เข้าใจเสียใหม่ แซลม่อนซูชิไม่ใช่อาหารญี่ปุ่น
ประกาศให้ทราบทั่วกันว่าแซลม่อนซูชิไม่ใช่อาหารจากแดนปลาดิบนะจ๊ะ
เพื่อนสาวหมวยโพสท์สเตตัสเฟสบุ๊คว่าเครื่องไปสแกนดิเนเวียดีเลย์ อาจจะต้องหาตั๋วใหม่ แล้วเธอก็หายไปสิบกว่าชั่วโมง ก่อนจะโพสท์รูปแซลม่อนซูชิจานโต
“ตกลงเปลี่ยนไปญี่ปุ่นเหรอ"
“แกอยู่ที่ไหน”
“ทำไมทรานสิตแถวนั้น”
หน้าเพจเต็มไปด้วยคำถามแสดงความห่วงใย ก่อนที่หมวยจะมาตอบแบบสวยๆ ว่า“อยู่สแกน” (ดิเนเวีย)
“แล้วทำไมกินแซลม่อนซูชิ” พวกช่างซักยังไม่วายสงสัย
“ก็มันมีที่มา...แซลม่อนซูชิ เป็นของนอร์เวย์ หนึ่งในประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย หาใช่ของญี่ปุ่นไม่!” หมวยประกาศก่อนจะแปะลิ้งก์ให้เพื่อนๆ อ่านเล่นระหว่างที่เธอออกไปเที่ยวถ่ายรูป
ลิ้งก์นั้นยืนยันว่า แซลม่อนซูชิไปจากนอร์เวย์จริงๆ ด้วย! และเป็นของใหม่ที่เพิ่งกินกันในทศวรรษที่ 1980 เมื่อตัวแทนอาหารทะเลนอร์เวย์เดินทางไปเยือนประเทศในเอเชียและก่อตั้งโปรเจคท์แจแปน ส่งเสริมการขายจนปลาแซลม่อนนอร์วีเจี้ยนกลายเป็นตัวเลือกแรกสำหรับหน้าซูชิในหมู่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่
ซูชิประกอบด้วยชาริ-ข้าวใส่น้ำส้มสายชู กับเนตะ-หน้าชนิดต่างๆ ส่วนใหญ่ใช้อาหารทะเล เรียกว่า นิกิริซูชิ ถ้ามีสาหร่ายล้อมรอบ เรียกว่ากุนคันมาคิ
อาหารทะเลที่นำมาทำเป็นเนตะ มีทั้งปลาหมึก กุ้ง ปลาฮามาจิ ปลาไท ปลาซัมมะ และหอย คนญี่ปุ่นกินอาหารทะเลกันมากจนผลิตได้ไม่เพียงพอ
โปรเจคท์ แจแปน เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1985 เป็นโครงการที่รัฐบาลนอร์เวย์ร่วมมือกับผู้ส่งออกอาหารทะเลและองค์กรต่างๆ เพื่อส่งออกปลานอร์เวย์ อย่างเช่นเคปลินไปขายที่ญี่ปุ่น หลังจากทำโครงการได้หกปี ก็ทำยอดส่งออกได้ถึงหนึ่งพันแปดร้อยล้านโครเนอร์นอร์เวย์ ยิ่งไปกว่านั้น โปรเจคท์ยังเปลี่ยนแปลงนิสัยการกินแซลม่อนของชาวญี่ปุ่น จากเดิมที่ไม่นิยมกินดิบ จะทำเป็นแซลม่อนคิริมิ คือหั่นชิ้นใหญ่ไว้ย่าง เพราะคนญี่ปุ่นเชื่อว่า แปซิฟิคแซลม่อนดิบอาจมีพาราไซต์และลักษณะของเนื้อไม่เหมาะจะทำซูชิ
ตอนที่นอร์เวย์เข้าไปทำโปรเจคท์ ไม่มีใครยอมลองแซลม่อนดิบ ปลาที่นิยมใช้เป็นหน้าซูชิและทำซาชิมิคือทูน่ากับซีบรีม ฝ่ายนอร์เวย์ต้องใช้เวลาถึง 15 ปีกว่าญี่ปุ่นจะยอมรับแซลม่อนดิบและวางลงบนข้าวปั้น
รัฐบาลนอร์เวย์ใช้งบประมาณในการทำโปรเจคท์ 30 ล้านโครเนอร์นอร์เวย์ ส่งเสริมการขายไปยังผู้นำเข้า ผู้จัดจำหน่าย ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้า ภัตตาคาร และแคมเปญเดี่ยวอื่นๆ โดยเริ่มจากส่งแซลม่อนเข้าไปในโรงแรมและร้านอาหารชั้นนำ ด้วยระบบเคาะประตู รวมทั้งเสิร์ฟแซลม่อนให้แขกในสถานทูตด้วย หลังจากโปรเจคนี้ประสบความสำเร็จ ยอดส่งออกอาหารทะเลจากนอร์เวย์ไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นถึง 250%
นอกจากจะแนะนำให้คนญี่ปุ่นกินแอตแลนติกแซลม่อนดิบ โปรเจค แจแปน ยังทำให้แซลม่อนซูชิเป็นที่นิยมในจีน, ฮ่องกง,สิงคโปร์ และทั่วโลก
STORY BY ซัมเมอร์