แซลม่อนนอร์เวย์มีดียังไง
ไม่ว่าจะอ่านรีวิวร้านอาหารไหน ภาพที่เห็นคุ้นตาคือเนื้อปลาเนื้อนุ่มสีส้มของปลาแซลมอน ปลานำเข้าที่เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมที่สุดชนิดหนึ่ง เพราะความอร่อยแบบเบรคแตก เนื้อสัมผัสและรสชาติที่เอามาปรุงได้หลายแบบ และสีสันน่าขย้ำ ว่าแต่ .... ทำไมต้องแซลมอนนอร์เวย์ ปลาจากประเทศนี้มีดียังไง
มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่แซลมอนเข้าเป็นวัตถุดิบยอดนิยมยึดหาดร้านอาหารตั้งแต่ ไฟน์ไดนิ่งไปถึงร้านซูชิข้างทาง เพราะจากคำบอกเล่าของ นายจอน อิริค สทีนสลิด ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของสภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ (เราขอตั้งให้เป็นมหาอำนาจแซลม่อน) ประเทศไทยนั้นนำเข้าปลาแซลมอนสดจากนอร์เวย์ราว 12,000 ตัน ต่อปี มูลค่าถึง 5 พันล้านบาท แถมยังมีอัตราการเป็นสถิติใหม่เติบโตถึง40% ในปีที่ผ่านมา ครองแชมป์นักกินปลาตัวท็อปของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ไปครอง
ทั้งนี้คุณจอนบอกว่า เหตุผลที่ปลาแซลมอนกลายเป็นโปรตีนขวัญใจชาวไทยนั้น เพราะปลาแซลมอนตอบโจทย์เทรนด์หลักของอาหารโลก อยู่ 4ประการ ซึ่งก็ตรงกับเทรนด์ในไทยด้วยคือ ประการแรกเลยซึ่งเป็นกันทั่วโลก คือการใส่ใจด้านสุขภาพ เพราะปลาแซลมอนนั้นเป็นโปรตีนมันอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ที่เราชินๆ กันโดยไม่ต้องเปิดตำราคือมีเจ้าไขมันตัวดีที่เราโหยหากันนั่นเอง ทั้งโอเมก้าสารพัด
เทรนด์ต่อมาคือ การตอบโจทย์เรื่องความสุนทรีย์ (indulgence) “ คนไทยไม่ได้กินเพื่ออยู่แต่อยู่เพื่อกิน (Thai people live to eat!) และการรับประทานอาหารเป็น passion ของคน”คุณจอนกล่าว โอ้ว..นี่เขาเข้าใจคนไทยดีเสียนี่กระไร มันก็ไม่น่าจะเถียงนะ
ความสุนทรีย์นี่ก็ยังเชื่อมโยงกับไลฟ์สไตล์อีกด้วยนะ เพราะบังเอิญว่า แซลมอนนี้ เป็นปลาที่ถ่ายรูปขึ้นเสียด้วย จะมุมไหน เมนูไหนก็น่ากิน และดูทันสมัยจึงปรากฏอยู่เป็นขวัญใจชาวโซเชียลอัพรูปแซลมอนกันแบบไถดูไม่ทันเลยทีเดียว ต่อมาคือปัจจัยเรื่อง ความสะดวกสบายในการบริโภค ปลาแซลมอนนั้นเราจะกินดิบๆ แบบที่น้องหมีขั้วโลกเคี้ยวกร้วมๆ ก็ย่อมได้ เป็นปลาที่ทำอาหารได้ง่าย หลายเชื้อชาติ นอกจากซูชิ และซาชิมิที่ติดอันดับท็อปแล้ว ยังปรุงอาหารได้หลากหลาย ทำพาสต้า ใส่หน้าพิซซ่า ราดน้ำยำ สารพัด ที่สำคัญก้างน้อยเสียด้วย
เทรนด์อาหารสุดท้ายนี่คือ คุณจอนบอกว่าผู้บริโภคปัจจุบันมีความใส่ใจในสิ่งแวดล้อม จึงมองหาอาหารที่มีความยั่งยืน “คนสมัยนี้ โดยฉพาะกลุ่มมิลเลเนียมมีความสนใจมากขึ้นว่าอาหารที่ตัวเองกินมีผลต่อธรรมชาติอย่างไร และกันมาหาอาหารที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งแซลมอนและซีฟู้ดของนอร์เวย์เองก็ตอบโจทย์เมกาเทรนด์ข้อนี้” คุณจอนกล่าว
สำหรับในปีนี้คาดว่าความนิยมก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะตอนนี้คนไทยเรานิยมกินอาหารญี่ปุ่นกันสุดๆ บางทีหาร้านอาหารญี่ปุ่นยังง่ายกว่าอาหารไทยอีก ซึ่งนี่ทำให้ปลานอร์เวย์ยังคงความเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่
(คลิกอ่าน ความพยายามของนอร์เวย์ในการทำตลาดและสร้างซูชิแซลมอนที่ญี่ปุ่น)
ความสะอาด ขั้นตอนการผลิตที่ทันสมัยนี่ก็สำคัญ นำมาซึ่งคุณภาพชั้นเลิศและความสดของเนื้อปลา มหาอำนาจแซลมอนอย่างนอร์เวย์นั้นได้มีการพัฒนาการผลิตและโลจิสติกแบบสุดยอด จนปัจจุบันสามารถทำเวลาหลังจากขึ้นจากทะเลมาสู่ประเทศไทยในเวลาเพียงภายใน 48 ชั่วโมง!!สดกว่านี้มีอีกไหม ต้องปรบมือให้กับความเชี่ยวชาญในการแปรรูปและเตรียมแซลมอนเพื่อการส่งออกนั้นทำให้นอร์เวย์สามารถใช้เวลาเพียง6-8 ชั่วโมงเท่านั้น ตั้งแต่การจับปลาจากฟาร์มจนถึงการแพ็คน้ำแข็งที่ความเย็น 0° – 4° องศาเซลเซียสพร้อมส่งขึ้นเครื่องบิน ศูนย์แปรรูปปลามีการรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัดและมีอุปกรณ์เตรียมปลามาตรฐานสูง ทำให้ปลาแซลมอนนอร์เวย์ได้รับอนุญาตให้ส่งออกในลักษณะของปลาสดไปยังประเทศทั่วโลกได้โดยไม่ต้องแช่แข็ง
ข้อดีคือที่ส่งออกมาคือปลาแซลมอนสดๆไม่ใช่ปลาแช่แข็งเพราะ 90% ที่นำเข้าจะเป็นเนื้อปลาสด เนื้อจะดีกว่าทั้งด้านรสชาติและสารอาหารที่มีมากกว่า
“ในฐานะที่นอร์เวย์เป็นประเทศส่งออกอาหารทะเลรายใหญ่ของโลก ความรับผิดชอบในการผลิตอาหารทะเลคุณภาพสูงจึงตกอยู่กับเรา การที่นอร์เวย์ส่งออกอาหารทะเลกว่า 2.6 ล้านตันต่อปี ทำให้เราจำเป็นต้องมีการนำนวัตกรรมขั้นสูงเข้ามาใช้และมีระบบควบคุมการผลิตที่เข้มงวด เพื่อส่งเสริมการประมงที่ยั่งยืน ความปลอดภัยของอาหาร และสภาวะความเป็นอยู่ที่ดีให้กับปลาของเรา” นายจอน กล่าวเสริม
ระบบการควบคุมที่เข้มงวด ประกอบกับนวัตกรรมและความรู้เฉพาะทางในการเพาะเลี้ยงแซลมอน ทำให้เราสามารถสังเกตการณ์ ติดตาม และบันทึกข้อมูลผลิตภัณฑ์อาหารทะเล ได้ตั้งแต่ในทะเลจนถึงการส่งออกสู่ตลาด
ที่เจ๋งไปกว่านั้น เราไม่เคยรู้เลยว่าระบบเขาโปร่งใสมากตรวจสอบได้ตลอด ในแต่ละปีจะมีการเทสต์เนื้อปลาแบบเปิดสาธารณะถึง 12,000 ครั้ง ซึ่งแซลมอนเป็นอาหารที่มีการทดสอบมากที่สุดในนอร์เวย์อีกด้วย ทั้งนี้เพื่อควบคุมคุณภาพให้ปลาของนอร์เวย์เป็นขวัญใจ รับมงจากนักเปิบตลอดไป
ชาวนอร์เวย์ในการสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคด้วยผลิตภัณฑ์อาหารทะเลคุณภาพสูง โดยเมื่อไม่นานมานี้ สภาอุตสาหกรรมอาหารทะเลนอร์เวย์ได้เปิดตัวตราสัญลักษณ์ SEAFOOD FROM NORWAY ในประเทศไทย บ่งบอกถึงแหล่งที่มาของอาหารทะเลคุณภาพสูงจากประเทศนอร์เวย์ เพื่อช่วยสนับสนุนสินค้าของผู้ค้าส่งและปลีก และช่วยให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้ออาหารทะเลจากนอร์เวย์เช่นแซลมอนได้โดยง่ายผู้ค้าปลีกและส่งที่สนใจใช้ตราสัญลักษณ์ SEAFOOD FROM NORWAY บนสินค้า สามารถลงทะเบียนสมัครเพื่อขอลิขสิทธิ์ทางการค้าได้ที่ Norway Connect โทร. (02) 627 3040
รู้จักแซลมอนนอร์เวย์ซักนิด ... ก่อนจิ้มโชยุ
- แซลมอนเป็นปลาสองน้ำ ที่เริ่มต้นชีวิตในน้ำจืด โตในน้ำเค็ม และกลับไปวางไข่ในน้ำจืดเพื่อสืบพันธุ์
- แซลมอนเลี้ยงของนอร์เวย์มีวงจรชีวิตที่ไม่ต่างจากปลาธรรมชาติ ที่เริ่มต้นด้วยการเป็นไข่และลูกปลาในน้ำจืดที่ศูนย์เพาะเลี้ยง จนโตได้อายุประมาณหนึ่งปีจึงจะได้รับการย้ายไปให้เจริญพันธุ์เต็มวัยในฟาร์มธรรมชาติกลางทะเล
- พ่อแม่พันธุ์ได้รับการคัดสรรผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้ผู้เชี่ยวชาญสามารถวิเคราะห์ลักษณะเด่นทางพันธุกรรม และเพาะแซลมอนสายพันธุ์ดีได้ในแต่ละฤดู
- แซลมอนเลี้ยงเหล่านี้อาศัยอยู่ในฟาร์มธรรมชาติกลางทะเลที่มีพื้นที่กว้างขวาง โดยแต่ละบริเวณที่กำหนดให้เลี้ยงปลานั้นจะมีแซลมอนได้มากที่สุดเพียงร้อยละ 2.5 ของพื้นที่น้ำทั้งหมด เพื่อให้ปลาได้มีพื้นที่ว่ายวนใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
- แซลมอนจะใช้เวลาเติบโตเต็มวัยในน้ำเค็มราว 1-2 ปี ฟาร์มธรรมชาติเหล่านี้ติดตั้งด้วยอุปกรณ์ดิจิตอลที่ใช้สังเกตการณ์พฤติกรรมของปลาได้ตลอด24 ชั่วโมง
STORY BY Veen T.
MAIN PHOTO courtesy of Norwegian Seafood Council IG