“เวลเนส” ศาสตร์จากครั้งพุทธกาลสู่ธุรกิจลักชูรีดาวรุ่งยุคดิจิทัล

ป่วยแต่ไม่อยากกินยา เป็นเทรนด์ที่มาแรงทั่วโลก และผลักดันให้ตลาดการดูแลสุขภาพ ไม่ว่าจะผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ช่วยให้ร่างกายคืนสมดุลธรรมชาติ ตลอดจนการดูแลสุขภาพองค์รวม หรือ “เวลเนส” อยู่ในกระแสไม่มีตก ขนาดเครือโรงแรมชั้นนำของไทย เช่น อนันตรา เอง ก็เพิ่งเปิดเวลเนสแห่งแรกที่ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท เช่นกัน

สุนัย วชิรวราการ นายกสมาคมสปาไทย เล่าให้ฟังว่า แนวคิดเรื่องการรักษาสุขภาพองค์รวม มีมาตั้งแต่ยุคโบราณ ส่วนที่พอจะมีหลักฐาน คือ เรื่องราวของหมอชีวกโกมารภัจจ์ ในสมัยพุทธกาลที่ได้ชื่อว่าเป็นหมอประจำพระองค์พระพุทธเจ้า และเป็นต้นแบบของแพทย์แผนโบราณของไทยและอีกหลายประเทศแถบเอเชีย เป็นต้นตำรับของการนวดเพื่อการรักษาและการใช้สมุนไพรต่างๆ  

สำหรับประเทศไทย ในศิลาจารึก พบการบันทึกถึงเรื่องเขาหลวง ซึ่งเป็นแหล่งสมุนไพรต่างๆ สำหรับใช้บำรุงรักษาสุขภาพ ต่อมาในสมัยอยุธยา เริ่มมีแพทย์เฉพาะทาง เช่น หมอนวด หมอตำแย โดยเฉพาะในยุคพระนารายณ์ซึ่งมีการติดต่อกับต่างชาติ มีองค์ความรู้รวมทั้งตำรายาเล่มแรกที่บันทึกสูตรยาไว้มากมาย ซึ่งได้มีการพัฒนาต่อเนื่องมาจนถึงยุครัตนโกสินทร์ รวมถึงมีการบันทึกไว้ในจารึกวัดโพธิ์ ซึ่งได้รับการยกย่องและขึ้นทะเบียนรับรองให้เป็นมรดกความทรงจำแห่งโลกจากยูเนสโก ก่อนที่การแพทย์แผนปัจจุบันจะเข้ามาและมีการพัฒนาจนแพร่หลายเช่นในปัจจุบัน

สุนัย เสริมว่าหัวใจหลักของเวลเนสแบบไทย เรียกว่า ธรรมนามัย ซึ่งต้องเน้นการสร้างสมดุลใน 3 ส่วนคือ กายานมัย หรือร่างกายที่สมดุล จิตตามัย หรือจิตที่แข็งแรง และ ชีวิตานมัย คือวิถีชีวิตที่ดี ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งซึ่งคนในยุคปัจจุบันแสวงหา  และเรียกด้วยศัพท์ในยุคปัจจุบันว่า Wellness

สำหรับ ผศ.นพ.มาศ ไม้ประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ศาสตร์แห่งเวลเนสในยุคนี้ คือ “สูงสุดคืนสู่สามัญ” หรือการที่คนหันกลับมาหาธรรมชาติมากขึ้น ก่อนหน้านี้คนอยากได้สุขภาพดีและความงามแบบเร่งด่วน ทำให้ศาสตร์จำพวกการผ่าตัดได้รับความนิยมมาก แต่ในปัจจุบันคนเราหันมาให้ความสำคัญกับความงามจากภายใน การดูแลสุขภาพแบบองค์รวมและความงาม จึงเป็นเรื่องที่แยกกันไม่ออก และทำให้ตลาดเวลเนสทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 6.3 พันล้านดอลล่าร์ ในปี 2566 ที่ผ่านมา และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

เทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโตของตลาดเวลเนส และทำให้เป็นธุรกิจหนึ่งที่ได้รับผลกระทบน้อยมากไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะขึ้นหรือลงก็ตาม ปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพในการชะลอวัย หรือฟื้นฟูสมดุลของกายและใจได้มากขึ้นโดยไม่ต้องเจ็บตัวมากเท่าสมัยก่อน

อนันตรา เวลเนส ซึ่งเป็นเวลเนสแห่งแรกในเครืออนันตราและเปิดตัวที่ อนันตรา ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ รีสอร์ท ก็ยึดแนวการฟื้นฟูสมดุลเพื่อความงามจากภายในเช่นกัน โดยเน้นบริการที่จัดเฉพาะลูกค้าแต่ละคน และใช้เทคโนโลยีชั้นนำอย่าง iCoone นวัตกรรมล่าสุดจากอิตาลีที่ช่วยกระชับผิวและขับสารพิษมาให้บริการด้วย

Devi Iranti ผู้อำนวยการฝ่ายเวลเนส โรงแรมอนันตรา ริเวอร์ไซด์ รีสอร์ท กรุงเทพฯ เล่าว่า คนทั่วไปจะมาเวลเนสด้วยเหตุผลหลากหลาย เช่น นอนไม่หลับ อยากลดน้ำหนัก อยากฟื้นฟูผิว เป็นออฟฟิศซินโดรม ให้รางวัลตัวเอง ต้องการพักผ่อน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด สุดท้ายทุกคนต้องการให้ตัวเองดูดี รู้สึกดี  

ดังนั้น อนันตรา เวลเนส จึงเน้นการดูแล 4 ด้านหลักๆ  คือ ด้านโภชนาการซึ่งจะดูเรื่องอาหารที่เหมาะกับธาตุของแต่ละคน การแพทย์แบบองค์รวมที่มีทั้งแผนปัจจุบัน ไทย และจีน การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันแบบองค์รวมเพื่อฟื้นฟูสมดุลร่างกาย และการคืนความเยาว์วัยให้ร่างกายผ่านการทำทรีทเมนต์เพื่อความงามต่างๆ 

ก่อนจะเริ่มทำทรีทเมนต์ จึงต้องประเมินสุขภาพให้ลูกค้าก่อนด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญ โดยสอบถามปัญหา และพฤติกรรมการใช้ชีวิต รวมทั้งตรวจเบื้องต้น เช่น การตรวจองค์ประกอบของร่างกายด้วยเครื่อง Inbody ที่จะบอกได้ว่า ร่างกายของเรามีมวลกล้ามเนื้อ ไขมัน ปริมาณน้ำและโปรตีนเท่าไร   

เมื่อประเมินสุขภาพองค์รวมแล้ว แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านเวลเนสจะให้คำแนะนำว่าเราควรปรับปรุงหรือรับบริการด้านใดบ้าง เพื่อคืนสมดุลสุขภาพ ซึ่งแต่ละคนจะใช้วิธีที่แตกต่างกันไป เช่น อาจต้องใช้การฝังเข็ม ครอบแก้ว เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ทำ IV drip เพื่อลดความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง หรือนวดไทยเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งที่นี่จะใช้การนวดแบบราชสำนัก หรือการนวดที่หลีกเลี่ยงบางท่าที่ไม่ค่อยสุภาพ หรือบางคนอาจจะได้รับคำปรึกษาเรื่องเมนูอาหารที่มีโภชนาการเหมาะกับตนเอง เป็นต้น  และหากอยากทำทรีทเมนต์หน้าอาจจะต้องนัดล่วงหน้าเพราะต้องเป็นการทำหัตถการโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

และสำหรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูความเยาว์วัยให้ผิวและร่างกาย  ทางอนันตรา เวลเนส ยังเป็นเวลเนสแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้นำ iCoone นวัตกรรมจากอิตาลีที่เป็นที่ยอมรับและใช้กันในเวลเนสและสปาลักชูรีระดับโลกของแบรนด์ชั้นนำอย่าง SHA หรือ Dior มาให้บริการ  ด้วยเทคโนโลยีแบบ non-invasive ที่ใช้พลังงานแสง LED และเลเซอร์ชนิดเย็นที่ช่วยสลายไขมันโดยไม่ใช้ความร้อนและไม่เจ็บ จึงช่วยรักษาเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ลึกลงไป ทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันเพื่อ ขับสารพิษ กระชับผิว และปรับรูปร่างในหนึ่งเดียว

ใครที่อยากสุขภาพดีแบบองค์รวม หรืออยากให้รางวัลตัวเองอาจจะลองแวะไปเวลเนส และฟื้นฟูสมดุลให้กายใจ เพื่อสุขภาพดีอย่างยั่งยืน