เอมิลี่ซีซั่นใหม่ : ไม่แซ่บ แต่ละมุนเหมือนซูเฟลในปารีส
รีวิว Emily in Paris Season 4 แบบไม่สปอย
ขอออกตัวก่อนว่าไม่ใช่นักรีวิวหนังซีรีส์ตัวจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่า Emily in Paris ซีซั่นนี้มาถูกเวลามาก! เพิ่งจบปารีสเกมส์ไปหมาด ๆ ทุกคนกำลังอินกับทุกสิ่งที่เป็นฝรั่งเศส ตั้งแต่พิธีเปิดสุดอลังการ ไปจนถึงการส่งต่อเวทีให้ลอสแองเจลิส
ในช่วงที่หลายคนเบื่อการเมืองในประเทศ การได้ชมซีรีส์เบาสมอง ชมวิวปารีส ดูแฟชั่นสวยๆ และตามติดชีวิตของ Emily (Lily Collins) นับเป็นการพักผ่อนที่ดีเยี่ยม
ซีซั่น 3 จบแบบค้างคาสุดๆ กับงานแต่งของเกเบรียล (Lucas Bravo) ที่เจ้าสาวล้มเลิกกลางคัน ทำให้ความสัมพันธ์ของ Emily กับอัลฟี่ (Lucien Laviscount) ต้องจบลง เอาจริงๆ แอบเสียดายนะ เพราะชอบอัลฟี่ ดูมีเสน่ห์กว่า! อีกอย่างรักสามเส้ามันสนุกกว่ากันเยอะ แต่ส่วนตัวไม่คิดว่าตัวละครนี้จะจบลงเพียงเท่านี้ ยังหวังว่าอัลฟี่จะโผล่มาในพาร์ท 2 อีกครั้ง
แม้จะจบความสัมพันธ์กับคามิลล์ (Camille Razat) แต่กับเกเบรียลก็ยังต้องเกี่ยวพันกันอีกด้วยคามิลล์เกิดตั้งท้อง และยิ่งซับซ้อนเมื่อมีศิลปินสาวชาวกรีก แฟนของคามิลล์เข้ามาเกี่ยวด้วย เป็นกลุ่มความสัมพันธ์แบบ 3 หญิงหนึ่งชาย แบบงงๆ ใต้หลังคาเดียวกัน เรื่องนี้สาวอเมริกันที่ไม่ชอบความคลุมเครืออย่าง Emily ไม่คุ้นชินและไม่ปลื้ม
ในซีซั่นนี้ ตัวละคร Emily ดูเหมือนจะขาดมิติที่น่าติดตาม ถ้าเทียบกับสามซีซั่นที่ผ่านมา ความโรแมนติกกับเกเบรียลก็ดูจะจืดชืดไป ขณะที่ตัวละครอื่นๆ อย่างซิลเวีย (Philippine Leroy-Beaulieu) เจ้านายของเธอ และเพื่อนร่วมงานอย่างลูค (Bruno Gouery) กลับมีเรื่องราวความรักและงานที่หวือหวาน่าสนใจกว่า
ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คือ ซีซั่นนี้ยังไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก แต่อย่างหนึ่งที่ยังคงเด่นชัดคือ แฟชั่นของ Emily ที่ยังคงน่าทึ่งทุกชุดราวกับหลุดออกมาจากแคทวอล์ค ทำให้คนอดนึกถึงการแต่งตัวของแครี่ ใน Sex in The City ไม่ได้ เพราะมีผู้สร้างคนเดียวกัน (Darren Star) บางคนบอกว่าแครี่นั้นแต่งตัวสมคาแรกเตอร์ แต่เอมิลี่แต่งฉูดฉาดแบบไม่ค่อยมีทิศทางไปกับตัวละคร ซึ่งในเรื่องนี้ Darren เขาออกมาบอกแล้วว่าสองตัวละครนี้เหมือนกันตรงที่เป็นนักสังเกตโลกรอบๆ และกล้าเสี่ยง
ความสำเร็จของซีรีส์นี้น่าจะอยู่ที่การนำเสนอทุกสิ่งที่เป็นฝรั่งเศส ไม่ใช่แค่แฟชั่น แต่รวมถึงวัฒนธรรม อาหาร ทัศนคติ การใช้ชีวิตแบบฝรั่งเศส หรือแม้แต่ French Open ที่คนดูอาจไม่รู้สึกว่ากำลังบริโภควัฒนธรรมฝรั่งเศสอยู่ที่หน้าจอ
แต่ซีซั่นนี้ยังมีความ "Woke" พอสมควร จากที่มีการพูดถึง LGBTQ และประเด็น #metoo แบบพอเป็นน้ำจิ้ม แต่ก็ไม่ได้เน้นมากจนเกินไป หากจะมีอะไรที่ติดตาบ้างก็ไอ้กางเกงกล้วยที่ออกแบบมาได้แบบ ฝรั่งเซต ฝรั่งเศส!
แม้ว่าสคริปต์จะไม่เข้มข้นเหมือนซีซั่นก่อนๆ แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าจับตามอง อย่างการแตะประเด็น K-beauty ที่ไม่น่าเป็นที่นิยมในยุโรป ลองดูว่าคุณจะคิดเหมือนกันไหม ว่าสาวปาริเซียงเขาไม่ได้ชอบงานผิวแบบฉ่ำโกลว์?
ถึงจะรู้สึกไม่ค่อยเต็มอิ่ม เพราะดูเหมือนว่าพาร์ทแรกของซีซั่นนี้จะไม่ค่อยมีอะไรเกิดขึ้นมากนัก เหมือนผู้สร้างอยากจะรอขมวดปมช่วงครึ่งหลัง แต่สาวกเอมิลี่ก็ยังตั้งตารอ โดยเฉพาะเมื่อพาร์ทแรกทิ้งท้ายไว้ว่าเธอจะได้เจอหนุ่มอีกคนในพาร์ทที่สอง สร้างความหวังลึกๆ ว่า Emily จะกลับมาให้ความบันเทิงอีกครั้งในวันที่ 12 เดือนกันยายนนี้!
- HappeingBkk Service
Cover Photo Courtesy of Netflix