HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ล่องใต้ ไหว้พระขันธกุมาร ที่ศรีลังกา
by saiaway
26 พ.ค. 2561, 22:42
  2,797 views

เที่ยวเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกา ตามไปไหว้พระขันธกุมาร และชมมหาเจดีย์สุดงาม

          ถ้าพูดถึงชื่อเมือง  Kataragama หลายคนอาจไม่คุ้นนัก ฟังจากชื่อบางคนอาจเดาว่าเป็นเมืองญี่ปุ่นไปก็ได้ แต่จริงๆแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของประเทศศรีลังกาต่างหาก  Kataragama  คือเมืองกฎรคาม อ่านว่า กัตรคาม หรือแบบบาลีว่า ขัตตุคาม เริ่มคุ้นกันขึ้นมาแล้วไหม  ... ฟังดูคล้ายๆ จตุรคาม ประมาณนั้น

         วัดกฏรคามนี้เคารพบูชาพระสกันท์ Skanda หรือเรียกตามภาษาทมิฬว่า มุรุกัณ Murukan หรือที่เรารู้จักกันในนามพระขันธกุมาร  พระขันธกุมารนี้เองทรงเป็นโอรสของพระศิวะและพระอุมาเทวี  แถมยังเป็นน้องของพระพิฆเนศวร์เสียด้วย

ทางเข้าเทวสถานพระขันธกุมารเมืองกฏรคาม         https://commons.wikimedia.org/w/index.php?curid=27802615                                                    

        ในตำนานเก่าแก่นั้นเชื่อว่าพระขันธกุมารนี้เป็นเทพเจ้าแห่งการสงครามและความสุขสงบ ขนานนามว่า God of War and Peace  ฟังดูขัดแย้งกันใช่ย่อย แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ตำนานเล่าไว้ก็ฟังดูมีเหตุมีผลไม่น้อย  เขาเล่ามาว่าพระขันธกุมารนี้เกิดมาเพื่อปราบอสูรร้ายตารกา  (ซึ่งก็ตรงกับ ตรีบุรำในเรื่องรามเกียรติ์ของไทย)

         ที่มาก็คือมีอยู่อสูรตนหนึ่งชื่อว่า ตารกา นั่งบำเพ็ญภาวนาจนกระทั่งได้ขอพรจากพระพรหม  ตารกาแกมโกงก็เลยขอพรว่า  อย่าได้พ่ายแพ้หรือถูกสังหารจากผู้ใดในสามโลกเลย ยกเว้นเสียแต่ผู้เป็นโอรสของพระศิวะเท่านั้น  เพราะตารกาในขณะนั้นเชื่อว่า ภายหลังจากที่พระนางสตีได้เผาตัวตายทำให้พระศิวะอาลัยยิ่งนัก เอาแต่นั่งบำเพ็ญตบะ จึงคงไม่สามารถมีบุตรได้อีก  แต่เมื่อมีพระขันธกุมารถือกำเนิดแล้ว อสูรตารกาทราบเข้าก็ออกตามหาหวังจะสังหาร

        อันที่จริงตำนานนี้สนุกมาก อสูรตารกาสร้างความเดือนร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้กระทั่งพระอินทร์ พระอินทร์จึงบินไปฟ้องพระพรหม พระพรหมจำได้ถึงพรที่ตนให้ไว้แต่ตารกา เลยต้องแก้ไขโดยให้กามเทพไปแผลงบุษปศรให้พระศิวะหลงใหลนางปารวตี (ซึ่งในตำนานบอกว่าเป็นพระนางสตีกลับชาติมาเกิด)  เรื่องเล่านี้มีอีกยาว เช่นพระศิวะยังไม่พร้อมมีลูก พระอัคนีจึงต้องนำน้ำเชื้อบินข้ามแม่น้ำคงคา  เผลออ้าปาก น้ำเชื้อนั้นก็หล่นลงไปผสมพันธุ์กันแม่น้ำคงคา จึงกำเนิดเป็นกุมารน้อยขันธกุมารขึ้น  เมื่ออายุได้ 12 ปี พระขันธกุมารทรงสงครามกับตารกาสูรและสังหารเจ้าอสูรร้ายได้สำเร็จความสงบสุขจึงกลับมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง

ช้างคือนางเอกของงานประจำปีของเทวสถานกฏรคาม แต่งกายด้วยชุดราตรีวาววับ

        ในช่วงเดือนกรกฏาคม วัดกฎรคามจะมีงานเทศกาลใหญ่เพื่อบูชาพระขันธกุมาร ซึ่งก็จะมีผู้คนแห่แหนจะมากันอย่างเนืองแน่นจากทั่วประเทศ  เรียกว่างาน Esala Perehera 

        อันที่จริง เมืองกฎรคาม นี้เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวศรีลังกาทั้งพุทธและฮินดูนิยมเดินทางมาแสวงบุญ  บางกลุ่มคนที่ศรัทธานั้นมีการเดินแสวงบุญกันทุกปี ที่เรียกว่า Pada Yatra โดยตั้งต้นเดินกันจากเมืองจัฟน่าที่อยู่ตอนเหนือสุดของประเทศทีเดียว  ใช้เวลาเดินกันแรมเดือนกว่าจะมาถึงเมืองกฎรคามแห่งนี้

        ทุกๆ ปีที่ในงาน Esela Perehera มีทั้งขบวนแห่ที่สวยงามอลังการ แม้แต่ช้างยังก็จัดแต่งตัวกันไม่แพ้มนุษย์ทีเดียว     ขอบอกว่างานนี้คนแน่นมากถึงมากที่สุด ทางเดินเข้างานนี้เบียดเสียดแทรกไหล่คนแขกกันแบบไม่มีเกรงใจ ขบวนแห่นั้นยาวนานพอควร ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้าไปยังตัวอุโบสถกัน

ศรีลังกา
เด็กน้อยชาวสิงหลแต่งตัวจัดเต็มพร้อมติดหนวดเคราชุดใหญ่สร้างความสนุกสนานในขบวนพาเหรด

       ดูๆไป พุทธศาสนาและฮินดูเป็นอะไรที่แยกกันไม่ออกเลย โดยเฉพาะที่ประเทศศรีลังกาแห่งนี้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นวัดพุทธ แต่พิธีกรรมมากมายก็มีความเป็นวัฒนธรรมประเพณีแบบฮินดูมาผสมผสาน ชาวฮินดูถวายสิ่งของและขอพรและการปกปักคุ้มครองจากองค์พระขันธกุมารในสถานะของพระเจ้า  ชาวพุทธเองก็มาทำการบูชาพระโดยนำผลไม้ใส่ถาดมาวางไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดและภายในอุโบสถเช่นกัน

        งานเทศกาลใหญ่อย่างนี้เขาจัดกันยาวนานเกือบ  20 วันเลยทีเดียว สำหรับปีนี้ จะมีงานตั้งแต่วันที่ 13 -28 กรกฏาคม 2561 ขบวนแห่ก็จะมีในวันก่อนสุดท้าย ในปีนี้จะตรงกับกันที่ 24 ก.ค. เด็กแขกติดหนวดเครามาเต้นกันในขบวนแห่น่ารักดีไม่หยอก

ศรีลังกา
พิธีกรรมข้ามน้ำ ในบริเวณเทวสถาน จะมีขึ้นวันสุดท้ายของงานประจำปี ปีนี้จะตรงกับวันที่ 28 กรกฏาคม 2561

      งานวันสุดท้ายจะจบลงด้วยพิธีกรรมข้ามน้ำ (water-cutting ceremony) ในวันพระจันทร์เต็มดวงขึ้น 15 ค่ำ   ผู้คนที่จะมาร่วมพิธีนี้จะแต่งชุดขาว เดินเร็วๆ แบบจ้ำๆ ข้ามน้ำตื้นๆ แค่ข้อเท้ามาอีกฝั่งหนึ่งของบริเวณวัด จากนั้นถึงจะเข้าไปบูชาพระขันธกุมารในอุโบสถกัน

       

ศรีลังกา
มหาเจดีย์คีรีเวเหรา ทรงระฆังคว่ำ ขาวนวลสะอาดตา 

        ไม่ไกลจากวัดกฎรคามนี้เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์คีรี เวเหรา (Kiri Vehera) ที่เชื่อว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 และเป็นสถานที่หนึ่งในสิบหกแห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเผยแพร่พุทธศาสนาในศรีลังกา  

        มหาเจดีย์นี้มีรูปทรงระฆังคว่ำทาสีขาวแลดูสะอาดตา และมีผ้าสีแดงพันอยู่รอบฐานเจดีย์ แถมยังตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาหินที่เราต้องค่อยๆ ไต่บันไดปูนกันขึ้นไปพร้อมกับฝูงชนที่ล้วนแต่นุ่งขาวห่มขาวกันทั้งสิ้น ตัวเจดีย์มีความสูง 95 ฟุต ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญว่าจะติดอันดับอะไรหรอก หากแต่มีความงดงามลงตัว ล้ำค่าน่าเลื่อมใสศรัทธา  


       เทวสถานของพระสกันท์ที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา อากาศแจ่มใสในวันที่เดินทางไปถึง เห็นพระเจดีย์ขาวสะอาดตัดกับท้องฟ้าที่ฟ้าสดใส ที่ไม่มีแม้แต่เมฆขาวก้อนเล็กๆลอยผ่านมา  รูปทรงและยอดเจดีย์แหลมของที่นี่ดูๆไปก็คล้ายๆกับพระบรมธาตุเจดีย์ที่นครศรีธรรมราชอยู่ไม่น้อย

        ชาวศรีลังกาเชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานที่แห่งนี้เมื่อครั้งที่เดินทางมาศรีลังกาเป็นครั้งที่สามเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา  และในเวลาต่อมาเจดีย์แห่งนี้จึงได้ถูกบัญชาให้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 โดยมหาราชินีสุภัทราของกษัตริย์นามว่าพระกรมาภาหุ นับมาจนบัดนี้ พระเจดีย์คีรี เวเหราก็ตั้งอยู่คู่กับเมืองกฎรคามมาเป็นเวลาถึง 900 ปีแล้ว

        รายรอบพระเจดีย์ใหญ่ก็ยังมีเจดีย์ขนาดเล็กรายรอบอยู่ไม่น้อยโดยบรรจุร่างของพระสงฆ์ในพุทธศาสนาและบุคคลสำคัญในสายกษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน ว่ากันว่าเจดีย์ใหญ่น้อยเหล่านี้ก็ถูกพวกที่ขอบขุดหาสมบัติตามโบราณสถานเข้ามาทำการขโมยของล้ำค่าไปไม่น้อยเหมือนกัน  ฟังๆ ไปก็ไม่ต่างกับการขโมยขุดกรุเก่าตามวัดที่อยุธยากันนักหรอก

STORY BY Saiaway

ABOUT THE AUTHOR
saiaway

saiaway

เคยเป็นบก.ท่องเที่ยว และยังคงทำงานด้านการสื่อสารกับผู้คน ชอบเดินบนภูเขา ไปห้องสมุด ฝันอยากเป็นโยคี

ALL POSTS