“ไมโครอัลบูมิน” ตรวจเจอเร็ว ช่วยชะลอไตเสื่อม-ไตวายได้
ศัพท์แพทย์ยากๆ มาอีกแล้ว “ไมโครอัลบูมิน” เจอเมื่อไหร่แปลว่าไตคุณเริ่มจะเสื่อม ถ้ายังไม่ทำอะไร สถานีต่อไปคือ คลินิกฟอกไต แน่นอน
ทุกวันนี้ เวลาไปตรวจสุขภาพประจำปี และมีการตรวจปัสสาวะ หนึ่งในสิ่งที่หมอมองหาคือ มีอัลบูมิน หรือโปรตีนรั่วในปัสสาวะบ้างไหม ถ้าพบก็หมายความว่าไตคุณกำลังจะแย่
ไตเป็นอวัยวะรูปร่างคล้ายถั่วทำหน้าที่เหมือนโรงกรองของเสียของร่างกาย ของเสียส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากกระบวนการเผาผลาญของร่างกายและการใช้งานกล้ามเนื้อ หากไตไม่สามารถกรองของเสียหรือของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะทำให้ของเสียหลุดรอดการกรองของไต ออกมาโชว์ตัวในปัสสาวะให้เราจับได้
แต่การตรวจทั่วไปมักตรวจหาอัลบูมิน หรือโปรตีนที่รั่วออกมาในปริมาณสูงแล้ว ซึ่งบ่งบอกว่าไตทำงานได้น้อยลงมากแล้ว และจริงๆ แล้ว อาจจะเริ่มมีโปรตีนรั่วน้อยๆ มาระยะหนึ่งแล้วก่อนที่จะตรวจพบ
ช่วงแรกที่เริ่มมีโปรตีนรั่วน้อยๆ ออกมาในปัสสาวะนี่ละ ที่เรียกว่า ไมโครอัลบูมินยูเรีย (Microalbuminuria) ซึ่งจะมีปริมาณประมาณ 30-300 มิลลิกรัมต่อปัสสาวะ 1 กรัม
หมายความว่า ถ้าเราตรวจพบไมโครอัลบูมินได้เร็ว ในตอนที่ไตเริ่มเหนื่อยแต่ยังไม่ทันเสียหายมาก เราจะสามารถเริ่มกระบวนการดูแลสุขภาพไตได้เร็ว มีโอกาสฟื้นฟูการทำงานของไตขึ้นมาได้อีกบางส่วน และยืดอายุของไตไปได้อีกนาน

ตรวจเจอไว ชะลอไตวายได้
สมาคมโรคความดันโลหิตสูง ได้ร่วมมือกับบริษัทยาชั้นนำอย่างเบอริงเกอร์ อินเกลไฮม์ ทำโครงการที่ชื่อ CheCKD NOW ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมการดูแลสุขภาพเชิงรุก เพื่อให้ความรู้ ความเข้าใจ และช่วยให้คนทั่วไปได้ตระหนักเกี่ยวกับโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease หรือ CKD) ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง โดยเน้นการตรวจคัดกรองตั้งแต่ระยะเริ่มต้น เพื่อให้สามารถดูแลสุขภาพตนเองอย่างเหมาะสม หรือปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะไตวายเรื้อรังในระยะยาว
การตรวจในสมัยนี้ ง่ายขึ้นมาก เทคโนโลยีปัจจุบันทำให้เราสามารถผลิตชุดตรวจไมโครอัลบูมินที่ใช้งานง่าย มีประสิทธิภาพ และมีความแม่นยำสูง โครงการ CheCKD NOW จะสนับสนุนชุดตรวจไมโครอัลบูมินในปัสสาวะให้กับโรงพยาบาลทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนทั่วไปมีโอกาสได้รับการตรวจง่ายมากขึ้น แทนที่จะเป็นการตรวจเฉพาะคนที่มีความเสี่ยงสูงเท่านั้นอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

ศ.นพ.อภิชาต สุคนธสรรพ์ นายกสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การช่วยให้ประชาชนมีความรู้ ประสิทธิภาพในการคัดกรองโรค และการเพิ่มอัตราการเข้าถึงการรักษา มีความสำคัญมาก และเป็นหลักสำคัญในการลดจำนวนผู้ป่วย เพราะในปัจจุบัน ประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่ต้องฟอกไตปีละประมาณ 200,000 คน แต่ละคนต้องใช้เวลาอยู่ที่คลินิกฟอกไตสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ซึ่งนอกจากจะเป็นภาระของผู้ดูแลแล้ว ยังทำให้เสียโอกาสในการทำงานและเกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ในแต่ละวัน มีผู้เสียชีวิตจากโรคไตวายเรื้อรังระยะสุดท้ายเฉลี่ยถึง 20-30 ราย หรือชั่วโมงละมากกว่า 1 คนทีเดียว
ความดัน สาเหตุอันดับ 1 ของโรคไตเรื้อรัง
สาเหตุสำคัญที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง ได้แก่ ความดันโลหิตสูง แต่ปัญหาสำคัญคือ ผู้ป่วยไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความดันโลหิต โดยเกณฑ์ความดันปกติจะอยู่ที่ประมาณ 130/80 มิลลิเมตรปรอท ซึ่งแม้จะยังไม่เกินเกณฑ์นี้ แต่ถ้าวัดแล้วความดันอยู่ใกล้ๆ เกณฑ์สูงสุดจะถือว่าเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยง

พญ.สิริสวัสดิ์ คุณานนท์ กรรมการบริหารสมาคมความดันโลหิตสูงแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อัตราการรับรู้ว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงของคนไทยต่ำมาก มีเพียงประมาณ 50-60% เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ควบคุมให้ดีตั้งแต่ต้น โอกาสที่จะเกิดโรคอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นโรคไตวายเรื้อรังหรือโรคหลอดเลือดต่างๆ ก็ตาม
ที่สำคัญคือ ความดันโลหิตสูงจะไม่มีอาการหรือสัญญาณเตือน บางคนความดันตัวบนสูงกว่า 200 มิลลิเมตรปรอทก็ยังไม่รู้สึกผิดปกติใดๆ ก็มี
“ถ้าเราพบว่าผู้ป่วยเริ่มมีความดันอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูง และมีโรคร่วมหรือภาวะอื่นๆ ร่วม เช่น เบาหวาน น้ำหนักเกิน มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรค หรือมีพฤติกรรมเสี่ยงเช่น ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ไม่ออกกำลังกาย แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาควบคุมความดันเลย ยาเม็ดละไม่แพง และมีความปลอดภัยสูง คุ้มค่าที่จะกินยาตอนนี้ มากกว่าการไม่ยอมกินยาตอนนี้ แล้วไปเกิดอาการรุนแรงที่ยากจะรักษาและฟื้นฟูได้ในภายหลัง” พญ. สิริสวัสดิ์ กล่าว
วัดความดันแบบไหนถึงจะแม่นยำ
โดยทั่วไป แพทย์มักแนะนำให้ผู้ป่วยวัดความดันเองในช่วงเวลาเดิมของแต่ละวันและจดบันทึกไว้ เพื่อให้แพทย์ดูค่าเฉลี่ยและแนวโน้มต่างๆ แต่สำหรับคนที่ไม่มีอุปกรณ์ที่บ้าน สามารถวัดได้ที่ร้านขายยา หรือรอวัดที่โรงพยาบาลก่อนพบแพทย์ แต่มักพบปัญหาว่า ความเครียด ความเหนื่อยจากการเดินทางหรือตื่นเช้า อาจจะทำให้ความดันโลหิตเพี้ยนไปจากปกติได้
“บางคน วัดวันละหลายครั้ง แต่เวลาบอกหมอ จะเลือกตัวเลขที่สวยที่สุด นี่ก็ทำให้หมอรักษาได้ยากด้วย จริงๆ ถ้าวัดหลายครั้ง ควรให้แพทย์ดูตัวเลขทั้งหมดจะได้เห็นแนวโน้ม และควรวัดก่อนนอนด้วย เพราะมีหลายคนที่ความดันขึ้นสูงในระหว่างนอนหลับ โดยเฉพาะผู้ที่มีน้ำหนักตัวเกิน หรือนอนกรนมากๆ” พญ. สิริสวัสดิ์ กล่าว
สำหรับนาฬิกาสมาร์ทวอทช์รุ่นใหม่ๆ ที่สามารถวัดความดันได้ ก็เป็นประโยชน์ แม้ว่าเทคโนโลยีจะยังพัฒนาไปได้ไม่มาก ทำให้ความแม่นยำไม่เท่าเครื่องวัดตามบ้านหรือที่โรงพยาบาล แต่ก็สามารถใช้พอเป็นแนวทางได้ แต่แพทย์ยังแนะนำให้ใช้เครื่องวัดที่บ้านหรือที่โรงพยาบาลซึ่งเป็นเครื่องที่ผ่านมาตรฐาน อย. แล้วจะดีที่สุด