เคล็ดลับเรียนเก่ง จากเด็กหลังห้องสู่โต๊ะทองเซนต์คาเบรียล
เมื่อเกือบร้อยปีก่อน เด็กนักเรียนที่สอบได้ที่หนึ่ง จะได้นั่ง “โต๊ะทอง” ประเพณีนี้เชื่อว่ามีที่มาจากโรงเรียนราชินี เมื่อครั้งได้รับพระราชทานโต๊ะไม้สักเขียนลายทอง สลักพระปรมาภิไธย จปร ซึ่งเป็นเครื่องสังเค็ดในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพรัชกาลที่ 5 ทางโรงเรียนนำไปจัดเป็นโต๊ะสำหรับนักเรียนทีหนึ่งของชั้น และต่อมาได้สร้างเพิ่มเป็นโต๊ะทองสลักตราประจำโรงเรียน
สมัยที่พ่อ (โสรัจ สุจริตกุล, รูปนั่งขวาสุด) เรียนเซนต์คาเบรียล ทางโรงเรียนก็มีโต๊ะทองให้เด็กที่หนึ่งของชั้นเช่นกัน แต่ในวัยมัธยมต้นพ่อไม่มีโอกาสได้นั่ง เพราะเรียนได้เกือบที่โหล่ หนีไปว่ายน้ำเกาะเรือโยง งมกุ้งในแม่น้ำเจ้าพระยา และถูกมาสเตอร์ตีอยู่เป็นประจำ จนกระทั่ง พระสุจริตสุดา (เปรื่อง สุจริตกุล) คุณป้าซึ่งเป็นผู้ปกครองของพ่อทราบเข้า จึงเรียกไปชำระความ ตามที่พ่อเล่าไว้ในบันทึกว่า
“ย้อนกลับไปเมื่ออายุ 14-15 ปี ผมเรียนหนังสือแย่เอามาก ๆ สอบไล่ได้ที่ลำดับท้าย ๆ ของชั้นเรียน คุณป้าซึ่งเป็นผู้ปกครองและส่งเสียให้เรียนหนังสือ เรียกไปดุและสั่งให้ผมสวดมนต์ทุกวัน อย่างน้อยวันละหนึ่งจบ สวดบทสรรเสริญพระรัตนตรัย คืออิติปิโส ภควา สั้นๆ นั่นแหละ! ผมสวดมนต์ตามที่ท่านสั่ง ปรากฏว่าภายในเวลา 2 ปี การเรียนของผมดีขึ้นตามลำดับ จนสุดท้ายสอบได้อยู่ในกลุ่มเรียนดี” และต่อมาถึงขั้นได้นั่งโต๊ะทองของเซนต์คาเบรียลเลยทีเดียว
“ไม่มีใครอธิบายให้ผมทราบเลยว่า เหตุใดสวดมนต์แล้วจึงเรียนดีขึ้น จนต่อมาอีกหลายสิบปี ผมจึงอ่านหนังสือพบว่า การสั่นสะเทือนของเสียงบางประเภทมีผลกระทบต่อมันสมอง และสมรรถภาพจิตเป็นอันมาก กระทบทั้งในทางลบและทางบวก แล้วแต่ประเภทของเสียง
หนังสืออธิบายว่าเสียงสวดพระพุทธมนต์เป็นสื่อของพลังอำนาจอันศักดิ์สิทธิ์ของพระพุทธเจ้าและพลังอันดีงามอื่น ๆ ในจักรวาล ซึ่งถ้าเปิดใจรับอย่างถูกวิธี ความสั่นสะเทือนของเสียงอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะซึมแทรกเข้าไปในจิตใต้สำนึก แล้วฉุดดึงให้พลังสมรรถภาพที่เก็บกดอยู่ในส่วนลึกของจิตโผล่โฉมขึ้นมา เป็นผลให้เกิดความสงบ ความกระจ่างใส ทำให้เฉลียวฉลาด สามารถเรียนรู้และเข้าใจเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วยิ่งขึ้น
ปรากฏการณ์เนนี้ ก็ทำนองเดียวกับการฟังบทเพลงอันยิ่งใหญ่ที่เสียงดนตรีมีพลังอำนาจ สามารถฉุดดึงอารมณ์และจิตวิญญาณส่วนลึกของผู้ฟังขึ้นมาได้ การฟังเสียงสวดมนต์นั้น (ศาสนาใดก็ได้ คนอื่นหรือตนเองสวดก็ได้) จะได้ผลก็ต่อเมื่อเราเชื่อมั่นในคุณพระรัตนตรัยหรือพลังอำนาจแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะนำความดีงามมาสู่ชีวิตเรา และเปิดตัวเปิดใจอย่างเต็มที่ให้แก่การสั่นสะเทือนของเสียงอันเป็นสื่อของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น
มีอยู่ 2-3 ครั้งที่ผมฟังพระสงฆ์ท่านสวดมนต์อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วเกิดความสงบสบายทั้งกายและใจอย่างอธิบายไม่ถูก มากกว่าการได้นอนหลับพักผ่อนอย่างดีมา 7-8 ชั่วโมงเสียอีก ความสุขสบายนั้นไม่ได้อยู่ที่ไหนไกลๆ หรอก อยู่ภายในใจของเรานี่เอง อยู่ที่เราอยากจะดึงขึ้นมา และรู้วิธีดึงหรือไม่เท่านั้น”
ใครที่กำลังรู้สึกหมดไฟ ขาดสมาธิในการทำงาน หรือเตรียมตัวสอบแข่งขัน จะลองใช้วิธีนี้ดูก็ได้ไม่เสียหาย...
ข้อมูลโต๊ะทองจาก https://sirindhornmusiclibrary.li.mahidol.ac.th/hall_of_fame/thai-musicians198/