หอศิลป์ที่รอคอย กับหอคอยที่ โครตรอ
ในขณะที่ dib contemporary art เตรียมเปิดสร้างความหวังใหม่ วงการศิลปะไทยยังตั้งคำถามต่อการปล่อยให้หอศิลป์แห่งชาติทรุดโทรมและไร้อนาคตจากนโยบายไม่ต่อเนื่อง
ช่วงนี้กรุงเทพฯได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างมากว่า เป็นศูนย์กลางศิลปะที่เต็มไปด้วย ศิลปินที่มีคุณภาพ แกลเลอรี่ชั้นนำ และระบบนิเวศทางศิลปะที่กำลังพัฒนา
Max Hollein ผู้อำนวยการ พิพิธภัณฑ์ Metropolitan นครนิวยอร์ก ได้มาเยือนกรุงเทพฯ กล่าวชื่นชม ความคึกคักด้านศิลปะร่วมสมัย รวมถึงการที่จะมีหอศิลป์ dib contemporary art จะเพิ่มความน่าสนใจและยกมาตรฐานศิลปะร่วมสมัยไทยสู่ระดับนานาชาติ
เพชร โอสถานุเคราะห์ ผู้ริเริ่ม สะสมงานศิลปะทั้งไทยและต่างประเทศหลายสิบปี กว่าจะสรรหาสถาปนิกที่ออกแบบหอศิลป์ที่ถูกใจได้ก็เสียเวลาไปกว่า 20 ปี จนในที่สุดมาลงตัวที่ สถาปนิกไทยฝีมือระดับโลก คือ กุลภัทร ยันตราศาสต์ บริษัท Why ร่วมกับ A49 เสียดายที่เพชรจากไปแล้ว ทิ้งมรดกอันล้ำค่าให้ บุตรชาย ภูรัตเป็นผู้สานฝันที่รอคอยให้เป็นจริง

ต่างจาก dib contemporary art หอคอยที่สูงตระหง่าน ติดป้ายมโหฬาร หอศิลป์แห่งชาติ หน้ากระทรวงวัฒนธรรม บนถนนเทียมร่วมมิตร หลังสร้างเสร็จถูกทิ้งร้างมาเกือบ 10 ปี อาคารร้าว พื้นทรุด น้ำท่วม ผลงานอันล้ำค่าของศิลปินร่วมสมัยถูกเก็บ กองไว้ในห้องที่ขาดมาตรฐานควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น
เป็นที่น่าเสียดายที่ โครงการชิ้นโบแดงในสมัย อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัฒน์ ที่วาดฝันถึงการพัฒนาพื้นที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ให้หอศิลป์แห่งชาติที่ได้รับการ ออกแบบโดย บริษัท A49 เป็นส่วนสำคัญของ ประตูสู่ อาเชี่ยน (ASEAN cultural gateway) เวลาผ่านไป หลายรัฐบาล ความไม่ชัดเจนของนโยบายหอศิลป์แห่งชาติ ส่งผลเสียหายในระยะยาว เป็นที่น่าแปลกใจว่าทำไม สำนักปลัด กระทรวงวัฒนธรรมจึงไม่โอนย้ายความรับผิดชอบให้ สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (สศร) แต่กลับไปใช้พื้นที่เป็นที่จัดงาน
อีเวนท์ขายสินค้า หรือจัดพื้นที่ไม่เกี่ยวกับศิลปะ เช่น ห้องออกกำลังกายของข้าราชการ ส่วนกิจกรรมแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัย มีน้อยครั้งและจัดในช่วงสั้นๆเพราะอ้างว่าไม่มีค่าไฟปรับอากาศ
ความหวังในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย ที่จะฟื้นคืนชีพหอศิลป์แห่งชาติ ให้สอดคล้องกับ โครงการ ประตูสู่อาเซียนที่เคยริเริ่มไว้ ก็ออกมาอย่างน่าผิดหวัง เมื่อรัฐมนตรีวัฒนธรรม ทั้ง 3 คน (เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล แพรทองธาร ชินวัตร) ล้วนแต่ไม่สามารถปรับปรุงหรือแม้แต่ประกาศนโยบายหอศิลป์แห่งชาติที่รกร้างแห่งนี้ได้สำเร็จ ส่วนทางฝ่าย THACCA ที่มี ดร สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (หมอเลี้ยบ) เจ้าของโครงการ soft power 5 พันล้าน รวมถึง ฝ่ายอนุกรรมการด้านศิลปะ ที่มีเสริมคุณ คุณาวงศ์ เป็นประธาน ก็ไม่สามารถจัดรับฟังความคิดเห็นจากฝ่ายศิลปินหรือผู้มีส่วนได้เสียเกี่ยวกับหอศิลป์แห่งชาติที่กำลังอยู่ในสภาวะวิกฤต แม้แต่ครั้งเดียว
ลำพังการจ้างนักวิชาการให้ทำโครงการ “จากอารยธรรมไทย สู่ศิลปะ สมัยใหม่” นั้นไม่เพียงพอ เพราะปัญหาหอศิลป์แห่งชาติมีหมักหมมมากมาย
กระทรวงวัฒนธรรมคงต้องอธิบายเพื่อความโปร่งใส กับงบประมาณปี 2568-2529 จำนวน 270 กว่าล้านบาท เช่น ค่าจัดนิทรรศการ 46 ล้าน ค่าปรับปรุงซ่อมแทรมอาคาร 15 ล้าน ค่าปรับอุณหภูมิ ความชื้น 13 ล้าน ค่าประชาสัมพัทธ์ 23 ล้านกิจกรรมเพื่อเปิดหอศิลป์ 25 ล้าน การบริหารและจัดการ 49 ล้าน
ส่วนการคัดเลือกผลงานศิลปะมาจัดแสดงควรมีการจัดสัมมนาทางวิชาการให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม เนื่องจากการคัดเลือกผลงานจากนักสะสมและภาคเอกชนมาแสดงที่หอศิลป์แห่งชาติ จะมีผลต่อมูลค่าของงานโดยเฉพาะในตลาดซื้อขายและแหล่งประมูลงานศิลปะ รวมไปถึงประโยชน์ทับซ้อนของภาครัฐและเอกชน ว่าด้วยการว่าจ้าง บริษัทหรือหน่วยงานใดให้เข้ามาบริหารจัดการคงต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
เรากำลัง รอการเปิดตัว dip contemporary art วันที่ 20 ธันวาคม อย่างใจจดใจจ่อ ส่วนหอคอยสุกๆ ดิบๆ ที่กระทรวงวัฒนธรรม ก็ยังคงเป็นซากอิฐปูนที่รอคอยการเยียวยา ช่อมแซมอย่างจริงจัง
ที่แน่ๆ หอศิลป์แห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม จะกลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรง ในช่วงเลือกตั้งครั้งหน้า ไม่เพียงกลุ่มศิลปิน คนในวงการศิลปะ และเยาวชนที่ชื่นชมศิลปะแต่รวมไปถึงพรรคการเมือง หลากสีสัน ที่ต่างฝ่ายล้วนมีความมุ่งมั่นต่อการพัฒนา ศิลปะร่วมสมัยของไทย ให้เท่าเทียมนานาชาติ ตามคำชื่นชม ของ Max Hollein
เราคงได้ชื่นชม การเปิด dib contemporary art และคงแค่แหงนมอง โศกนาฏกรรมประจำชาติ บนถนนเทียมร่วมมิตรไปพลางก่อน แต่ช่วงนี้ ถ้าเอาโจรมาปราบตำรวจวัฒนธรรม ก็น่าจะเรียกน้ำย่อยได้พอหอมปากหอมคอ
บทความโดย ศ. อภินันท์ โปษยานนท์
#หอศิลป์ร่วมสมัยไทย #หอศิลป์ที่รอคอย #พื้นที่ศิลปะกรุงเทพ #NationalArtGalleryThailand #dibContemporaryArt
