เจาะลึกมหากาพย์คดีหมิ่นประมาท “จอห์นนี เดปป์ - แอมเบอร์ เฮิร์ด”
DISCLAIMER: ขอออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนไม่สามารถเรียกตัวเองว่าแฟนพันธ์ุแท้ของจอห์นนี เดปป์ (ต่อจากนี้ขอเรียกว่า “ป๋า”) และผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ด้านกฎหมายแต่อย่างใด สิ่งที่จะรวบรวมมานี้เกิดจากการรับฟังศึกษาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ เป็นเวลาเกือบ 2 เดือน
PROLOGUE: นานก่อนที่ #JohnnyDeppvAmber จะ trending ในทุกมีเดีย ป๋าและแอมเบอร์ (หลังจากนี้ขออนุญาตเรียก “แอ๋ม”) มีความสัมพันธ์ที่โรแมนติกมาหลายปี ทั้งคู่พบกันครั้งแรกในปี 2009 โดยทำงานร่วมกันในกองถ่าย The Rum Diary ในเวลานั้น ทั้งสองก่อความสัมพันธ์กัน ในขณะนั้นป๋ายังมีความสัมพันธ์กับนักร้องชาวฝรั่งเศส Vanessa Paradis แม่ของลูกสาวของ Lily-Rose และลูกชายของ Jack ในขณะที่ แอ๋มอยู่กับภรรยา Tasya van Ree (ใช่คะแอ๋มเป็นไบเซ็กช่วล) ทั้งสองมาคบกันจริงจังปี 2012 เมื่อทั้งคู่เลิกรากับคู่ของตนแล้ว (แต่นั่นแหละ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่มีในก่อไผ่ก่อนหน้านี้) อันนี้ไม่ได้ทึกทักเองค่ะ เพราะในระหว่างการพิจารณาคดีป๋ามียอมรับค่ะว่าเขาเริ่มปิ๊งแอ๋มในกองถ่ายในปี 2011
รวบตึงหลังจากคบกันได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็ตัดสินใจแต่งงานกันในปี 2015 ค่ะ แต่ชีวิตสมรสของพวกเขามีอายุสั้นเหลือเกิน แอ๋มฟ้องหย่าและทั้งคู่ตกลงการหย่าร้างนอกศาลในปี 2017 แอ๋มหอบเงิน 7 ล้านดอลลาร์ไป และประกาศว่าจะบริจาคเพื่อการกุศลทั้งหมด (ซึ่งอันนี้เป็นประเด็นในศาลเช่นกัน เมื่อเธอโดนทนายป๋าจับโป๊ะได้ว่ายังไม่ได้บริจาคตามที่โฆษณาไว้)
เรื่องน่าจะจบที่การหย่า แต่เปล่าเลย เรื่องราวดำเนินไม่หยุดหย่อนจนมาพีคที่การขึ้นศาลครั้งล่าสุดที่เป็นหัวข้อข่าวให้เม้าส์เอ๊ยวิเคราะห์กันสนั่นโลกนี้ ไปค่ะเราไปต่อกันเรื่องคดีของป๋ากับแอ๋ม รวมถึงสาเหตุที่ต้องฟ้องร้องแต่แรก และผลที่คาดจากการพิจารณาคดี
ทำไมป๋า "จอห์นนี เดปป์" ต้องฟ้อง
จอห์นนี เดปป์ฟ้องแอมเบอร์ เฮิร์ดในคดีหมิ่นประมาทด้วยเงิน 50 ล้านดอลลาร์ จากการตีพิมพ์บทบรรณาธิการ (Op-ed)ของเธอในเดอะวอชิงตันโพสต์ ในเดือนธันวาคม 2018 ซึ่งเธอบอกว่าตัวเองเป็นเหยื่อของความรุนแรงในครอบครัว (Domestic Violence) แม้ว่าบทความ [Amber Heard: I spoke up against sexual violence — and faced our culture’s wrath. That has to change] จะไม่ได้กล่าวถึงชื่อจอห์นนี่ แต่คุณขา เด็กป.4 ก็รู้ว่าเธอหมายถึงใคร ด้วยระยะเวลาของบทความกับการหย่าร้าง มันเอื้อให้ประชาชนสรุปได้ว่าป๋าเป็นผู้ทำร้ายเธอ
ป๋าลุกขึ้นมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเรื่องการล่วงละเมิดและฟ้องแอ๋มอดีตภรรยาของเขาในข้อหาหมิ่นประมาท ในปี 2019 โดยอ้างว่าบทความของเธอก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวชื่อเสียงและการเงินของเขาโดยทำให้เขาหลุดจากภาพยนตร์แฟรนไชส์ฟอร์มยักษ์ เช่น Pirates of the Caribbean และ Fantastic Beasts ในส่วนของแอ๋มก็ไม่น้อยหน้า เธอฟ้องจอห์นนี่กลับเป็นเงิน 100 ล้านดอลลาร์ ตรงนี้มีคนแซวกันเยอะว่าแอ๋มฟ้องค่าเสียหายสูงกว่าป๋าซึ่งเป็นดาราแถวหน้าถึงเท่าตัว
ก่อนหน้าคดีหยุดโลกนี้ ป๋าเคยแพ้มาแล้วในการฟ้องหมิ่นประมาทหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์เดอะซันของอังกฤษ ที่พาดหัวใช้คำว่า “Wife Beater” (คนตีเมีย) กับเขา ป๋าแพ้คดีในศาลอังกฤษปี 2020 ต่อมาการพิจารณาคดีของเขาในสหรัฐฯ ที่ ศาล Fairfax County รัฐเวอร์จิเนีย เริ่มขึ้นเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 สองปีหลังจากคดีที่อังกฤษ
จะเกิดอะไรขึ้นหลังการตัดสิน
แม้ว่าเราจะเห็นป๋าและแอ๋มมาตลอดเวลาเกือบสองเดือนในศาล แต่มีการออกมาคอนเฟิร์มแล้วว่า ป๋าจะไม่มาศาลในการอ่านตัดสินในคดีนี้ ในขณะที่คาดว่าคำตัดสินจะออกมาหลังวันอังคารที่ 31 พ.ค. (เนื่องจากว่าวันจันทร์เป็นวันหยุดในสหรัฐฯ)
หากป๋าชนะคดี นั่นหมายความว่าคณะลูกขุนตัดสินให้แอ๋มหมิ่นประมาทเขาในบทความปี 2018 ของเธอในวอชิงตันโพสต์ และป๋าจะได้รับค่าเสียหาย เขาเรียกร้องค่าชดเชย 50 ล้านดอลลาร์แต่คณะลูกขุนอาจเสนอให้มากหรือน้อยกว่าที่เขาฟ้องได้ แต่ถ้าคณะลูกขุนตัดสินว่าแอ๋มไม่ผิด ไม่ได้ทำให้ป๋าเสื่อมเสียชื่อเสียง เธอก็ไม่ต้องชดใช้ค่าเสียหายใดๆ เลย ต้องเข้าใจก่อนว่านี่เป็นคดีแพ่ง เพราะฉะนั้นถึงน้องแอ๋มจะผิด ก็ไม่มีการติดคุกใดๆ ค่ะ
ในทางกลับกัน ไม่ว่าเธอจะชนะหรือแพ้เธอก็จะต้องรอดำเนินการพิจารณาคดีฟ้องร้องจอห์นนี่ 100 ล้านดอลลาร์ของเธอ
การแถลงปิดคดีทนายป๋าร้องขอชีวิตป๋าคืน
การแถลงปิดคดีถ่ายถอดสดมาราธอนที่ดำเนินต่อเนื่องกว่า 6 สัปดาห์ มาถึงบทสรุปวันที่ 27 พ.ค. เมื่อทนายทั้งสองฝ่ายกล่าวสรุป ทนายของป๋า Camille Vasquez หรือคามิลล์ ทนายสาวขวัญใจแฟนๆ ป๋า บอกกับคณะลูกขุนว่าแอ๋มโกหกคำโต แถมยังจัดฉากภาพและแต้มแต่งส่งมาเพื่อเป็นหลักฐาน เธอบอกว่าวันนี้ (ศุกร์ที่ 27 พ.ค.). เป็นเวลาหกปีพอดี “เราขอให้คุณคืนชีวิตให้กับเดปป์โดยบอกโลกว่าเขาไม่ใช่คนทำร้ายมิสเฮิร์ด” และขอให้น้องแอ๋มรับผิดชอบต่อการโกหกของเธอ
คามิลล์ทำได้ดีสะใจด้อมป๋าเช่นเคย เธอบอกว่ามีผู้หญิงจำนวนเหลือเกินที่ต้องพบเจอความรุนแรง แต่เรื่องราวที่น้องแอ๋มบอกมามันมีช่องโหว่มากมายเกินกว่าจะเชื่อได้
ทนายสาวย้ำว่ามันช่างเป็นการกระทำที่โหดร้าย ไม่ใช่แค่กับป๋าแต่กับผู้รอดชีวิตจากการถูกทารุณกรรมในครอบครัวตัวจริงทุกคน ทที่แอ๋มยกตนเป็นตัวแทนเรื่องนี้แต่เป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
เธอเรียกร้องให้คณะลูกขุนนึกดูว่าถ้าป๋าทำจริงผิดจริง เขาจะลำบากมาขึ้นโรงขึ้นศาลทำไม
เบน (Benjamin Chew) ทนายป๋าคนดังย้ำต่อจากคามิลล์ว่า Me Too เป็นขบวนการเคลื่อนไหวที่สำคัญ และป๋าเองก็ให้การสนับสนุน การเคลื่อนไหวนี้มีไว้สำหรับผู้รอดชีวิตจากการถูกกระทำตัวจริง ไม่ใช่แอ๋ม
ในกรณีนี้แอ๋มไม่ใช่เหยื่อตัวจริงและป๋าไม่ใช่ผู้ข่มเหง เบนกล่าวได้อย่างคมว่า “This is the unique and singular 'Me Too' where there's not a single 'Me Too'."
เบนตอกกลับทนายฝ่ายแอ๋มว่า "ไม่เคยอ้าง" ว่าเป็นนักบุญ และลูกความของเขายอมรับว่าต้องดิ้นรนต่อสู้กับแอลกอฮอล์และยาเสพติด แต่ปัญหาเหล่านั้นไม่ได้ทำให้เขากลายเป็นผู้ทำร้ายใคร เขายอมรับข้อบกพร่องของเขา เขาบอกคุณทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาแต่เขาได้ทำร้ายใครหรือใช้ความรุนแรงอย่างที่แอ๋มกล่าวอ้าง “เขาไม่สมควรที่จะมีชีวิตที่ถูกทำลายด้วยการโกหกที่ชั่วร้าย”
คามิลล์ กล่าวปิดอย่างสวย ๆ ว่า "วันนี้ วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 ... เราขอให้คุณคืนชีวิตให้กับมิสเตอร์เดปป์ด้วยการบอกโลกว่ามิสเตอร์เดปป์ไม่ใช่คนทำร้ายอย่างที่มิสเฮิร์ดกล่าวหา และขอให้นางเฮิร์ดรับผิดชอบต่อการโกหกของเธอ "
ส่วนเบนนั้น กล่าวปิดด้วยเสียงสั่นเครือว่า “It's about showing Mr Depp's children Lllyrose and Jack that the truth is worth fight for, it is.” คือให้ลูกๆ ของป๋า ลิลี่ โรส และแจ็ค รู้ว่าต้องต่อสู้เพื่อความจริงเพราะมันคุ้มค่า
ทนายแอ๋ม: ถ้าแอ๋มถูกป๋าทำร้ายแม้แต่ครั้งเดียว เธอก็ชนะ
ทนายของแอ๋ม นำโดยอีเลน (Elaine Bredehoft) และเบนจามิน (Benjamin Rottenborn) ก็ทำหน้าที่ได้ดีมากเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อหลายคนถอนใจกับหลักฐานหลายชิ้นที่โดนจับโป๊ะได้ งานของฝั่งแอ๋มดูจะเป็นงานยากมาก ๆ มีผู้สังเกตการณ์ที่ศาลกล่าวว่าเมื่อจบการกล่าวปิด มีคนเห็นสองเบน Chew และ Rottenborn จับมือกันด้านนอก ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จลุล่วง
เบนจามิน ใช้ข้อกล่าวโต้ได้ดี ต้องขออนุญาตไม่แปลตรง ๆ เพราะอาจจะเสียอรรถรส "If you didn't take pictures, it didn't happen. If you did take pictures, they're fake. If you didn't tell your friends, you're lying. If you did tell your friends, they're part of the hoax. If you didn't seek medical treatment, you weren't injured. If you did seek medical treatment, you're crazy. If you do everything that you can to help your spouse, the person you love, rid himself of the crushing drug and alcohol abuse that spins him into (a) rage filled monster you're a nag."
ตรงนี้เบนจามินโต้แย้งข้อสงสัยและการกล่าวหาจากทนายฝั่งป๋าได้ดีทีเดียว คือถ้าทำอะไรก็ถูกมองว่าผิดหรือโกหกได้ มีการถ่ายรูปหรือไม่มีรูป ไปหาหมอหรือไม่หา (หลังจากถูกกระทำ) นอกจากนี้เบนจามินยังลดตัดทอนพยานฝั่งป๋าที่มีมากมายว่า “พยานที่มิสเตอร์เดปป์แห่แหนมาศาลนี่ … พวกเขารับเงินเดือนของเดปป์เกือบทั้งหมด” ใช่สิพวกเขาก็ต้องเข้าข้างเจ้านาย ว่าซั่น
ส่วนอีเลนทนายความของแอ๋ม บอกคณะลูกขุนว่าที่น้องแอ๋มยังไม่ได้บริจาคเงินให้ตามที่ประกาศไว้เพราะเธอต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้กับทีมกฎหมายของเธอเป็นจำนวนเงินมากกว่า 6 ล้านเหรียญ หลังจากการหย่าร้างจากเดปป์ แล้วยังต้องต่อสู้กับ “smear campaign”อีกด้วย
“มิสแอมเบอร์ได้พูดมากพอแล้ว enough (มากพอ) เราขอให้คุณให้ผู้ชายคนนี้รับผิดชอบในสิ่งที่เขากระทำ”
อีเลนทำได้ดีมาก ๆ จนไม่คิดว่าหลังจบการแถลง จะมีคนเห็นเธอร้องไห้ เพราะความกดดัน นอกจากนี้ยังมีคนเห็นเธอร้องไห้หลายครั้ง และจมูกแดงเข้าห้องพิจารณาคดีด้วย
PART II Q&A เรื่องที่ถามกันบ่อยก่อนคำพิพากษา คลิกที่นี่