ล่องใต้ ไหว้พระขันธกุมาร ที่ศรีลังกา
เที่ยวเมืองศักดิ์สิทธิ์ของศรีลังกา ตามไปไหว้พระขันธกุมาร และชมมหาเจดีย์สุดงาม
ถ้าพูดถึงชื่อเมือง Kataragama หลายคนอาจไม่คุ้นนัก ฟังจากชื่อบางคนอาจเดาว่าเป็นเมืองญี่ปุ่นไปก็ได้ แต่จริงๆแล้ว ที่นี่เป็นหนึ่งในเมืองศักดิ์สิทธิ์ของประเทศศรีลังกาต่างหาก Kataragama คือเมืองกฎรคาม อ่านว่า กัตรคาม หรือแบบบาลีว่า ขัตตุคาม เริ่มคุ้นกันขึ้นมาแล้วไหม ... ฟังดูคล้ายๆ จตุรคาม ประมาณนั้น
วัดกฏรคามนี้เคารพบูชาพระสกันท์ Skanda หรือเรียกตามภาษาทมิฬว่า มุรุกัณ Murukan หรือที่เรารู้จักกันในนามพระขันธกุมาร พระขันธกุมารนี้เองทรงเป็นโอรสของพระศิวะและพระอุมาเทวี แถมยังเป็นน้องของพระพิฆเนศวร์เสียด้วย
ในตำนานเก่าแก่นั้นเชื่อว่าพระขันธกุมารนี้เป็นเทพเจ้าแห่งการสงครามและความสุขสงบ ขนานนามว่า God of War and Peace ฟังดูขัดแย้งกันใช่ย่อย แต่จริงๆแล้วสิ่งที่ตำนานเล่าไว้ก็ฟังดูมีเหตุมีผลไม่น้อย เขาเล่ามาว่าพระขันธกุมารนี้เกิดมาเพื่อปราบอสูรร้ายตารกา (ซึ่งก็ตรงกับ ตรีบุรำในเรื่องรามเกียรติ์ของไทย)
ที่มาก็คือมีอยู่อสูรตนหนึ่งชื่อว่า ตารกา นั่งบำเพ็ญภาวนาจนกระทั่งได้ขอพรจากพระพรหม ตารกาแกมโกงก็เลยขอพรว่า อย่าได้พ่ายแพ้หรือถูกสังหารจากผู้ใดในสามโลกเลย ยกเว้นเสียแต่ผู้เป็นโอรสของพระศิวะเท่านั้น เพราะตารกาในขณะนั้นเชื่อว่า ภายหลังจากที่พระนางสตีได้เผาตัวตายทำให้พระศิวะอาลัยยิ่งนัก เอาแต่นั่งบำเพ็ญตบะ จึงคงไม่สามารถมีบุตรได้อีก แต่เมื่อมีพระขันธกุมารถือกำเนิดแล้ว อสูรตารกาทราบเข้าก็ออกตามหาหวังจะสังหาร
อันที่จริงตำนานนี้สนุกมาก อสูรตารกาสร้างความเดือนร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง ไม่เว้นแม้กระทั่งพระอินทร์ พระอินทร์จึงบินไปฟ้องพระพรหม พระพรหมจำได้ถึงพรที่ตนให้ไว้แต่ตารกา เลยต้องแก้ไขโดยให้กามเทพไปแผลงบุษปศรให้พระศิวะหลงใหลนางปารวตี (ซึ่งในตำนานบอกว่าเป็นพระนางสตีกลับชาติมาเกิด) เรื่องเล่านี้มีอีกยาว เช่นพระศิวะยังไม่พร้อมมีลูก พระอัคนีจึงต้องนำน้ำเชื้อบินข้ามแม่น้ำคงคา เผลออ้าปาก น้ำเชื้อนั้นก็หล่นลงไปผสมพันธุ์กันแม่น้ำคงคา จึงกำเนิดเป็นกุมารน้อยขันธกุมารขึ้น เมื่ออายุได้ 12 ปี พระขันธกุมารทรงสงครามกับตารกาสูรและสังหารเจ้าอสูรร้ายได้สำเร็จความสงบสุขจึงกลับมาสู่โลกอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงเดือนกรกฏาคม วัดกฎรคามจะมีงานเทศกาลใหญ่เพื่อบูชาพระขันธกุมาร ซึ่งก็จะมีผู้คนแห่แหนจะมากันอย่างเนืองแน่นจากทั่วประเทศ เรียกว่างาน Esala Perehera
อันที่จริง เมืองกฎรคาม นี้เป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวศรีลังกาทั้งพุทธและฮินดูนิยมเดินทางมาแสวงบุญ บางกลุ่มคนที่ศรัทธานั้นมีการเดินแสวงบุญกันทุกปี ที่เรียกว่า Pada Yatra โดยตั้งต้นเดินกันจากเมืองจัฟน่าที่อยู่ตอนเหนือสุดของประเทศทีเดียว ใช้เวลาเดินกันแรมเดือนกว่าจะมาถึงเมืองกฎรคามแห่งนี้
ทุกๆ ปีที่ในงาน Esela Perehera มีทั้งขบวนแห่ที่สวยงามอลังการ แม้แต่ช้างยังก็จัดแต่งตัวกันไม่แพ้มนุษย์ทีเดียว ขอบอกว่างานนี้คนแน่นมากถึงมากที่สุด ทางเดินเข้างานนี้เบียดเสียดแทรกไหล่คนแขกกันแบบไม่มีเกรงใจ ขบวนแห่นั้นยาวนานพอควร ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนเข้าไปยังตัวอุโบสถกัน
ดูๆไป พุทธศาสนาและฮินดูเป็นอะไรที่แยกกันไม่ออกเลย โดยเฉพาะที่ประเทศศรีลังกาแห่งนี้ แม้ว่าที่นี่จะเป็นวัดพุทธ แต่พิธีกรรมมากมายก็มีความเป็นวัฒนธรรมประเพณีแบบฮินดูมาผสมผสาน ชาวฮินดูถวายสิ่งของและขอพรและการปกปักคุ้มครองจากองค์พระขันธกุมารในสถานะของพระเจ้า ชาวพุทธเองก็มาทำการบูชาพระโดยนำผลไม้ใส่ถาดมาวางไว้ที่ใต้ต้นโพธิ์ใหญ่ในวัดและภายในอุโบสถเช่นกัน
งานเทศกาลใหญ่อย่างนี้เขาจัดกันยาวนานเกือบ 20 วันเลยทีเดียว สำหรับปีนี้ จะมีงานตั้งแต่วันที่ 13 -28 กรกฏาคม 2561 ขบวนแห่ก็จะมีในวันก่อนสุดท้าย ในปีนี้จะตรงกับกันที่ 24 ก.ค. เด็กแขกติดหนวดเครามาเต้นกันในขบวนแห่น่ารักดีไม่หยอก
งานวันสุดท้ายจะจบลงด้วยพิธีกรรมข้ามน้ำ (water-cutting ceremony) ในวันพระจันทร์เต็มดวงขึ้น 15 ค่ำ ผู้คนที่จะมาร่วมพิธีนี้จะแต่งชุดขาว เดินเร็วๆ แบบจ้ำๆ ข้ามน้ำตื้นๆ แค่ข้อเท้ามาอีกฝั่งหนึ่งของบริเวณวัด จากนั้นถึงจะเข้าไปบูชาพระขันธกุมารในอุโบสถกัน
ไม่ไกลจากวัดกฎรคามนี้เป็นที่ตั้งของพระเจดีย์คีรี เวเหรา (Kiri Vehera) ที่เชื่อว่าสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 1 และเป็นสถานที่หนึ่งในสิบหกแห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาเผยแพร่พุทธศาสนาในศรีลังกา
มหาเจดีย์นี้มีรูปทรงระฆังคว่ำทาสีขาวแลดูสะอาดตา และมีผ้าสีแดงพันอยู่รอบฐานเจดีย์ แถมยังตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่บนเนินเขาหินที่เราต้องค่อยๆ ไต่บันไดปูนกันขึ้นไปพร้อมกับฝูงชนที่ล้วนแต่นุ่งขาวห่มขาวกันทั้งสิ้น ตัวเจดีย์มีความสูง 95 ฟุต ซึ่งก็ไม่ได้สำคัญว่าจะติดอันดับอะไรหรอก หากแต่มีความงดงามลงตัว ล้ำค่าน่าเลื่อมใสศรัทธา
เทวสถานของพระสกันท์ที่เก่าแก่ที่สุดในศรีลังกา อากาศแจ่มใสในวันที่เดินทางไปถึง เห็นพระเจดีย์ขาวสะอาดตัดกับท้องฟ้าที่ฟ้าสดใส ที่ไม่มีแม้แต่เมฆขาวก้อนเล็กๆลอยผ่านมา รูปทรงและยอดเจดีย์แหลมของที่นี่ดูๆไปก็คล้ายๆกับพระบรมธาตุเจดีย์ที่นครศรีธรรมราชอยู่ไม่น้อย
ชาวศรีลังกาเชื่อกันว่าพระพุทธเจ้าได้เสด็จมายังสถานที่แห่งนี้เมื่อครั้งที่เดินทางมาศรีลังกาเป็นครั้งที่สามเพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนา และในเวลาต่อมาเจดีย์แห่งนี้จึงได้ถูกบัญชาให้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 3 โดยมหาราชินีสุภัทราของกษัตริย์นามว่าพระกรมาภาหุ นับมาจนบัดนี้ พระเจดีย์คีรี เวเหราก็ตั้งอยู่คู่กับเมืองกฎรคามมาเป็นเวลาถึง 900 ปีแล้ว
รายรอบพระเจดีย์ใหญ่ก็ยังมีเจดีย์ขนาดเล็กรายรอบอยู่ไม่น้อยโดยบรรจุร่างของพระสงฆ์ในพุทธศาสนาและบุคคลสำคัญในสายกษัตริย์หลายพระองค์ด้วยกัน ว่ากันว่าเจดีย์ใหญ่น้อยเหล่านี้ก็ถูกพวกที่ขอบขุดหาสมบัติตามโบราณสถานเข้ามาทำการขโมยของล้ำค่าไปไม่น้อยเหมือนกัน ฟังๆ ไปก็ไม่ต่างกับการขโมยขุดกรุเก่าตามวัดที่อยุธยากันนักหรอก
STORY BY Saiaway