารถเลือกซี้อของที่ระลึกเกี่ยวกับตินตินได้ที่นี่อีกเพียบแปร้ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือการ์ตูน โปสการ์ด ตุ๊กตาตินติน ดีวีดี ฯลฯ

    

         ก็ระวังจะหมดตัวนะครับ แฟนๆ ของตินตินทั้งหลาย...

        ก่อนจบวันฟ้าเป็นใจเพราะหยุดส่งฝนลงมาโปรยปรายเสียที และพวกเราก็ได้เลือกปราสาทเชอน็องโซ (Château de Chenanceau) ไว้เป็นที่สุดท้าย เพราะเป็นปราสาทที่สวยแบบขลังๆ ในยามเย็น และเราก็ปลื้มเชอน็องโซไม่แพ้ที่อื่นๆ เช่นกัน

ปราสาทเชอน็องโซ

         ความสวยงามเริ่มตั้งแต่ยังไม่ทันเห็นตัวปราสาทเสียด้วยซ้ำเพราะหมู่ต้นไม้สูงใหญ่เรียงรายอย่างเป็น ระเบียบทอดตัวตามทางเดินให้เงาร่มครึ้ม และบรรยากาศชวนลึกลับ ยิ่งเมื่อเราเดินไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ เราก็จะค่อยๆ เห็นปราสาทหลังงามค่อยๆ เผยตัวออกมาจากแนวโค้งของหมู่ไม้สู่สายตาของเรา เหมือนเราค่อยๆ ถอยเวลาหวนกลับไปสู่ยุคโบราณอีกครั้ง

เงาไม้เมื่อเดินเข้าสู่ Chenanceau

         ถ้าถามว่าปราสาทเชอน็องโซโดดเด่นในเรื่องไหน ผมและเพื่อนๆ คิดว่าในแง่ความสวยงามก็ไม่เป็นรองใคร เพราะช่างงดงามอ่อนช้อยสมกับเป็นปราสาทของผู้หญิง เพราะเป็นที่ประทับและพำนักของพระราชินีและสตรีในพระราชสำนักฝรั่งเศสที่สำคัญถึง 6 พระองค์และท่านทีเดียว แต่ความโดดเด่นของปราสาทหลังนี้น่าจะเป็นเรื่องราวที่ซุกซ่อนอยู่ ถ้าจะเล่าให้หมดก็คงต้องขออีกหลายหน้าจึงขอคัดแต่ที่เร้าใจมาเป็นตัวอย่างนะครับ

         เริ่มที่เรื่องราวเด็ดๆ ของคู่กัดคู่แรก นั่นคือพระราชินีกาเตอรีน เดอ เมดิชี่ (Catherine de Medici) และดิอาน เดอ ปัวติเย่ส์ (Diane de Poitiers) ฝ่ายแรกทรงเป็นพระมเหสี ส่วนฝ่ายหลังเป็นสนมเอกของพระเจ้าอ็องรีที่ 2 (Henri le Second) ประวัติศาสตร์เล่ามาว่าดิอาน เดอ ปัวติเย่ส์ ได้รับพระราชทานปราสาทหลังนี้จากพระเจ้าอ็องรีก่อน และได้บรรจงตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมสวนดอกไม้แสนสวยทางด้านตะวันออกของปราสาท เมื่อพระเจ้าอ็องรีสวรรคต พระนางกาเตอรีน เดอ เมดิชี่ ทรงเข้ามาขับไล่ และครอบครองปราสาทหลังนี้แทน โดยทรงสร้างสวนกุหลาบประชันทางด้านตะวันตก และเมื่อดิอาน เดอ ปัวติเย่ส์ ไม่อยู่แล้ว พระนางกาเตอรีน เดอ เมดิชี่จึงมีพระดำริที่จะแสดงความเป็นเจ้าของโดยทรงลงพระนามย่อ C ที่มาจาก Catherine de Medici ไว้คู่กับ H ที่มาจากพระนามย่อพระเจ้าอ็องรี (Henri) พระราชสวามีไว้ทั่วปราสาท แต่ราวกับว่าฟ้ากลั่นแกลง เพราะเมื่ออักษร C มาสมาสกับอักษร H ก่อให้เกิดตัว D น้อยๆ กลับด้านแฝงไว้ด้วย (ลองวาดดูนะครับ....เห็นไหมมีตัว D กลับด้านจริงๆ ด้วย) และอักษร D นั้นก็ไม่ได้ทำให้พระกาเตอรีน เดอ เมดิชี่ทรงนึกถึงใครอื่นนอกจาก Diane de Poitiers ผู้เป็นหนามความรักของพระองค์ ที่ยังคงเข้ามาสอดแทรกอยู่ ....

        อีกห้องหนึ่งซึ่งเรื่องราวมหัศจรรย์ไม่แพ้ใครคงเป็นห้องบรรทมของพระนางลูอิส เดอ ลอแร็น (Louise de Lorraine) พระราชินีผู้ทรงอยู่ในความโทมนัสตลอดพระชนม์ชีพหลังจากพระราชสวามี พระเจ้าอ็องรีที่ 3 เสด็จสวรรคต ความโทมนัสของพระนางสังเกตได้ชัดเจนภายในห้องบรรทมที่พระนางประทับอยู่ตลอดพระชนม์ชีพที่เหลือโดยมิได้เสด็จออกไปไหน ห้องๆ นั้นเป็นห้องสีดำสนิท ประดับด้วยภาพวาดลายน้ำตาเป็นสีเงิน นับร้อย นับพันหยด ทั่วห้อง แท่นบูชาทำด้วยไม้สีดำสำหรับไว้ทรงสวดมนต์วิงวอนต่อพระเจ้า

พระแท่นบรรทมของลูอิส เดอ ลอแร็น

         ว่ากันว่าพระนางหลูอิส เดอ ลอแร็น ทรงอยู่ในฉลองพระองค์ทุกข์สีขาวตลอดพระชนม์ชีพจึงถูกจารึกพระนามไว้ว่า “The White Queen”

      ความจริงเชอน็องโซยังมีห้องหับให้ชมอีกมากมาย พร้อมเรื่องราวต่างๆ ที่น่าตื่นเต้นของปราสาทหลังนี้

Grand Gallerie

       อย่าลืมแวะไปดู Grand Gallerie ที่พาดผ่านแม่น้ำแชร์ (Cher) ซึ่งกลายมาเป็นโรงพยาบาลจำเป็นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และตรงกึ่งกลางของ Grand Gallerie นี้เองก็ได้กลายเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างฝรั่งเศสตอนเหนือ (ที่อยู่ภายใต้การปกครองของนาซีเยอรมัน) กับฝรั่งเศสตอนใต้ (ที่ยังเป็นอิสระ) ในช่วงสงครามโลกครั้งนั้นด้วย และผู้คนมากมายต่างพยายามดิ้นรนหนีอำนาจการปกครองของนาซีสู่อิสระภาพโดยพยายามผ่านเส้นแบ่งเขต ณ จุดกึ่งกลางของ Grand Gallerie นี่เอง

สวนของดิอาน เดอ ปัวติเย่ส์

       เราโบกมือลาทั้ง 3 ปราสาทแห่งลุ่มแม่น้ำลัวร์ตอนค่ำ บ่ายหน้ากลับปารีส พร้อมสิ่งต่างๆ ให้ขบคิด ไม่ ว่า ความโดดเด่นทางสถาปัตยกรรมของช็องบอรด์ ความสวยงามหยดย้อยภายในปราสาทเชอแวร์นี่ และเรื่องราวน่าสนใจมากมายที่เชอน็องโซ...

        ฮ้าดดดเช่ยยย... เสียงจามดังมาแว่วๆ จากสมาชิกนักท่องปราสาท .. ก็วันนี้เป็นวันท่อง Loire แบบ Rainy Day หวัดเลยกลายมาเป็นของแถม...นอกเหนือจากความประทับใจที่มีท่วมท้น

ภาพโดย
โลจน์ นันทิวัชรินทร์
วิชานันท์ เดชนราพันธุ์
อมรทัต สุนทรสวัสดิ์

 

Story by โลจน์ นันทิวัชรินทร์

 

ABOUT THE AUTHOR
โลจน์ นันทิวัชรินทร์

โลจน์ นันทิวัชรินทร์

หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่มีใครอยากไปเลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker

ALL POSTS