จบสวยๆ ด้วย After Dinner Drink
มาทำความรู้จัก After dinner drink หรือที่เขาเรียกว่า Digestif กันมีอะไรบ้าง
ปกติเวลาไปทานอาหารฝรั่งที่มีหลายคอร์ส นั่งยาวกันไปจนดึกดื่น พอจบคอร์สสุดท้ายหลายๆคนคงลงเอยที่ชาหรือกาแฟเป็นแน่ แต่หากใครไม่อยากดื่มกาแฟเพราะดึกแล้วกลัวจะนอนไม่หลับ จะให้ดื่มชาก็ไม่ใช่อีก และถ้าหากคืนนี้ไม่ต้องขับรถแล้วล่ะก็ ลองจบท้ายมื้อใหญ่ด้วย After dinner drinks ดูบ้างก็ดีเหมือนกันนะ
After dinner drink หรือที่เขาเรียกว่า Digestif ชื่อก็บอกอยู่ว่ามันคือเหล้าที่เอาไว้ดื่มหลังมื้ออาหารเพื่อช่วยย่อยและผ่อนคลายความแน่นท้อง แน่นอนขึ้นชื่อว่าเป็นเหล้านั้นแอลกอฮอล์จะต้องสูงกว่าไวน์ทั่วไป โดยมีแอลกอฮอล์อยู่ตั้งแต่เกือบยี่สิบเปอร์เซนต์ ไปจนถึงสี่สิบกว่าเปอร์เซนต์ เพราะฉะนั้นเครื่องดื่มประเภทนี้มักจะเสริฟมาในแก้วเล็กๆเพื่อให้ดื่มให้สบายท้องพอเป็นพิธี ไม่ใช่ดื่มกะเมา อันนั้นก็ดูไม่งาม ผิดวัตถุประสงค์
ประเภทของ After dinner drink
Bitters / Amaro
Amaro กับ Bitters เป็นอะไรที่มีทั้งความเหมือนและความแตกต่างโดย Amaro อิตาลีเป็นภาษาอิตาเลียนแปลว่าขม เป็นเครื่องดื่มที่เกิดจากการนำแอลกอฮอล์ไปหมักและกลั่นกับสมุนไพร รากไม้ เครื่องเทศและเปลือกผลไม้ ที่เชื่อกันว่ามีสรรพคุณในการช่วยย่อยลดการปวดท้องได้ ซึ่งสูตรเหล่านี้จะถูกเก็บไว้เป็นความลับสุดยอด ส่วนใหญ่จะมีรสออกขมบางยี่ห้ออาจมีหวานปน Amaro ที่เห็นทั่วไปเช่นยี่ห้อ Fermet Branca หรือ Cyna และ Avernaเ ป็น digestif ประจำบ้านของคนอิตาเลียนกันเลยทีเดียวถ้าเทียบกับบ้านเราคงเหมือนยาธาตุน้ำแดง คิดดูสิว่ามื้ออาหารอันใหญ่โตและยาวนานของชาวอิตาเลียนจะดื่มอีโนจบท้ายก็คงไม่เข้าบรรยากาศ ดื่ม Amaro น่าจะดูดีกว่านะ
ในขณะที่ Amaro มักพบได้ในร้านอาหารอิตาเลียน แต่ Bitters นั้นมีทั่วไปตามร้านอาหารและบาร์เก๋ๆรอบกรุง ที่เราเห็นบาร์เทนเดอร์เขาเหยาะๆขวดอะไรก็ไม่รู้หน้าตาเหมือนแม็กกี้ นั่นแหละเค้าเรียกว่า Bitters นะคะ Bitters เช่นเดียวกับ Amaro ผลิตโดยการนำแอลกอฮอล์มาหมักและกลั่นกับรากไม้และสมุนไพรและผลไม้ต่างๆแต่ Bitters จะมีรสชาติเข้มข้นมาก ไม่สามารถนำมาทานเพียวๆได้จึงมักจะเป็นส่วนผสมในค็อกเทลเพื่อเพื่มมิติทางรสชาติ แรกเริ่มเดิมทีจะมีสองยี่ห้อหลักๆคือ Angostura กับ Paychaud's แต่ปัจจุบันมียี่ห้อใหม่ๆออกมาเยอะ บางทีทานอาหารอิ่มๆอยากหาอะไรซ่าๆดื่มช่วยย่อยฉันชอบสั่งน้ำโซดาเหยาะ Bitters เล็กน้อย สบายท้องดีจริงขอบอก
Port Wine
อันนี้เป็น After dinner drink แบบฉบับผู้ดีอังกฤษ Port wine เป็น fortified wine ชนิดหนึ่งจากเมือง Porto ประเทศโปรตุเกสโดยfortified wine คือไวน์ที่มีการเพิ่มแอลกอฮอล์ลงไปเพื่อให้ไวน์นั้นเก็บได้นานขึ้น โดย Port wineจะมีรสหวานหอมและแอลกอฮอล์สูงประมาณ20% เหมาะสำหรับทานหลังอาหารในวันอากาศเย็นๆ หรือจะทานเคล้ากับชีสก็เข้ากันโดยเฉพาะบลูชีส กับชอคโกแลตPort Wine มีหลายประเภทไล่ไปตั้งแต่ Ruby Port ยัน Tawny Port ไปจนถึง Vintage Port ใครจะเลือกแบบไหนก็ขึ้นกับความชอบและงบประมาณ
Liqueur
ลิเคียวเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีการใส่รสชาติของผลไม้ สมุรไพร เครื่องเทศ หรือแม้กระทั่งใส่ครีม มีรสหวานเป็นหลัก มักเห็นได้ทั่วไปบนชั้นข้างหลังบาร์หรือไม่ก็ตามเมนูเครื่องดื่ม เนื่องจากมีรสชาติหลากหลายลิเคียวจึงมักถูกนำไปทำเป็นส่วนผสมของค็อกเทลแต่จริงๆแล้วเราสามารถดื่มลิเคียวบางตัวเป็นเครื่องดื่มหลังอาหารก็ได้ โดยส่วนตัวฉันไม่ค่อยชอบดื่มลิเคียวมากนักเพราะไม่ค่อยชอบเหล้ารสหวานๆ แต่ก็มีบางตัวที่คนนิยมดื่มกัน เช่น Grand Marnier ซึ่งเป็นลิเคียวบรั่นดีรสส้ม หรือไม่ก็ Limoncello ที่ตามร้านอิตาเลียนนิยมเสริฟหลังมื้ออาหาร หรือจะเป็น Bailey's ทานกับน้ำแข็งก็พอจะแทนกาแฟเย็นได้อยู่
Brandy/ Cognac
อันนี้ต้องยกให้พี่เค้าเป็น After dinner drink ตัวพ่อของวงการ บรั่นดีก็คือไวน์ที่นำไปกลั่นต่อให้ได้แอลกอฮอล์ที่สูงขึ้นจากนั้นก็นำไปบ่มในถังไม้โอ๊คเพื่อให้ได้สีและความนุ่มนวล คอนญักคือบรั่นดีที่มาจากเขตคอนญักในประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น คอนญักนิยมเสริฟมาในแก้ว snifterซึ่งอาจดูแมนไปนิดนึงสำหรับสาวๆแต่ถ้าหากอยากดื่มงั้นขอแนะนำให้เอามาดื่มในรูปของค็อกเทลเช่นSidecar ซึ่งเป็นหนึ่งในค็อกเทลโปรดของฉัน ลืมบอกไปว่าบรั่นดีไม่จำเป็นต้องทำจากองุ่นอย่างเดียวนะ อย่างที่ฝรั่งเศสเขาจะมี Calvados ซึ่งเป็นบรั่นดีที่ทำจากแอบเปิ้ล Poire Williams ทำจากลูกแพร์ และก็ Mirabelle ที่ทำจากลูกพลัมสีเหลือง แต่เห็นชื่อเพราะๆแบบนี้แอลกอฮอล์สูงมากนะ ขอเตือน
จริงๆแล้ว after dinner drink มีอีกหลายหลายชนิดเลย เช่นวิสกี้ แต่ถ้าเขียนถึงล่ะยาวแน่ คราวนี้หยุดเพียงแค่นี้ก่อน เอาไว้วันเหมาะๆจะเล่าให้ฟังต่อ
STORY BY สริยา กัมปนาทแสนยากร