โลงศพแฟนซี... ต้องที่กานาเท่านั้น
หลังจากเดินทางมาเกือบ20 ชั่วโมงจากประเทศไทยกว่าจะถึงประเทศกานา (Ghana)ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันตก เช้าวันนี้เราปรับตัว ปรับเวลา เรียกพลังความสดชื่น และพร้อมจะออกเที่ยวอักกรา (Accra) เมืองหลวงของกานากันแล้ว
“สถานที่แรกที่เราจะไปชมกันวันนี้คือร้านขายโลงศพนะทุกคน”และเมื่อสิ้นเสียงประกาศก้องของลุงโคฟี่ (Kofi)ไกด์ใจดีประจำกลุ่ม พวกเราพากันร้องกันออกมาว่า “หา... อะ... อะ... อะ... ไรนะครับลุง”
เอาล่ะไปก็ไป เขาว่าเป็นของเด็ดของดีที่มีที่นี่เพียงที่เดียวในโลกเลยนะ
หลังจากจัดการอาหารเช้ากันที่โรงแรมจนอิ่มแปล้ลุงตีตี้ (Teetee) สารถีใจดีก็ควบรถตู้คู่ใจก็มารับพวกเราออกเดินทางไปยังจุดหมายอันแสนพิลึกกึกกือในเช้าวันนั้น
ระหว่างทาง สิ่งที่พี่ ๆ น้อง ๆ และผมพากันตื่นตาตื่นใจจนเหลียวดูแล้วดูอีกด้วยความอึ้ง ทึ่ง เสียว ก็คือเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายชาวแอฟริกันที่จับจองพื้นที่อยู่ตามสี่แยกแทบจะทุกสี่แยกเลยครับ ทุกคนมีสินค้าบรรทุกในกาละมัง ถัง อ่าง จนถึงตู้อยู่บนศีรษะ และเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อไหร่ ทั้งเขาและเธอจะถลาลงสู่ท้องถนนเพื่อเดินขายสินค้านานาชนิดที่เทินอยู่นั้นอย่างคล่องแคล่วสุด ๆ ทุกคนเดินตัวตรงแหนวโดยไม่มีทีท่าว่าจะเสียการทรงตัวแต่อย่างใด
แต่การที่เราจะถ่ายภาพพ่อค้าแม่ขายเหล่านี้นั้นก็ค่อนข้างยากเพราะว่า...“เขาไม่ชอบให้ใครมาถ่ายรูปเขานะ หากจะถ่ายก็ต้องระวังหน่อยนะ” ลุงโคฟี่ฝากคำเตือนไว้
เราเลยเก็บภาพมาให้ชมกันได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้นนะครับ..... สำหรับคนที่ผมทึ่งในความสามารถมากที่สุดนั้น เธอเป็นแม่ค้าที่มาพร้อมกับตู้ใบเขื่องและสูงขึ้นไปจากศีรษะอยู่พอสมควร และในตู้นั้นมีวิกและผมเปียถักหลากทรงหลากสี ยาย้อมผม แชมพู หวี กิ๊บติดผม ฯลฯ มันดูเหมือน “บิวตี้ ซาลอน” เคลื่อนที่มาก ๆ และผมก็เสียดายมาก ๆ ที่ไม่ได้เก็บภาพประทับใจนั้นไว้
อักกรา เป็นเมืองที่ปกติจะรถติดอย่างมหาวินาศ แต่ความโชคดีของเราก็คือวันนั้นยังอยู่ในช่วงหยุดยาวเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราก็เลยไม่ได้ประสบการณ์อย่างที่ใครต่อใครหลายคนเตือนกันมา และในเวลาไม่นานลุงตีตี้ก็พาเรามาถึงแถบย่านที่อ่านออกเสียงได้ประมาณว่า “เตเช”(Teshie) ซึ่งตั้งอยู่ขอบเมืองอักกราในตอนสาย ๆ และว่ากันว่าย่านนี้เป็นแหล่งกำเนิดธุรกิจโลงศพแฟนซีแบบพิเศษที่ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือนจนอาจเรียกว่ามีที่นี่ที่เดียวในโลก
ที่สำคัญคือโลงศพแนวนี้ได้รับความนิยมมาก ๆ จนมีร้านค้าที่ดำเนินธุรกิจประเภทเดียวกันเกิดขึ้นมาไม่ต่ำกว่า 10 ร้านในย่านเตเช ความนิยมนั้นไม่ได้จำกัดแต่เพียงเฉพาะในประเทศกานา ว่ากันว่ามีลูกค้าเศรษฐีจากต่างประเทศยินดีจะสั่งโลงศพพิเศษนี้ให้ส่งไปยังปลายทางที่อยู่ไกลแสนไกลโดยยอมจ่ายเงินใกล้หมื่นดอลล่าร์สหรัฐเลยนะครับ
รถตู้พาเรามาจอดที่โรงงานไม้หลังเล็ก ๆ ที่กำลังต่อโลงศพอยู่หลายโลงแต่รูปทรงของแต่ละโลงนั้นดูเฮฮาก๋ากั่นมาก ๆ
นั่น... นกอินทรีผงาด
โน่น... ปลานกแก้วสีชมพูแจ๋น
แล้วนั่นอีก... รถเมอร์ซิเดสที่ยังเป็นโครงไม้และกำลังเริ่มลงรายละเอียด
ไม่พอครับ ไม่พอ.... โลงศพรูปทรงผักนานาชนิดอย่าง พริกหยวก หรือแม้แต่กระเจี๊ยบก็มีนะครับ
“ธุรกิจโลงศพแฟนซีเกิดขึ้นในแถบเตเชมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1940 โดยช่างไม้ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง เขาเลือกต่อโลงศพเป็นรูปเครื่องบินให้กับแม่ที่กำลังจะเสียชีวิต และโลงศพนี้ก็ได้ใช้ในพิธีศพจริง ๆ”ลุงโคฟี่เริ่มบรรยาย
“ที่เขาเลือกต่อโลงศพเป็นรูปเครื่องบินก็เพราะว่าบ้านของเขานั้นอยู่ใกล้สนามบินมาก ๆ และเขาสังเกตเห็นแม่นั่งมองเครื่องบินโฉบผ่านไปมาทุกวัน พร้อมกับเปรยความฝันให้ฟังว่าอยากจะมีโอกาสสักครั้งในชีวิตที่จะได้ขึ้นไปอยู่บนนั้นบ้าง... เมื่อแม่เสีย เขาจึงเลือกส่งแม่ไปสู่อ้อมกอดของพระเจ้าด้วยวิธีนี้ และนั่นคือจุดกำเนิดของธุรกิจโลงศพแฟนซีที่มีเฉพาะในเขตเตเชในราว ค.ศ. 1940”ลุงโคฟี่เล่ารัว ๆ
ผู้ริเริ่มธุรกิจที่ลุงกำลังกล่าวถึงนั้นเป็นช่างไม้ในเตเชที่มีชื่อว่าSeth Kane Kwei (ค.ศ. 1922 – 1992)และยังเป็นธุรกิจที่ครอบครัวยังรักษาและสืบทอดต่อมาจนถึงปัจจุบัน
“คนที่สั่งให้ร้านต่อโลงศพมักจะต้องขบคิดว่าอยากให้ผู้อื่นระลึกถึงผู้ตายอย่างไร... อย่างโลงศพรูปเครื่องบินมักเป็นศพของผู้ที่เคยทหารอากาศ กัปตันหรือพนักงานต้อนรับของสายการบิน หรือไม่ก็คนชอบเดินทางท่องเที่ยว......
“พวกโลงรูปปลาก็สำหรับชาวประมง โลงที่เป็นรูปรถหรู ๆ นี่ก็มีประจำ ส่วนมากสำหรับศพนักธุรกิจ หรือคนที่อยากนั่งรถหรูไปสวรรค์.... ทั้ง ๆ ที่ในชีวิตจริงอาจไม่เคยได้นั่งเลยก็ได้” ลุงโคฟี่บรรยายไปด้วยพร้อมนำชมโรงงานซึ่งกำลังขึ้นโครงโลกศพรูปรถหรูยี่ห้อหนึ่ง
ผมทราบมาว่าถ้าหากสนใจจะสั่งล่ะก็ ต้องสั่งล่วงหน้านานเหมือนกันนะครับ เพราะใช้เวลาต่อประมาณ 3 เดือน ดังนั้นบางโลงก็เป็นโลงที่ผู้ตายเลือกไว้เอง สั่งให้ทำไว้ก่อนล่วงหน้า บอกลูกหลานให้รับทราบและเก็บไว้จนถึงนาทีที่ต้องใช้จริง ๆ นอกจากนี้โลงศพแฟนซียังมีบริการส่งไปได้ทุกที่ทั่วโลก
ความจริงศิลปินโลงศพแฟนซีที่มีชื่อเสียงระดับโลกนั้นมีชื่อว่าPaa Joe และเป็นลูกศิษย์คนสำคัญของ Seth Kane Kwei ผู้ริเริ่มศาสตร์โลงศพแฟนซีนี้
Paa Joe เคยนำผลงานของเขาไปแสดงที่หอศิลป์สำคัญ ๆ ทั่วโลกมาแล้วมากมายหลายที่ อย่างเช่น Centre George Pompidou ในปารีสหรือ Victoria & Albert Museum ในลอนดอนเป็นต้น
เป็นที่น่าเสียดายว่าเราไม่มีโอกาสไปดูงานของ Paa Joe เลยระหว่างที่เดินทางอยู่ที่กานา
ร้านผลิตโลงศพแฟนซีร้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่มาก คนงานจำนวนหนึ่งมาร่วมเดินด้วยกันกับเราด้วยเพื่อช่วยตอบคำถาม และเราได้แวะไปแอบดูบ้านของพวกเขาที่ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันเพื่อดูชีวิตความเป็นอยู่ของเขา
ที่บ้านหลังเล็ก ๆ เราพบหนูน้อยหน้าตาน่ารักอายุไม่กี่เดือนส่งยิ้มหวานมาให้จนเราต้องเข้าไปถ่ายรูปกันหลายช็อต เด็กอื่น ๆ ก็กำลังช่วยกันอาบน้ำให้น้องคนเล็ก คุณแม่กำลังปั้น Kenkey ด้วยแป้งข้าวโพดหมักกลิ่นตุ ๆ .....นั่นคือภาพชีวิตชาวกานาที่เราแอบสำรวจกันเล็ก ๆ น้อย ๆ
ก่อนกลับออกมา คำถามที่คาใจผมคือโลงศพรูปกระเจี๊ยบนี่คนสั่งคิดอะไรอยู่ และเขาอยากไว้อาลัยผู้ตายยังไงนะ อาจเป็นไปได้ว่าเธอคือคนทำครัว หรือเป็นภรรยาที่ทำกับข้าวอร่อยมาก ๆ ก็เป็นได้
ผมแอบคิดว่าถ้าถึง“วันนั้น”ของผมบ้าง วันที่ผมต้องเดินทางไกลอีกครั้งจากภพนี้ไปอีกภพหนึ่ง ผมจะอยากได้โลงที่ดีไซน์แบบไหน?เครื่องบิน? ลูกโลก? หนังสือเดินทาง? หรืออะไรดี.......
หรือความจริงสิ่งที่ดีกว่าก็คือ“ความไม่มีตัวตน”เป็นแค่ชีวิตหนึ่งที่เกิดขึ้นมาและผ่านไปโดยไม่ต้องมีความหมายใด ๆ ไม่ต้องมีใครต้องจดจำอะไร.... เพียงผ่านมา แล้วก็ผ่านไปแบบ “เจ้าก็ไปตัวเปล่าเหมือนเจ้ามา”
อืม..... ไม่เลว ไม่เลว
STORY BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์
PHOTOS courtesy of (ขอบคุณภาพจาก)
ดวงฤทัย พุ่มชูศรี Facebook Ning’s Homemade
นนทวัฒน์ พุ่มชูศรี