HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
สุดยอดเมนูไฟน์ไดนิ่งสไตล์อิตาเลียนที่ La Bottega di Luca
by Manta
7 พ.ค. 2561, 22:36
  1,946 views

ค่ำนี้ถ้ายังไม่มีที่ลง ขอให้โทรไปจองโต๊ะที่ La Bottega di Luca ซอยสุขุมวิท 49 ด่วนๆ แล้วลิ้มรสวัตถุดิบชั้นเยี่ยมจากอิตาลีในเมนูสุดสร้างสรรค์แต่ไม่วิกลจริตพิสดาร

        เห็นว่าคำไฟน์ไดนิ่งอย่าเพิ่งเบะปาก เข้าใจว่าหลายคนที่เคยยอมควักกระเป๋าไปดินเนอร์หรูๆ ร้านดังๆ หลายๆ ร้านมักจะออกจากร้านด้วยความรู้สึกหวามอมขมกลืน ใจนึงก็ชอบประสบการณ์ใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่อีกใจก็ยังงงๆ กับสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไป หลายครั้งเมนูนั้นก็พิสดารพันลึกจนเกิดเป็นความปุเลี่ยนๆ ต้องพึ่งร้านข้าวต้มหรือซุ้มลาบยามดึกกันมานักต่อนักแล้ว แต่สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นที่ La Bottega di Luca เพราะแต่ละเมนูที่สร้างขึ้นมาไม่ได้ต้องการจะโชว์พาวของเชฟแต่ถ่ายเดียว แต่ยังนำเสนอรสชาติ และความพิเศษของเนื้อสัตว์และวัตถุดิบต่างๆ ที่เชฟลูก้าไปเสาะหามาจากเมืองต่างๆ ทั่วอิตาลี นำเสนอในรูปแบบวิจิตรงดงามแต่เข้าใจได้และกินอร่อย

       เชฟลูก้า อัปปิโนเป็นชาวอิตาเลียนที่โลดแล่นในวงการอาหารในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2004 และเปิดร้าน La Bottega di Luca ของตัวเองขึ้นเป็นร้านแรกเมื่อสิบปีมาแล้วที่ซอยสุขุมวิท 49 “la bottega” ในภาษาอิตาเลียนแปลได้ง่ายๆ ว่า “ร้าน” หรืออีกนัยหนึ่งคือ “เวิร์คช้อป” จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านอาหารขนาดกำลังพอเหมาะที่มาพร้อมกับบรรยกาศเป็นกันเองนี้ จะเป็นทั้งร้านขายอาหารและสถานที่ปล่อยของของเชฟ จุดเด่นของร้านนอกจากจะอยู่ที่เทคนิคการปรุงอาหารขั้นเทพและความคิดสร้างสรรค์ของเชฟแล้ว ยังอยู่ที่ความพิเศษของวัตถุดิบต่างๆ ที่เชฟลูก้าเดินทางดั้นด้นไปชิมถึงที่และเสาะหามาปรุงที่ร้านด้วยตัวเอง สร้างความแตกต่างในอีกมิติให้กับอาหารแต่ละจานอย่างที่ร้านอื่นๆ เลียนแบบได้ยาก

Chef Andrea Ortu

        ถึงร้านจะเปิดมาเป็นเข้าปีที่ 10 แล้ว เชฟลูก้าและทีม ที่นำโดยหัวหน้าพ่อครัว อันเดรอา ออร์ตู หนุ่มเมืองใต้จากซาร์ดิเนียประเทศอิตาลี ยังไม่หมดมุข และยังขยันสร้างเมนูใหม่ๆ มากำนัลขาชิมอยู่เสมอ เห็นได้จากเมนูดูกุสเตชันที่เราไปชิมกันมา ที่มีทั้งจานใหม่ที่ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลและเมนูซิกเนเจอร์ที่ของทางร้านแฟนๆ โปรดปราน เช่นปลาหมึกยักษ์อบ เสิร์ฟพร้อมพิวรีถั่ว และชีสสตรัชชิอาเทลลาจากทางใต้ของอิตาลีที่เป็นชีสรสนุ่มเนื้อนุ่มออกไปทางเหลว ส่วนตัวไม่ชอบปลาหมึกยักษ์หรือออกโตปุส เพราะรู้สึกว่ามันไม่มีรสชาติ หลายร้านเอามาอบหรือย่างก็เหนียว เคี้ยวปวดกรามยิ่งกว่าหมึกแห้งรถเข็น แต่จานนี้บอกได้เลยว่าเลิศล้ำมาก หมึกนิ่มแต่ไม่เละ เนื้อแน่นมีรสออกหวาน เข้ากับถั่วที่เอาไปบดจนเนื้อเป็นครีมมันๆ ไม่เหม็นเขียวอย่างที่คาดไว้ เจ้าชีสชื่อเรียกยากนั่นก็ช่วยทอนความทะเลของปลาหมึกให้นัว กระบิดำๆ ที่เห็นคือมะกอกดำ ให้รสเค็มปะแล่มๆ ตัดเลี่ยนได้ดี สมแล้วที่เป็นเมนูเด็ดของร้าน

Roasted octopus, green pea sauce, stracciatella cheese, candied tomatoes

         จานสตาร์เตอร์ที่สองคือหน่อไม้ฝรั่งขาว เสิร์ฟกับซอสฮอลลานเดซ และพริกไทยติมุตจากเนปาล พระเอกของจานคือหน่อไม้ฝรั่งที่เชฟเอาไปต้มแล้วเอาไปนาบกระทะให้ด้านนอกเป็นสีน้ำตาล ทำให้ไม่เหนียว แต่ยังมีความกรุบ แถมได้รสชาติหวานตามธรรมชาติครบ เข้ากับซอสฮอลลันเดซที่ออกเปรี้ยวอย่างประหลาด เป็นจานเบาๆ ที่รสชาติลงตัวมากๆ

White asparagus, hollandaise sauce and timut pepper

        แล้วก็มาถึงพาสต้า ถ้าชอบอาหารทะเลและรสชาติเค็มคาวเรือประมงแตก เชิญชิมพาสต้าโทรฟี เสิร์ฟกับหอยกาบ และบอททาร์ก้า ซึ่งก็คือไข่ปลาที่เอาไปซุกในเกลือแล้วตากแห้ง ที่นี่เชฟอันเดรอาทำเองกับมือด้วยกระบวนการแสนทรมาณกว่า 10 ชั่วโมง ผลที่ได้คือไข่ปลาแช่เกลือที่ทั้งมัน ทั้งเค็มและคาวกำลังดี ฝานบางๆ โรยหน้ามาได้กลิ่นแล้วน้ำลายสอ เข้ากับพาสต้าเส้นอ้วนสั้นอย่างโทรฟีที่เคี้ยวหนึบ คลุกกับซอสขลุกขลิกที่ได้จากน้ำของหอยแล้วหยุดไม่ได้จริงๆ

Trofie with clams, mullet roe bottarga, fresh basil

         อีกเมนูพาสต้าที่อยู่คู่บารมี La Bottega di Luca มานานคือปัปปาร์เดลเลเสิร์ฟกับซอสรากูหมูป่า จุดเด่นคือเส้นพาสต้าเหนียวนุ่มที่ทางร้านทำเอง และซอสเนื้อบดรสเข้ม หอมสมุนไพรเตะจมูก เมนูง่ายๆ ที่ยากจะทำให้อร่อยลืมไม่ลง

Homemade pappardelle with wild boar ragu sauce

         จานหลักเราเลือกเป็นอกเป็ด เสิร์ฟกับฟัวกราส์ ซอสส้มและควอนโทร และซอสหอมใหญ่เคี่ยว เป็ดกับส้มคือส่วนผสมลงตัวที่ใครๆ ก็รู้ว่ามาคู่กันแล้วไม่พลาด แต่ที่หลายๆ จานไปไม่ถึงฝั่งฝันก็เพราะการใช้ผลไม้เปรี้ยวอย่างเบอรีหรือส้มเยอะเกิดไป หรือทำออกมาหวานขาดสติจนหมดรสอาหารคาว เหมือนกินเป็ดทาแยม (!) แต่จานนี้บอกเลยว่ารสชาติสมดุล อกเป็ดปรุงมาสุกนิ่มแต่ไม่แห้ง เข้ากับซอสเนื้อเบาที่หอมส้มบางๆ และมีความหวานปนขมติดลิ้นจากเหล้าลิเคียวควอนโทร ซึ่งความขมในซอสช่วยตัดเลี่ยนได้ดีมาก ยังไม่พอ ยังมีซอสที่ได้จากการผัดหอมใหญ่จนเกรียมอีก ยิ่งหอมไปกันใหญ่ สำหรับคนที่ไม่ชอบกินเป็ดอย่างเรา จบจานนี้บอกเลยถูก convert แล้วเรียบร้อย

Duck breast, foie gras, orange and Cointreau sauce, caramelized onion sauce

        ปิดท้ายด้วยของหวานคือพิสตาชิโอแคร็กเกอร์ เสิร์ฟกับครีมเนมลาคาราสเบอรี และดาร์กช็อคโกแลต เป็นส่วนผสมที่ลงตัวอีกแล้ว ทั้งรสชาติและสัมผัส ได้ทั้งรสมันๆ ของถั่ว ความขมของช็อคโกแลตและความหวานซ่อนเปรี้ยวของราสเบอรี ใครไม่ชอบของหวานที่ไม่หวานจัดน่าจะถูกใจจานนี้

IGP bronte pistacio cracker, 70% dark chocolate, raspberry namelaka and white chocolate powder

        นอกจากเมนูอาหารหลากสไตล์ที่มีเสิร์ฟเป็นเซทและแบบ อะ ลา คาร์ท แล้ว La Bottega di Luca ยังมีไวน์จากอิตาลีให้ดื่มแกล้มมากมายหลายฉลาก ลองถามพนักงานที่ร้านให้ช่วยแนะนำให้ได้ La Bottega di Luca ตั้งอยู่ในโครงการ 49 Terrace สุขุมวิทซอย 49 เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์ สำหรับมื้อเที่ยง 11.30-14.30 และมื้อค่ำ 17.30-23.30 โทร (02) 204 1731 หรือเว็บไซต์

By Manta

 

ABOUT THE AUTHOR
Manta

Manta

นักดื่ม นักจิบ ดื่มบ้างบ่นบ้าง

ALL POSTS