ดำน้ำสบตาฉลามวาฬ....ยักษ์ใหญ่ใจดีที่ Oslob เกาะเซบู
มาหมู่บ้าน Oslob ฤดูไหน หรือวันใด ก็จะได้ว่ายน้ำกับปลาฉลามวาฬอย่างแน่นอน ไม่ต้องรอลุ้น
ผู้โดยสารหลากสัญชาติที่เข้าแถวรอเช็คอินหน้าเคาน์เตอร์สายการบินฟิลิปปิน แอร์ไลนส์ในตอนดึกคืนวันนั้นช่างแตกต่างจากสายการบินอื่น ๆ อย่างเห็นได้ชัด แต่ละคนมาในชุดเสื้อยืดสบาย ๆ ใส่กับกางเกงเซิร์ฟแนวบีชบอย ทุกคนล้วนขนอุปกรณ์ดำน้ำที่บรรจุมาในกระเป๋าใบใหญ่ ต่างพากันเล่าสู่กันฟังว่าจุดหมายปลายทางของการดำน้ำในทริปนี้ของเขาและเธอคือที่ไหนในประเทศฟิลิปปินส์
ผมได้แต่แอบยืนฟังคนอื่นคุยกันด้วยความหวังว่าอาจจะมีใครสักคนที่เลือกเดินทางสู่ที่หมายเดียวกับผม....นั่นคือเกาะเซบู ประเทศฟิลิปปินส์
ในวันเกิดปีนี้ ผมอยากให้ของขวัญที่พิเศษกับตัวเอง ของขวัญที่ผมจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต ของขวัญที่เป็น “ประสบการณ์” ไม่ใช่สิ่งของ

และในที่สุด ผมก็เลือกที่จะไปดำน้ำกับปลาฉลามวาฬที่หมู่บ้านออสล็อบ หมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ซึ่งอยู่ห่างเมืองเซบูไปประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อคิดเพียงแค่นี้แล้วผมก็ตื่นเต้นสุด ๆ เลยล่ะครับ....ตื่นเต้นที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ อย่างผมจะหาญกล้าไปสบตากับปลาใหญ่ยักษ์อย่างฉลามวาฬถึงในท้องทะเล
เครื่องบินทะยานออกจากสนามบินสุวรรณภูมิหลังเที่ยงคืนเล็กน้อย เมื่ออาหารค่ำสิ้นสุดลง ความบันเทิงเดียวที่มีอยู่ก็คือหนังสือรวบรวมภาพและเรื่องราวของสัตว์น้ำหลากชนิดใต้ท้องทะเลอันเป็นผลงานของ Marine Biologist และช่างภาพใต้น้ำชื่อดังระดับโลกนามว่า “โยชิ ฮิระตะ” (Yoshi Hirata) ผู้เป็นเจ้าของรีสอร์ตดำน้ำชื่อว่าคลับ ปาราอิโซ (Club Paraiso) ที่ผมกำลังจะเดินทางไปพำนักและหาประสบการณ์ดำน้ำที่นั่น
อีก 3 ชั่วโมงกว่า ๆ ต่อมาเครื่องบินก็ร่อนลงสู่สนามบินนินอย อากีโน่ ที่กรุงมะนิลาตอนเช้าตรู่ ผมแวะเปลี่ยนเครื่องและบินต่อไปอีกเพียง 1 ชั่วโมงก็ถึงเซบูโดยสวัสดิภาพ
คลับ ปาราอิโซ เป็นรีสอร์ตสำหรับนักดำน้ำที่สวยสงบ ภายในรีสอร์ตประกอบไปด้วยบ้านพักสีเหลืองจำนวน 10 กว่าหลังที่มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแนวสแปนิชโคโลเนี่ยลที่ตั้งเรียงรายล้อมรอบสวนที่จัดแบบญี่ปุ่นแต่เลือกประดับด้วยต้นไม้และดอกไม้เมืองร้อนท้องถิ่นของประเทศฟิลิปปินส์ ผมถึงกับหลงรักที่นี่ตั้งแต่นาทีแรกที่สัมผัส สมแล้วที่ชื่อว่า “ปาริอิโซ” เพราะคำว่า Paraiso นี้เป็นภาษาสเปนที่แปลว่า “สรวงสวรรค์” นั่นเอง
โยชิ ฮิระตะ รอต้อนรับผมอยู่ที่รีสอร์ตด้วยรอยยิ้มอบอุ่นเหมือนคุณลุงใจดี ก่อนหน้านี้ผมส่งอีเมลหาโยชิอยู่หลายฉบับพร้อมคำถามมากมาย และขณะนี้ ถึงเวลาแล้วที่เราจะได้เจอะเจอและถกกันจริง ๆ จัง ๆ เสียที
เมื่อผมตัดสินใจว่าจะหาประสบการณ์การดำน้ำกับปลาฉลามวาฬนั้น ขณะที่ลองสืบค้นข้อมูลด้วย Google ชื่อ “Oslob” เป็นชื่อที่โดดเด้งขึ้นมามากมายทันที เพราะที่หมู่บ้านนี้ใครมาเมื่อไหร่ ฤดูไหน หรือวันใด ก็จะได้ว่ายน้ำกับปลาฉลามวาฬอย่างแน่นอน ไม่ต้องบนบานสานกล่าวไม่ต้องลุ้นไม่ต้องรอแบบการดำน้ำดูปลาฉลามวาฬเช่นที่อื่น ๆ เพราะที่นี่มีการ “ป้อนอาหารปลาฉลามวาฬ” (Whale Shark Feeding) ครับ
และนั่นเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดการโต้เถียงกันมากมาย......
สำหรับผมนั้น ต่อให้ผมอยากดำน้ำกับปลาฉลามวาฬมากแค่ไหน แต่ผมก็ไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่สนับสนุนการกระทำใด ๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสัตว์ทะเลที่มีค่าเช่นนี้ สิ่งที่ผมกังวลมากที่สุดคือการกระทำเช่นนี้อาจเป็นการทำลายสัญชาตญาณในการหาอาหารตามธรรมชาติของมันหรือไม่
“เรื่องนี้ตอบเลยว่าไม่” โยชิยืนยันอย่างหนักแน่น “เพราะปริมาณอาหารที่ฉลามวาฬกินจากการป้อนนั้นไม่ถึง 5 % ของปริมาณที่พวกมันกินในแต่ละวัน ดังนั้นอีก 95 % ที่เหลือ พวกมันต้องออกไปหากินเองตามธรรมชาติ แล้วที่สำคัญ.... ชาวบ้านไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยวฉลามวาฬเอาไว้ มันว่ายมาและว่ายไปตามธรรมชาติของมัน”
แล้วการป้อนอาหารฉลามวาฬเกิดขึ้นมาได้อย่างไร นั่นคือคำถามที่สองที่ผมรอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
“ชาวประมงในออสล็อบมีวิธีทำการประมงที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ โดยที่ตอนกลางคืนชาวบ้านจะเอากระชอนช้อนพวกเคย ลูกกุ้ง ลูกปู หรือแพลงก์ตอนที่ลอยมาตามกระแสน้ำทะเล เพื่อเก็บไว้ในชะลอมไม้ไผ่ พอตอนเช้าตรู่ก็จะนำพวกสัตว์ทะเลตัวจิ๋วเหล่านี้บรรจุลงถุงตาข่าย แล้วเอาไปใช้เป็นเหยื่อล่อปลาทะเล โดยชาวบ้านจะนำถุงตาข่ายนี้วางไว้ในกับดักใต้ทะเลเพื่อล่อปลาให้เข้ามา เมื่อปลาว่ายเข้ามากินเหยื่อในกับดัก ชาวประมงที่นั่งสังเกตการณ์อยู่บนเรือก็จะรูดเชือกปิดฝากับดักและรีบยกขึ้นจากน้ำก่อนที่ปลาจะหนีไปได้... เมื่อนำกับดักขึ้นเรือและนำปลาออกมาแล้วก็จะใส่ถุงตาข่ายที่บรรจุพวกแพลงก์ตอนเหล่านี้ลงไปอีกครั้ง แล้วจึงหย่อนกลับลงไปในทะเลเพื่อล่อปลาต่อไปอีก....
“ปลาฉลามวาฬนั้นเป็นสัตว์กรองกินโดยธรรมชาติ และอาหารหลักของมันก็คือพวกแพลงก์ตอนและพวกสัตว์ทะเลตัวจิ๋ว ๆ เหล่านี้เช่นกัน เมื่อฉลามวาฬออกหาอาหาร สัญชาตญาณก็จะนำพวกมันให้ว่ายเข้าหาแหล่งอาหาร มันก็เลยว่ายเข้าฝั่งมาตามกินเพลงก์ตอนที่บรรจุอยู่ในถุงตาข่ายเหล่านี้ด้วย ไป ๆ มา ๆ ก็เลยกลายเป็นว่ามันก็พากันมาทุกวัน ๆ เมื่อชาวบ้านสังเกตเห็น จึงคิดนำแพลงก์ตอนมาปล่อยเพื่อล่อฉลามวาฬให้เข้ามาจนกลายเป็นแหล่งดำน้ำดูฉลามวาฬ....
“เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการศึกษาวิจัยและอนุรักษ์ปลาฉลามวาฬอย่างจริงจังในฟิลิปปินส์ เมื่อก่อนการเห็นฉลามวาฬสักตัวเป็นเรื่องยาก แต่ที่นี่...เราสามารถพบเห็นได้ทุกวันจนเราสามารถติดสัญญาณเพื่อตรวจสอบเส้นทางการเดินทาง การใช้ชีวิต การสืบพันธุ์ ตลอดพฤติกรรมอื่น ๆ ของพวกมัน ที่สำคัญชาวบ้านตระหนักแล้วว่านี่คือขุมทรัพย์ที่ได้รับจากการท่องเที่ยว ทุกวันนี้ชาวประมงในออสล็อบเลิกล่า เลิกทำร้าย และหันมาร่วมกันดูแลฉลามวาฬเป็นอย่างดี”
โยชิสรุปสั้น ๆ ว่า นืคือความสัมพันธ์แบบพิเศษระหว่างมนุษย์และฉลามวาฬที่หาจากที่ไหนไม่ได้แล้วบนโลก
เมื่อฟังคำอธิบายแล้วผมก็สบายใจ และคิดว่าทำไมผมจะไม่ไปลองดูความสัมพันธ์ของคนกับเจ้ายักษ์ใหญ่ใจดีเหล่านี้ให้เห็นด้วยตาตัวเอง
รุ่งขึ้น ผมและเพื่อนนักดำน้ำอีกจำนวนหนึ่งออกเดินทางมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านออสล็อบตั้งแต่ตี 4 และในเวลา 6 โมงกว่า ๆ เราก็ถึงที่นั่นพร้อมกับจำนวนนักดำน้ำที่ทะยอยเดินทางกันมา
การดำน้ำกับปลาฉลามวาฬมีกฏเกณฑ์การควบคุมอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันไม่ให้เราไปรบกวนพวกเขามากจนเกินไป นับตั้งแต่การจำกัดจำนวนนักดำน้ำไม่ให้เกิน 200 คนต่อวัน จำกัดเวลาการดำน้ำต่อรอบไม่เกิน 60 นาที และจำกัดเวลาให้ดำน้ำชมได้แค่ช่วง 7.00 – 11.00 น.
ก่อนลงทะเลนั้น นักดำน้ำทุกคนจะต้องได้รับการอบรมให้ทราบกฏกติกามารยาทที่สำคัญ นั่นคือ ห้ามแตะต้องตัวฉลามวาฬโดยเด็ดขาด ใครมือบอนจะโดนปรับทันทีอย่างต่ำ 2,500 เปโซ ห้ามเคาะถังออกซิเจนหรือทำเสียงใด ๆ ก็ตามใต้น้ำ นักดำน้ำจะสื่อสารกันได้ก็ด้วยสัญญาณมือเท่านั้น พวกครีมกันแดดนั้นต้องใช้แต่แบบสูญสลายได้เองตามธรรมชาติ (Biodegradable) และจะต้องรักษาระยะห่างจากฉลามวาฬไม่ต่ำกว่า 5 – 6 เมตร ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของนักดำน้ำเอง
อย่าลืมนะครับว่าฉลามวาฬเป็นสัตว์ที่ตัวใหญ่มาก ตัวโตเต็มที่อาจยาวได้เป็นสิบ ๆ เมตร หากเราโดนเพียงปลายหางสะบัด เราก็อาจจะมีอาการมึนตึ้บได้ง่าย ๆ
และแล้วก็ถึงเวลาการดำน้ำครั้งสำคัญ น้ำทะเลสีฟ้าสวยช่วยพยุงตัวผมพร้อมกับถังออกซิเจนออกสู่ทะเลลึก โลกใต้น้ำที่ออสล็อบช่างสงบและสวยงาม สาหร่ายหลากพันธุ์เต้นไหวไปมาตามแรงกระเพื่อมของน้ำ ปลาเล็กปลาน้อยหลากพันธุ์โผล่หน้าจากหมู่ปะการังมาเพื่อทักทาย ผมว่ายน้ำตาม Dive Master ออกไปเรื่อย ๆ ได้ยินเสียงหายใจผ่าน Regulator เป็นจังหวะสม่ำเสมอ...
ทันใดนั้น ผมก็เห็นปลาฉลามวาฬตัวใหญ่ 3 – 4 ตัวว่ายวนอยู่เบื้องหน้า โอ้โห..... อะไรมันใหญ่โตได้ขนาดนี้ ผมกะด้วยสายตาว่าแต่ละตัวขนาดความยาวคงไม่ต่ำกว่า 8 – 10 เมตร พวกมันพากันว่ายตามเรือที่ชาวบ้านกำลังโปรยอาหารลงมา มองเห็นร่องเหงือกเป็นริ้วเพยิบอยู่ไหว ๆ ปากอันทรงพลังกำลังอ้ากว้างเพื่อดูดน้ำเข้าไปและกรองกินแพลงก์ตอนสุดโปรด นักดำน้ำจำนวนหนึ่งนอนอยู่บนพื้นทรายเพื่อชื่นชมเจ้าปลายักษ์เหล่านี้ ส่วนผมนั้นว่ายตามดูเขาอย่างสนุกสนาน
ลายจุดสีขาวที่ตัดกับหนังสีน้ำเงินอมเทาบนตัวพวกมันช่างสวยงาม ลีลาว่ายน้ำที่อ่อนช้อยนั้นทรงพลังเอามาก ๆ แค่สะบัดหางเพียงเบา ๆ ก็สามารถพาตัวเองให้เคลื่อนไปได้ระยะไกล ที่สำคัญปลาฉลามวาฬเป็นปลาขี้เล่นและชอบมากที่จะมาว่ายน้ำเหนือพวกนักดำน้ำอย่างเรา คาดว่าเป็นเพราะติดใจฟองอากาศที่พวยพุ่งออกมามากมาย ฟองอากาศเย็น ๆ เหล่านี้คงไปจีกจี๋พุงน้องฉลามวาฬเป็นแน่

วันนั้นผมว่ายเล่นกับปลาฉลามวาฬไปถึง 8 ตัวอย่างสนุกสนาน เวลา 1 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ผมคิดว่าผมได้รับของขวัญวันเกิดที่พิเศษที่สุดจากประสบการณ์ในวันนี้
เวลาที่เหลืออีก 4 วันในเซบู ผมเลือกดำน้ำตามเกาะแก่งต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน โลกใต้น้ำที่ฟิลิปปินส์ยังบริสุทธิ์สดสวย เต็มไปด้วยฝูงปลาและปะการังหลากสีสัน..... มิน่า...ใคร ๆ ก็อยากมาดำน้ำกันที่นี่
ผมแอบคิดไว้แล้วว่าจะต้องหาโอกาสกลับมา “ซ้ำ” อีกสักครั้ง....
- การเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ สายการบินที่สะดวกที่สุดคือสายการบินฟิลิปิน แอร์ไลนส์ (Philippine Airlines) มีเที่ยวบินจากกรุงเทพ ฯ สู่มะนิลาทุกวัน และจากมะนิลาก็สามารถเดินทางสู่เมืองอื่น ๆ ในประเทศฟิลิปปินส์ได้ง่าย ๆ ดูรายละเอียดเที่ยวบิน คลิก
- รีสอร์ตดำน้ำมีมากมายในเมืองเซบู แต่ไม่ใช่ว่าทุกรีสอร์ตจะสามารถพาไปดำน้ำกับฉลามวาฬได้ ลองคลิกติดต่อ Club Paraiso ที่นี่ ซึ่งเป็นรีสอร์ตของโยชิ ฮิระตะ Marine Biologist และช่างภาพใต้น้ำผู้ที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับฉลามวาฬและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ โยชิยังมีความสามารถในการปรุงอาหารและจะเป็นผู้ปรุงอาหารค่ำด้วยวัตถุดิบสด ๆ ให้กับแขกของเขาทุกวันเสมอ
- ค่าดำน้ำชมปลาฉลามวาฬประมาณ 200 ดอลล่าร์สหรัฐ (รวมทุกอย่างตั้งแต่เดินทางไปและกลับจากคลับ ปาราอิโซด้วยรถตู้แอร์อย่างดีสู่ออสล็อบ อุปกรณ์ดำน้ำ Dive Master ที่จะดำนำไปชมและคอยดูแลตลอดเวลาดำ และการดำ 2 Dive โดยแบ่งเป็น Dive ละ 60 นาที รวม 120 นาที (ระหว่าง Dive ต้องขึ้นมาพักบนบกประมาณครึ่งถึง 1 ชั่วโมง หากต้องการดำ Dive เดียวก็สามารถทำได้ ต้องลองสอบถามราคากับทางรีสอร์ต)
- ค่าที่พักที่คลับ ปาราอิโซตกคืนละ 80 - 100 เหรียญสหรัฐ รวมอาหารเย็น 1 มื้อ (ไม่รวมอาหารเช้า) ควรสอบถามราคาล่าสุดจาก web site ที่ให้ไปด้านบนอีกครั้งก่อนออกเดินทาง
- สามารถลองชมประสบการณ์การดำน้ำกับปลาฉลามวาฬได้จากรายการมหัศจรรย์พันธุ์ลึกผ่านทาง Youtube ช่อง TPBS เพื่อสร้างความเข้าใจและเตรียมตัวกับประสบการณ์ดำน้ำครั้งสำคัญเมื่อดูแล้วเชื่อว่าจะใจเต้น อยากไปลองดูสักครั้ง
STORY BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์
PHOTO BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์ and Yoshi Hirata