ทะเลสาบมาลาวี ทะเลสาบแห่งดวงดาว
1. ปริศนาแห่งภาพและเสียงของทะเลสาบแห่งดวงดาว
“ที่ Pumulani Lodge นี้เราไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณอินเตอร์เน็ต และเราไม่เปิดเพลงคลอตามล็อบบี้ด้วยนะครับ เราอยากให้แขกหลับไปกับเสียงบาบูน และเสียง.... เอิ่ม... เดี๋ยวคืนนี้คุณก็จะทราบเองครับ” ซอเรล ผู้จัดการของลอดจ์แห่งนี้หลิ่วตาและทิ้งปริศนานี้ให้ผมค้นหาด้วยตนเองต่อไป
“อ้อ... แล้วที่ Pumulani Lodge นี้เราจะใช้แสงเทียนเป็นหลัก เราจะไม่เปิดไฟสว่างนะครับ เราเพียงแค่วางไฟไว้ตามทางเดินเพื่อให้พอมองเห็นเท่านั้น เราอยากให้แขกเห็นภาพที่... เอิ่ม... เดี๋ยวคืนนี้คุณก็จะทราบเองครับ” ผู้จัดการคนเดิมหลิ่วตาพร้อมทิ้งปริศนานี้ไว้ให้ผมเป็นครั้งที่สองก่อนเสร็จสิ้นกระบวนการเช็คอินเข้าสู่ที่พักสุดสวยริมทะเลสาบมาลาวี (Lake Malawi) ในประเทศชื่อเดียวกันกับทะเลสาบแห่งนี้
ได้ ได้ ได้.... รอก็ได้ ตอนนี้ก็จะสี่โมงเย็นแล้ว อีกไม่นานก็จะ “คืนนี้” แล้วล่ะ คราวนี้ผมก็จะได้ไขปริศนาแห่งภาพและเสียงที่ซอเรลพูดถึงเสียที
เมื่อผมเดินไปเก็บของในห้องพักหมายเลขห้าแล้วผมก็ต้องอ้าปากค้างกับภาพทะเลสาบที่เห็นผ่านกระจกใส น้ำสีครามสวยกำลังเต้นระริกใต้เปลวแดดช่วงบ่ายคล้อย ทิวเขาที่รายล้อมอยู่ลิบ ๆ ช่างซ้อนตัวเรียงรายอย่างได้จังหวะ ความสวยงามของทะเลสาบนี้ไม่เป็นรองใครเลย
ผมนั่งมองทะเลสาบแสนสวยจากระเบียงห้องพักอย่างไม่รู้เบื่อหน่าย ยิ่งพอพระอาทิตย์ใกล้จะตกดิน แสงแดดยามเย็นช่วยย้อมท้องฟ้าจากสีแสดไปสู่สีส้มตามด้วยสีชมพูแล้วก็สู่สีม่วงอ่อน ผมรู้สึกเหมือนกำลังดูออเคสตร้าที่บรรเลงด้วยแสงและสีผ่านการเสพด้วยนัยน์ตาอยู่จนดวงอาทิตย์ดวงใหญ่ค่อย ๆ ลับเหลี่ยมเมฆผ่านทิวเขาและจมลงสู่ลงทะเลสาบในที่สุด .....และแล้วทุกอย่างก็อยู่ในความมืดมิด พร้อมลมเย็นจัดที่พรั่งพรูมาจนหนาวสะท้าน
ในคืนอันสงัด ผมเยี่ยมหน้าออกมายืนที่ริมระเบียง และแล้วผมก็เห็นหิ่งห้อยหลายสิบตัวกำลังบินไปมาระหว่างต้นไม้ต้นนู้นต้นนี้ ส่งแสงวิบ ๆ วับ ๆ และเมื่อผมปรายสายตามองไกลออกไปยังผืนทะเลสาบ ผมก็พบว่าพื้นทะเลสาบที่ดำสนิทนั้นกำลังมีแสงระยิบระยับเหมือนดาวเล็กดาวน้อยแผ่กระจายไปทั่ว นั่นคือแสงไฟจากเรือประมงมากมายหลายร้อยลำที่กำลังใช้ส่องล่อปลา และเมื่อผมเชิดหน้าขึ้นมองต่อไปบนท้องฟ้าที่มืดสนิท ดาวสว่างสุกใสนับร้อยนับพันดวงกำลังสบตากับผม
จากภาพที่ปรากฏตรงหน้า ผมคิดว่าผมเข้าใจภาพปริศนาที่ซอเรลพูดถึงแล้ว และผมก็เข้าใจว่าทำไม David Livingstone จึงตั้งสมญานามทะเลสาบแห่งนี้ว่า Lake of Stars ด้วยเช่นกัน และในขณะนั้นหูของผมก็ได้ยินเสียงเพลงพื้นเมืองดังแว่วมาตามลม ผมไม่สามารถจับคำพูดเป็นคำ ๆ ได้ แต่มันเป็นเสียงฮัมเพลงต่ำ ๆ ที่ลอยมาจากที่ไกลแสนไกล มาจากมุมนู้นมุมนี้ของทะเลสาบ ผมเชื่อว่าเป็นเพลงพื้นเมืองที่ชาวประมงร้องกันเวลาออกหาปลาตอนกลางคืน เสียงฮัมนี้เบามาก ๆ และเหมือนจะลอยมาตามแรงลมหนาวที่พัดกระพือมาเป็นระยะ ๆ บางครั้งก็มีเสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยของชาวประมงสอดประสานมาเบา ๆ อีกด้วย ผมรู้สึกว่าเสียงเหล่านี้เป็นสิ่งที่เติมเต็มภาพที่ผมเห็นตรงหน้าได้สมบูรณ์ที่สุด และผมก็เชื่อว่าผมสามารถไขปริศนาแห่งเสียงที่ซอเรลพูดถึงได้แล้วเช่นกัน
2. ดาวเด่นประจำทะเลสาบแห่งดวงดาว
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้า พรีเชียส (Precious) เจ้าหน้าที่ฝ่ายกิจกรรมแห่ง Pumulani Lodge เดินดิ่งมาที่ผมพร้อมเชิญชวนให้ไปพบกับดาวเด่นประจำทะเลสาบมาลาวี
“ที่ทะเลสาบมาลาวีมีเหยี่ยวกินปลาแสนรู้อยู่ 5 ตัว พวกมันฉลาดมาก ๆ ชาวประมงเคยลองโยนปลาหมอลงไปในน้ำ ปรากฏว่ามันโฉบลงมาจับปลานั้นไปกินต่อหน้าต่อตาเลย สนใจไปดูไหม?”
โห.... บิวด์มาขนาดนี้แล้วมีหรือที่ผมจะปฏิเสธ นอกจากไปดูเหยี่ยวกินปลาหรือ Fish Eagle แล้ว พรีเชียสยังเสนอว่า “มาถึงทะเลสาบมาลาวีทั้งทีก็ควรไปดำน้ำดูปลาหมอสีของมาลาวีด้วยนะ น้ำที่นี่ใสมาก ๆ และปลาหมอสีที่นี่ก็สวยมาก ๆ และเป็นพันธุ์พิเศษที่พบได้ที่นี่ที่เดียวในโลก” พรีเชียสยังคงบิวด์ต่อจนผมใจสั่น รีบวิ่งไปเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำให้พร้อมและเราก็ออกเรือทันที
เรือเร็วลำเล็กวิ่งฉิวไปบนพื้นน้ำสีครามใสโดยมีผมเป็นผู้ร่วมกิจกรรมนี้เพียงคนเดียว แดดจัดยามเช้าช่วยไล่ความหนาวได้บ้าง แต่ลมที่พัดแรงทำให้ผมต้องแอบนั่งห่อตัวในเสื้อแจ็คเก็ตกันลม เหยี่ยวกินปลาแสนรู้นั้นมีอยู่ 5 ตัว แต่ละตัวมีชื่อของมันด้วย ได้แก่ โอบาม่า (Obama), วุนดู (Vundo), ชัมโบ (Chambo), มาไซ (Masai) และอีเกิ้ล (Eagle) ...สงสัยตัวหลังนี่คนตั้งชื่อคงแอบหมดมุกแน่ ๆ
เราไปเยี่ยมโอบาม่าเป็นตัวแรกที่ต้นไม้ใหญ่ริมทะเลสาบ พรีเชียสหยุดเรือแล้วหยิบปลาหมอสดขนาดเท่าฝ่ามือออกมาจากถังน้ำแข็ง พรีเชียสเริ่มกรรมวิธีเรียกเหยี่ยวโดยการไปยืนเด่นอยู่ที่หัวเรือ ยกมือที่ถือปลาชูขึ้นเหนือศีรษะหันหน้าไปทางเหยี่ยวตัวเขื่องบนต้นไม้ใหญ่ เขาเป่าปากพร้อมเรียกชื่อโอบาม่าเสียงก้องก่อนโยนปลาลงสู่สายน้ำ ไม่กี่วินาทีต่อมาโอบาม่าก็โฉบลงมาจิกปลาหมอไปกินอย่างเท่ ....น่าตื่นเต้นมาก ๆ
เราล่องเรือต่อไปเพื่อไปหาอีเกิ้ล และพรีเชียสก็ทำเช่นเดียวกัน แล้วอีเกิ้ลก็ไม่ทำให้ผิดหวัง มันกางปีกบินอย่างสง่าลงมาโฉบปลาในทันที เราแล่นเรือต่อไปยังเจ้าชัมโบและมาไซ เจ้าสองตัวนี้ไม่ยอมให้ความร่วมมือ มันทำตัวเฉยแบบไม่สนใจปลาสดที่พรีเชียสโยนให้เลย สงสัยว่าจะอิ่มกันไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนตัวที่แสบสุดคือเจ้าวุนดูที่เมื่อโยนปลาไปแล้ว วุนดูทำเฉยแบบยี้ใส่ ผมตั้งกล้องคอยถ่ายวิดีโอไว้สักพักก็ไม่มา แต่พอผมเก็บกล้องเท่านั้น เจ้าวุนดูบินโฉบลงมาคว้าปลาไปทันที นายแน่มาก... วุนดู
เมื่อเสร็จสิ้นการชมดาวเด่นกลุ่มแรกก็ถึงเวลาดำน้ำลงไปเยี่ยมดาวเด่นกลุ่มที่สองนั่นคือเหล่าปลาหมอสี (Cichlid) แม้ว่าน้ำจะค่อนข้างเย็น แต่ผมก็ยินดีที่จะโดดตูมและดำดิ่งลึกลงไปในน้ำใสนั้น ทัศนวิสัยใต้น้ำดีมาก มองเห็นได้ไกล และผมก็พบหมู่ปลาหมอสีแสนสวยหลายต่อหลายตัวที่มีทั้งม่วง น้ำเงิน ฟ้า เหลือง เขียว น้ำตาล แดง ฯลฯ ละลานตาไปหมด ผมนั่งนิ่ง ๆ อยู่บนพื้นทรายใต้น้ำดูพวกมันว่ายไปมาอย่างเพลิดเพลินมาก ๆ จนพรีเชียสส่งสัญญาณมือว่าเวลาของเราหมดลงแล้วอย่างรวดเร็ว และก็ถึงเวลาที่ผมต้องอำลาดาวเด่นแห่งทะเลสาบมาลาวีกลับเข้าสู่ฝั่ง เพื่อไปทำกิจกรรมภาคบ่ายอันได้แก่การเดินป่ามองหานกสวย ๆ และลองพายเรือแคนูเลาะไปตามมุมสงบของทะเลสาบมาลาวี
3. ก่อนดาวเต็มฟ้าเหนือทะเลสาบแห่งดวงดาว
“พลาดอะไรก็ได้นะ แต่อย่าพลาดการล่องเรือตอนพระอาทิตย์ตกเด็ดขาดเลย ...มาให้ได้ทุกวันเลยนะ อย่าลืมนะ มาให้ได้ทุกวันเลยนะ” พรีเชียสคนเดิมยังคงชวนผมอย่างจริงจัง แถมย้ำด้วยว่าให้มาทุกวัน
แขกที่ Pumulani Lodge จะสามารถนั่งเรือดาว (Dhow) ออกไปชมทะเลสาบได้ทุกเย็นโดยบริการนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม เรามีหน้าที่พาตัวเองให้มาพบกับพรีเชียสที่ท่าเรือราว ๆ 17.00 น. เพื่อให้เขาได้ซักไซ้ไล่เลียงว่า
“จะดื่มอะไรตอนพระอาทิตย์ตกไหมครับ? มีเบียร์ ไวน์ แชมเปญ น้ำผลไม้ น้ำอัดลม ...ความจริงอยากดื่มอะไรเราก็มีหมดนะ” หรือ “จะทานอะไรระหว่างล่องเรือไหมครับ? มีปีกไก่ มีแซนด์วิชเล็ก ๆ มีพวกของขบเคี้ยว ...ความจริงอยากทานอะไรก็บอกได้นะ”
ผมไม่คิดจะดื่มหรือทานอะไรเลย แต่มักจะสนองศรัทธาของเขาด้วยน้ำส้มแฟนต้า 1 กระป๋องเท่านั้น เมื่อเขาเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้ว เรือดาวก็จะแล่นรับลมออกจากท่าราว ๆ 17.15 น. ล่องไปมาในทะเลสาบเพื่อรอชมพระอาทิตย์ตกดินราว ๆ 18.00 น. ก่อนจะล่องกลับสู่ท่าของลอดจ์ราว ๆ 18.30 น.
ความจริงเรือดาวเป็นของแปลกปลอมของทะเลสาบมาลาวี เพราะชาวบ้านที่อาศัยริมทะเลสาบแห่งนี้จะใช้เรือพายที่ขุดจากท่อนซุง หรือไม่ก็ยืนพายบนท่อนไม้ที่เกลาให้ปลายมนแบบ Surfboard ผู้ที่ยืนพายแบบนี้จะดู Cool มาก ๆ ประหนึ่งว่าเขามีวิชาตัวเบา สามารถเหาะเหินเดินบนผิวน้ำได้ ยิ่งถ้าพายเก่งจนเรือแล่นได้ฉิว ๆ ก็จะยิ่งเหมือนดูหนังจีนกำลังภายในเลยทีเดียว ผมพยายามหัดยืนพายเรือแบบนี้อยู่นานและพบว่ามันยากทีเดียว
ส่วนเรือดาวนั้น ความจริงจะวิ่งขึ้น ๆ ล่อง ๆ อยู่ในท้องทะเลริมฝั่งแอฟริกาตะวันออกในมหาสมุทรอินเดีย หาใช่อยู่ในทะเลสาบนี้ไม่ ตอนแรกผมก็แอบไม่ชอบเรือแปลกปลอมลำนี้เท่าไหร่ แต่ไป ๆ มา ๆ ก็ปลื้มเอามาก ๆ
อากาศที่ทะเลสาบมาลาวีในตอนพลบค่ำนั้นเย็นจนต้องคว้าเสื้อหนาวติดตัวมาด้วย เพราะเมื่อพระอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วลมหนาวจะพัดพรั่งพรูมาทันที บางครั้งแค่เรือวิ่งออกจากฝั่งก็ต้องใส่เสื้อหนาวเสียแล้วเพราะลมแรงจนสะท้าน... แต่พรีเชียสดูเฉยมาก ๆ
ทุกวันผมจะเป็นแขกเพียงคนเดียวของเขา พร้อมกับโจเซฟ ผู้ช่วยบังคับเรืออีกคน ผมก็ไม่ทราบว่าแขกคนอื่น ๆ ของลอดจ์แห่งนี้ไปไหนกัน ทำไมเขาไม่มาล่องเรือชมพระอาทิตย์ตกแบบนี้ มันสวยสงบมาก ๆ และไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงอย่างที่พรีเชียสบอกเอาไว้จริง ๆ
ผมไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ที่ไหนดวงกลมโตเท่าที่นี่มาก่อน สีส้มแสดสะท้อนลงผิวน้ำ มีเรือชาวประมงพายผ่านไปมาเป็นฟอร์กราวนด์ แต่ละนาทีที่ผ่านไปฟ้าก็จะเปลี่ยนสีเป็นแสด ชมพู และม่วงก่อนจะลับตา ผมพักอยู่ที่ Pumulani Lodge สี่วันเต็ม ๆ และผมก็มาล่องเรือกับพรีเชียสทุกวัน มีวันนึงที่ผมเผลอหลับไปในห้องตอนใกล้เวลานัดหมาย พรีเชียสลงทุนเดินมาเคาะประตูห้องผมด้วยตัวเองเลยทีเดียว
“ไม่สบายรึเปล่า? เห็นยูหายไปไม่มาที่ท่าเรือ เป็นห่วง ...อ้าว ยูก็ดูโอเคนี่ งั้นไปล่องเรือกันนะ เตรียมแฟนต้าน้ำส้มไว้ให้แล้ว” พรีเชียสรัวใส่เมื่อผมมาเปิดประตู ผมแอบยิ้มและเดินตามเขาไปล่องเรือดูพระอาทิตย์ตกดินอีกครั้ง
ได้ ได้ ได้.... พรีเชียส .... ฉันสัญญาว่าจะมารอพี่ที่ท่าน้ำทุกวันเลย เพราะฉันก็ติดใจการล่องเรือดาวตอนพระอาทิตย์ตกริมทะเลสาบมาลาวีเสียแล้ว
4. ดวงดาวเหนือทะเลสาบแห่งดวงดาว
ก่อนอาหารค่ำ ตอนทุ่มตรง ผมเดินฝ่าลมหนาวที่พัดพรูมาปกคลุมทะเลสาบมาลาวี เพื่อมาหาลุงก็อดฟรีย์ (Godfrey) เพราะหลังจากล่องเรือดูพระอาทิตย์ตกแล้วผมได้เดินสวนกับลุง และลุงบอกผมว่า “ค่ำนี้มาดูดาวกันให้ได้นะ”
เมื่อไปถึงริมหน้าผาที่ลุงนัดหมาย ผมก็ถึงกับหงายเงิบไปทันทีเมื่อเห็นกล้องส่องดูดาวที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มันเป็นกล้อง Telescope อย่างดี และดูมีชาติตระกูลจรรยามาก ๆ ตอนที่ลุงก็อดฟรีย์ชวนนั้น ผมคิดว่าเราคงมานั่งมองฟ้าและดูดาวนู้นดาวนี้กันขำ ๆ ด้วยตาเปล่า ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมาดูดาวด้วยกล้องระดับอภิมหาพรีเมี่ยมเช่นนี้ เย็นนั้นผมมีครอบครัวชาวอังกฤษสี่คนพ่อแม่ลูกมาร่วมดูดาวยามค่ำด้วยกัน และพวกเขาก็อ้าปากค้างเมื่อเห็นกล้องมหัศจรรย์นี้เช่นกัน
“ดาวพฤหัสเห็นชัดมาก ๆ มา มา มา มาดูกันเร็ว” เสียงลุงตื่นเต้นดีใจและนั่นยิ่งทำให้เราตื่นเต้นตามไปด้วย
ผมมองผ่านกล้องแล้วก็เห็นดวงดาวสุกสว่างมากมาย แต่มีอยู่ดวงหนึ่งที่ดวงใหญ่กว่าและดูแปลกตากว่าดวงอื่นด้วยสีที่ออกแสด ๆ ส้ม ๆ และเมื่อสังเกตดี ๆ ผมก็มองเห็นริ้วลายพาดผ่านไปมาบนดาวดวงนั้น มันคล้ายภาพเขียนดาวพฤหัสที่ผมเคยเห็นในตำราวิชาวิทยาศาสตร์สมัยเด็ก ๆ แต่ครั้งนี้ผมกำลังสบตากับดาวพฤหัสดวงจริง ตัวจริง เสียงจริง .... กรี๊ดดดดดด
“ดาวพฤหัสใหญ่กว่าโลกราว 100 เท่า และอยู่ไกลมาก ๆ ดาวพฤหัสต้องใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบถึง 4,330 วัน หรือประมาณ 11 ปีกว่า ๆ ในขณะที่โลกใช้เวลาเพียง 365 วัน” ลุงก็อดฟรีย์อธิบาย
“มองดี ๆ จะเห็นลูกกลม ๆ เล็ก ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ ดาวพฤหัส นั่นคือดวงจันทร์บริวาร ดาวพฤหัสมีดวงจันทร์รายล้อมอยู่ถึง 63 ดวงเลยนะ มีดวงจันทร์ดวงหนึ่งที่มีชื่อว่ากาลิเลโอ ซึ่งตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เขาในฐานะผู้ที่ค้นพบดวงจันทร์ในวงโคจรของดาวพฤหัสเมื่อ ค.ศ. 1610 และนี่คือความมหัศจรรย์มาก ๆ เพราะสมัยนั้นยังไม่มีกล้องที่มีประสิทธิภาพดีเช่นนี้” ลุงอธิบายในขณะที่ผมพยายามเล็งหาดวงจันทร์บริวารของดาวพฤหัส
“แล้วที่เห็นว่าดาวดวงนี้มีลายพาดผ่านเป็นริ้ว ๆ ก็เพราะว่าบนพื้นผิวดาวพฤหัสนั้นมีพายุฝุ่นพัดรุนแรงสวนกันไปมาจากทิศตะวันออกไปทิศตะวันตก และจากทิศตะวันตกไปทิศตะวันออก พายุฝุ่นพวกนี้พัดด้วยความเร็วสูงมากจนฝุ่นคลุ้งมาสู่บรรยากาศ ดังนั้นเราจึงเห็นริ้วพายุเหล่านั้นได้จากพื้นโลกเลยทีเดียว”
จากดาวพฤหัส ลุงใช้ตาเปล่าดูท้องฟ้า และกดปุ่มปรับองศากล้องอัจฉริยะนี้ก่อนเอาตาแนบอีกครั้ง แล้วตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “ดาวเสาร์ ดาวเสาร์ ดาวเสาร์ก็ชัด มา มา มา....”
ผมกับครอบครัวชาวอังกฤษถึงกับร้องเย่ !!! ออกมาพร้อมกัน เรารีบผลัดกันดูดาวเสาร์ด้วยตาเปล่าผ่านกล้องนี้
“กาลิเลโอเป็นผู้ค้นพบดาวเสาร์ในปี ค.ศ. 1610 เช่นเดียวกัน ดาวเสาร์อยู่ห่างจากโลกไปถึง 519 ล้านกิโลเมตร ตอนที่เขาค้นพบดาวเสาร์นั้น เขาคิดว่ามันเป็นดาวที่มีหู แต่ต่อมาจึงฟันธงว่านั่นคือวงแหวนที่วนเป็นวงกลมรอบดาวเสาร์” ลุงก็อดฟรีย์ให้ข้อมูลที่น่าสนใจอีกครั้ง ขณะที่ผมกำลังส่อง “ดาวมีหู” ที่สุกสว่างดวงนั้นอย่างตื่นเต้น ตื่นตา และตื่นใจ
ดาวเสาร์เป็นดาวที่ผมชอบมาก ๆ ตอนเด็ก ๆ ผมชอบวาดรูปดาวดวงนี้เป็นประจำเพราะมันมีวงแหวนไม่เหมือนใคร และวันนี้ผมได้สบตากับดาวดวงนี้ด้วยตาของตัวเองแล้ว
ลุงก็อดฟรีย์ขยับปรับองศากล้องไปมาและชวนเราดูดาวต่าง ๆ อีกพักใหญ่พร้อมกับเล่าเรื่องราวที่น่าสนใจมากมาย ลุงเป็นพนักงานฝ่ายกิจกรรมคนสำคัญของ Pumulani Lodge ลุงสนใจเรื่องดวงดาวมาก ๆ และศึกษาเรื่องดาราศาสตร์ด้วยตัวเองและเป็นคนชวนแขกดูดาวเสมอ
เวลาสองทุ่ม พนักงานจากห้องอาหารก็เดินมาตามพวกเราว่าถึงเวลาอาหารค่ำแล้ว และก็เป็นเวลาที่วิชาดูดาวก็จบลงไปด้วย ผมกล่าวขอบคุณลุงก็อดฟรีย์อีกครั้งสำหรับประสบการณ์และความรู้ที่ได้รับ
ผมละสายตาจากท้องฟ้าที่สุกสว่างด้วยดวงดาวไปยังพื้นทะเลสาบมาลาวีอันมืดมืด ในเวลานั้น เรือประมงหลายร้อยลำที่ลอยอยู่เหนือพื้นน้ำกำลังเปิดไฟเพื่อล่อปลาให้มาติดแห....และแล้วดาวบนผืนฟ้าก็เชื่อมกับดาวบนผืนน้ำอีกครั้งที่ทะเลสาบแห่งดวงดาว พร้อมกับที่ผมได้ยินเสียงเพลงพื้นเมืองแว่วมาเบา ๆ ตามสายลมเย็น
Image Contribution: Robin and Pop Safaris และโลจน์ นันทิวัชรินทร์