HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
K: กลยุทธ์แห่งราชา ในแบบฉบับของ Dolce & Gabbana
by วรวุฒิ พยุงวงษ์
11 ธ.ค. 2562, 01:47
  1,614 views

        กลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อรองรับพฤติกรรมการซื้อของคนยุคใหม่ และคนกลุ่มใหม่ ทั้งในแง่ของกลุ่มชาติพันธุ์ และกลุ่มวัย ส่งผลต่อการตั้งชื่อน้ำหอมด้วยเช่นกัน อย่าง K อันย่อมาจาก King ถูกนำมาใช้เป็นชื่อน้ำหอมผู้ชายกลิ่นใหม่จาก Dolce & Gabbana เจ้าของความหรูหราฟู่ฟ่าทางการออกแบบ เพื่อถ่ายทอดความตระการตาทุกแง่มุมของความเป็นอิตาเลียน ตั้งแต่ทัศนียภาพทางภูมิประเทศ, สถาปัตยกรรม, วิถีการดำเนินชีวิต และรสนิยมด้านการแต่งกายมาสู่แนวกลิ่นที่ผู้ชายทั้งหลายอาจคุ้นเคย (เพื่อเข้าถึงได้โดยง่าย) กระนั้นกลับมีความแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง (เพื่อมอบความสดใหม่ที่ผู้ชายทั้งหลายในปัจจุบันปรารถนา) นั่นก็คือความทันสมัยของแนวกลิ่นน้ำมันสมุนไพรหรืออะโรมาติก” (aromatic) อันถือเป็นบุคลิกสำคัญของน้ำหอมตระกูลฟูแฌร์ (fougère) ซึ่งตามธรรมเนียมดั้งเดิม ถูกยกให้เป็นกลุ่มน้ำหอมสำหรับผู้ชายเป็นหลักเหมือนกับที่น้ำหอมกลิ่นดอกไม้เป็นของผู้หญิง

         

        อย่างไรก็ตาม ในความเป็น K สิ่งแรกที่สะดุดตาย่อมมาจากฝาครอบจุกหัวฉีดทรงมงกุฎทองรมดำรองรับยอดโดมลาพิซ ลาซูลิสีน้ำเงินสด เช่นเดียวกับตรามงกุฎเหนือตัวอักษร K บนขวดน้ำหอม เพื่อบ่งบอกถึงการเป็นราชาผู้ปกครองอาณาจักรในชีวิตประจำวันของตัวเอง เป็นราชาในบ้าน ในที่ทำงาน เป็นราชาของครอบครัว ราชาแห่งผองเพื่อน และเหนืออื่นใด คือราชาผู้กำหนดชีวิตของตัวเอง

        “ออกจะดูโอหังไปนิดในการเรียกตัวเองว่าเป็นราชา แต่ถ้าเราเข้าใจว่า จริงๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องของความรู้สึกเป็นตัวของตัวเอง หรือแสดงตัวตนที่แท้จริงของเราออกมาอย่างสบายๆ เป็นธรรมชาติในทุกสถานการณ์ นั่นแหละคือความหมายที่แท้จริง มาริอาโน ดิ วาโญ public figure และ influencer ชื่อดังระดับโลกผู้ถูกเลือกให้เป็นนายแบบประจำน้ำหอมกลิ่นนี้กล่าว ในฐานะที่เป็นผู้ชาย อันดับแรก เราจำเป็นต้องเป็นราชาอยู่ในใจของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นสามีที่ดีที่สุด หรือพ่อที่ดีที่สุด จากนั้นก็พยายามเพื่อจะเป็นให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ พอผมเข้าใจในคุณค่าหลักของน้ำหอมกลิ่นนี้ ผมก็ตื่นเต้นจริงๆ ที่จะได้เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์นี้

       

        ในขณะเดียวกัน เราทุกคนคงยังจำได้ (หรือยังใช้) Light Blue น้ำหอมซึ่งมอบกลิ่นอันทรงแบบฉบับของ Dolce & Gabbana อยู่ หรือบางคนอาจปลื้มแนวกลิ่นไม้กำยานกรุ่นไอเย้ายวนรุนแรงของ The One การก้าวเข้ามาของ K คือจุดหักมุมอีกรูปแบบ

        “โดลเช แอนด์ กาบบานาต้องการน้ำหอมที่มีความทันสมัย หากในขณะเดียวกันก็ต้องถ่ายทอดแก่นแท้แห่งความเป็นผู้ชายอิตาเลียน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากรกรากที่มา และทัศนียภาพชนบทอิตาเลียน ดาฟเน บูฌีย์ หนึ่งในคู่นักออกแบบน้ำหอมสำหรับโครงการนี้ ทบทวนถึงจุดเริ่มต้นในการวางกรอบโครงสร้างกลิ่น แบรนด์ต้องการอะไรบางอย่างที่มีกลิ่นของไม้ และจากจุดนั้น ดิฉันก็คิดถึงการผสมผสานหัวน้ำหอมตระกูลไม้เข้ากับตระกูลเครื่องเทศที่มีความเผ็ดร้อน อย่างปิเมนโต้ที่นำมาใช้

        โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้พริกสเปนปิเมนโต้ หรือพริกไทยเชอร์รี (ผลพริกไทยลูกกลมคล้ายเชอร์รี) ซึ่งเป็นหัวน้ำหอมอันยากจะมีคนนำมาใช้ในการปรุงน้ำหอม ถือเป็นการตัดสินใจเลือกที่ออกจะกล้า บ้าบิ่น และท้าทาย อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นแฟนแฟชั่น Dolce & Gabbana ก็อาจคุ้นเคยกับลายพิมพ์พริกปิเมนโต้บนผืนผ้าในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ดี เนื่องจากคู่นักออกแบบแฟชั่นถือว่าพริกสเปนเป็นสัญลักษณ์นำโชคตามความเชื่อของซิซิลี

        และดูเหมือนว่าการใช้พริกสเปนกับหัวน้ำหอมตระกูลไม้กลับเข้ากันได้อย่างลงตัวตามที่นาธาลี ลอร์สัน ซึ่งเป็นผู้ร่วมออกแบบกลิ่นอีกคนได้อธิบาย โดยให้เหตุผลในเชิงการแข่งขันอย่างรุนแรงทางการตลาดน้ำหอมของผู้ชายที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

        “ปัจจุบันเป็นการยากอยู่ในการสรรค์สร้างผลงานให้มีความสดใหม่ ทันสมัย กระนั้นก็ต้องอยู่ในกระแสความนิยมหรือที่เรียกกันว่าเข้าเทรนด์อีกทั้งยังต้องกลายเป็นผลงานซึ่งมีความ timeless หรือคงอยู่เพื่อเป็นที่ชื่นชอบต่อไปในทุกยุคสมัย นาธาลี ลอร์สันอธิบาย โจทย์ท้าทายความสามารถของเราก็คือ การนำบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งเป็นตัวแทนรกรากความเป็นอิตาลีมาเล่าใหม่ ให้มีความทันสมัย มีความสดใหม่ น่าตื่นเต้น แน่นอน ผู้ชายทั้งหลายเคยชิน และนิยมใช้น้ำหอมแนวกลิ่นน้ำมันสมุนไพรในตระกูลฟูแฌร กระนั้น พวกเขาก็อยากได้อะไรที่มีความแปลกใหม่บ้าง เพื่อทำให้ตัวเองดูทันสมัยขึ้น การเติบโตทางกระแสความนิยมของตลาดน้ำหอมเฉพาะกลุ่มหรือ niche เมื่อไม่กี่ปีมานี้ ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่แสดงให้เราเห็นว่าจริงๆ แล้ว ผู้ชายก็อยากได้อะไรที่แตกต่างไปจากเดิม            

        K by Dolce & Gabbana จุดประกายความสดชื่นด้วยมะนาวซิซิเลียน, ส้มสีทับทิมหรือ blood orange, เกรพฟรุ้ต และจูนิเปอร์ เบอร์รี่ตามธรรมเนียมการปรุงน้ำหอมตระกูลฟูแฌร์ที่เริ่มต้นด้วยแนวกลิ่นสดชื่นของซิทรัส กระนั้นก็หักมุมด้วยการใช้พริกสเปน หรือปิเมนโต้แทรกลงไปตรงกลางระหว่างหัวน้ำหอมแนวกลิ่นน้ำมันสมุนไพรอันได้จากแคลรี เซจ และลาเวนดิน จึงทำให้เนื้อกลิ่นที่ควรเย็นสดชื่นเหมือนใบไม้เขียวกลับเจือไอเผ็ดร้อนคุกรุ่นราวกับจะสื่อถึงพลังแกร่งแห่งบุรุษราชันย์ ที่มาของแรงบันดาลใจในการออกแบบ และทวีเสน่ห์เย้ายวนแบบผู้ชายด้วยกลิ่นดินผสมกลิ่นไม้จากหัวน้ำหอมซีดาร์, แพ็ทชูลิ และรากหญ้าแฝก

        ผลลัพธ์ที่ได้?

        “ผมเป็นคนช่างเลือกนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาจะใช้น้ำหอม ดิ วาโญกล่าว และในฐานะนายแบบ ตัวแทนผลิตภัณฑ์ นี่ทำให้ผมกังวลใจจริงๆ ว่าตัวเองจะไม่ชอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่รู้ว่ามีการเติมปิเมนโต้ลงไปในหัวน้ำหอมตระกูลไม้กับซิทรัส มันไม่น่าจะเข้ากันได้ ฟังดูบ้ามาก แต่แล้ว น้ำหอมกลิ่นนี้กลับทำให้ผมตกหลุมรักได้ทันที

        “จะว่าไป ในเดือนแรกผมก็ฉีด K ไปจนแทบจะหมดขวดแล้ว!” คือการตบท้ายสมกับเป็นหนึ่งในสุดยอด influencer ระดับโลกขนานแท้!

PHOTO COURTESY OF BPT (Thailand) Co.

ABOUT THE AUTHOR
วรวุฒิ พยุงวงษ์

วรวุฒิ พยุงวงษ์

At boundary of athletics and beauty, I write and play

ALL POSTS