HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ตามหา “ซิมบา” ในป่ามาลาวี (ตอนที่ 1)
by โลจน์ นันทิวัชรินทร์
21 ส.ค. 2562, 15:18
  2,035 views

        1. “นา.... ซิงก้อนยา....”

        เสียงเพลง Circle of Life ดังกระหึ่มอยู่ในหัวผมตลอดเวลาตั้งแต่ผมตัดสินใจว่าจะออกเดินทางไปตามหา “ซิมบา” ด้วยตัวเองที่ทุ่งหญ้าป่าเขาในเขตประเทศมาลาวี (Malawi) ในภูมิภาคแอฟริกาตะวันออกโดยเฉพาะประโยคแรกของเพลงนี้ที่ร้องว่า “Nants ingonya...”

        ผมยังจำได้ดีว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีโอกาสชมละครเวทีหรือดูการ์ตูนเรื่อง The Lion King แล้วได้ยินเนื้อเพลง นา.... ซิงก้อนยา... ท่อนนี้แล้ว ผมจะเกิดอาการขนลุกซู่ ตื่นเต้น และฮึกเหิม ข้อความประโยคนี้เป็นภาษาซูลูที่แปลว่า นั่น... สิ่งโตมาแล้ว สรรพสัตว์ทั้งหลายจงเตรียมต้อนรับเจ้าป่าโดยพลัน

พาหนะในการท่องซาฟารี

        เวลาใคร ๆ จะไปเที่ยวซาฟารีเพื่อตามหา Big 5 โดยเฉพาะสิงโตนั้น เขาก็มักจะไปกันที่ทุ่งหญ้าสะวันน่าแถว ๆ ประเทศเคนยาหรือแทนซาเนีย ผมเองก็เคยคิดเช่นนั้นจนกระทั่งผมได้มีโอกาสอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับประเทศมาลาวี

เพื่อนใหม่มาทักทาย

        มาลาวีมีโครงการคืนสิงโตสู่ป่า (Lion Reintroduction) ที่เริ่มต้นอย่างจริงจังมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 และโครงการนี้ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงามเพราะสามารถเพิ่มจำนวนสิงโตได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 400 เปอร์เซนต์ อัตราการเกิดและอยู่รอดก็สูงขึ้นตามไปด้วย ข้อมูลดังกล่าวทำให้ผมเบนเข็มไปที่ประเทศมาลาวีทันที โดยมีอุทยานแห่งชาติมาเจเต้ (Majete) เป็นจุดหมายปลายทาง

       2. Mkulumadzi Lodge

       “มีแตรด้วยเหรอ ผมถามเฮนดริก (Hendrik) ผู้จัดการของ Mkulumadzi Lodge เมื่อเขาพาผมไปส่งที่กระท่อมหมายเลขหนึ่งที่อยู่ไกลสุดโต่งหลังจากเช็คอินเรียบร้อย

       มี... เอาไว้กดเพื่อไล่สัตว์หรือเมื่อต้องการความช่วยเหลือ หวังว่าสยูคงจะไม่ต้องใช้นะ เขาตอบหน้ายิ้มแล้วเดินจากไป

       ปกติผมเคยเห็นแตรชนิดนี้ใช้สำหรับปล่อยตัวนักวิ่งมาราธอนออกจากจุดสตาร์ท เสียงของมันดังสนั่นมาก ๆ และผมเชื่อว่าหากมีใครสักคนกดแตรกระป๋องชนิดนี้กลางป่าเขาแบบนี้เข้าล่ะก็ เสียงของมันคงจะดังแผดก้องกังวาลไปไกล และคงจะทำให้สัตว์ป่ากระเจิงได้เช่นกัน

       Mkulumadzi Lodge ตั้งอยู่กลางป่าในบริเวณอุทยานแห่งชาติมาเจเต้ ด้านหน้าคือแม่น้ำชีเร่ (Shire) ด้านหลังคือแม่น้ำอึมกูลูมาดซี่ อันเป็นชื่อเดียวกันกับลอดจ์แห่งนี้ ที่นี่ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ ไม่มีสัญญาณ Wifi จึงไม่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้เลย และเป็นที่ที่ผมเลือกมาใช้ชีวิตสี่วันห้าคืนเต็ม ๆ เพื่อตามหาซิมบา

       

แม่น้ำชีเร และ  (ล่าง) แม่น้ำ Mkulumadzi ที่ต้องข้ามไปลอดจ์.

       ความที่มีป่าเขาและแม่น้ำรายล้อมไปทุกทิศ ที่นี่จึงเต็มไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย และกฏเหล็กข้อที่หนึ่งก็คือ เมื่อเวลาใดที่ไร้แสงแดด แขกทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากกระท่อมพักไปไหนมาไหนเองโดยเด็ดขาด

        ทุก ๆ วันเมื่อเราทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่สองคนเดินนำและเดินตามพากลับไปส่งถึงประตูกระท่อม และเราต้องจำศีลเงียบ ๆ อยู่ภายในกระท่อมไปจนรุ่งเช้าจึงจะมีเจ้าหน้าที่มารับและนำไปทานอาหารเช้า พอเวลาสาย ๆ หรือบ่าย ๆ เมื่อมีแสงแดดส่องสว่างดีแล้ว เราถึงจะได้รับอนุญาตให้ออกมาเดินเล่นเพ่นพ่านในบริเวณที่พักได้

        ตัวกระท่อมนั้นตั้งอยู่บนเนินสูงริมตลิ่ง และเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนอย่างดี ด้านหลังมีประตูล็อคแน่นหนา แต่ด้านหน้านั้นเปิดโล่งโจ้งแบบไร้หน้าต่าง ไร้ประตูเพื่อให้ชมวิวแม่น้ำชีเร่ได้อย่างเต็มตา โดยมีระเบียงไม้โปร่ง ๆ ทอดออกไปให้นั่งเล่นเพลิน ๆ พอตกค่ำจึงจะมีเจ้าหน้าที่นำมุ้งมาปิดอย่างมิดชิด

       เราจึงมีเพียงมุ้งที่กั้นมนุษย์ออกจากสัตว์ป่าที่อาจเดินดุ่ม ผ่านไปมาเท่านั้น

       ผมมีเพื่อนร่วมห้องอยู่สองสามชนิด ได้แก่ตุ๊กแกสองตัวที่ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ และเป็นตุ๊กแกมารยาทดีเด่น เพราะมันไม่เคยส่งเสียง ตั่ก ตั่ก ตั่ก... ตั๊กแก้ ให้ตกใจเลย นอกจากนี้ก็ยังมีแมงมุมตัวใหญ่บ้างเล็กบ้างอีกสองสามตัวที่คอยวิ่งหลบหน้าผมอยู่เสมอ แล้วก็มีแมลงที่ผมไม่รู้จักอีกจำนวนหนึ่งที่บินไปบินมาคอยทักทายเพื่อทำให้ผมไม่รู้สึกเหงาจนเกินไป

       ถัดมาหน้าระเบียงบนเนินทรายริมแม่น้ำ ผมมีจระเข้ขาประจำสองสามตัวที่ขึ้นมานอนอาบแดดช่วงสาย ๆ พวกมันชอบอ้าปากหวอและนอนแข็งราวกับหินได้ตลอดวัน เพื่อนซี้ของผมอีกกลุ่มก็คือครอบครัวฮิปโป 4-5 ตัวที่นอนแช่น้ำบ้างขึ้นมายืนผึ่งแดดบนฝั่งบ้าง พร้อมทั้งคอยส่งเสียงฟืดฟาดต่ำ ๆ มาเป็นระยะ

        ฮิปโปจะเดินดุ่มขึ้นมาบนตลิ่งเวลาค่ำเสมอ กลางดึกสงัดของทุก ๆ คืนผมจะได้ยินเสียงมันดังใกล้ระเบียงมาก ๆ พร้อมเสียงฝีเท้าที่ย่ำสวบสาบไปรอบ ๆ กระท่อม ผมพยายามลุกขึ้นมาแอบดูผ่านมุ้ง แต่ผมไม่เคยเห็นตัวมันเลยเพราะข้างนอกมืดมาก ๆ แต่ผมรู้ว่าน้องฮิปโปอยู่ใกล้ผมมาก ๆ สิ่งที่ยืนยันการมาเยือนของพวกมันก็คือรอยอุจจาระที่ปรากฏอยู่ทั่วไปเพราะเวลาฮิปโปถ่าย มันจะใช้หางปัดให้อุจจาระของมันกระเด็นกระดอนไปไกลถึงไหนต่อไหนเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ

        เพื่อนแก้เหงาอีกกลุ่มคือช้างป่าแอฟริกันที่จะพาครอบครัวมาดื่มน้ำช่วงบ่ายต้น ๆ แทบทุกวัน พวกลูกช้างเป็นสัตว์ที่ขี้เล่นมาก มันวิ่งเล่นไปมา นอนกลิ้งเกลือกกับทรายและแช่น้ำ ในขณะที่พ่อ ๆ แม่ ๆ จะดื่มน้ำและคอยระวังอันตรายให้กับลูก ๆ

 ห้องนอน ห้องน้ำที่นี่โป๊มาก ๆ เพราะไม่มีอะไรช่วยบังเลย ทุกอย่างเปิดโล่งโจ้ง โดยมีฝักบัวแบบ Rain Shower ประจำการอยู่ด้านนอกกระท่อม เวลาอาบน้ำไปก็ดูฮิปโปไปดวย บางทีผมแอบรู้สึกเกรงใจพวกมันมาก ๆ แต่การอาบน้ำอุ่นจัด ๆ กลางป่าภายใต้อุณหภูมิเย็นยะเยือกต่ำกว่าสิบองศานั้นเป็นสิ่งที่ผมยอมแลกกับความโป๊เพราะมันสดชื่นมากๆ       

อาหารเช้ากลางป่า

        กิจวัตรประจำวันของที่นี่จะเริ่มขึ้นตั้งแต่ตีห้าเมื่อเจ้าหน้าที่มาเคาะประตูปลุก พร้อมนำกระติกกาแฟร้อนและคุ้กกี้มาให้ พอหกโมงเช้าก็มารับผมไปที่โถงล็อบบี้เพื่อเริ่มการท่องป่าชมสัตว์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะโดยการเดินเท้าสะกดรอยหรือการขึ้นรถจี๊ป ทั้งนี้ Game Drive รอบแรกจะกินเวลาราว 4 ชั่วโมงและเสร็จสิ้นราว ๆ สิบโมงเช้า สิ่งที่ผมชอบมาก ๆ คือเราจะไปแวะพักทานชา กาแฟ กลางป่าหลังจากออกตระเวนมาสักครึ่งทาง และมีอยู่หนึ่งวันที่ทางลอดจ์ได้เตรียมอาหารเช้าแบบจัดเต็มมาให้ได้ทานกลางป่า โดยมีพ่อครัวมาปรุงอาหารให้สด ๆ ตรงนั้นเลย นับเป็นประสบการณ์ที่วิเศษมาก ๆ

       หลังสิบโมงจนบ่ายสามเป็นเวลาพักผ่อนที่กระท่อม และเป็นเวลาที่ผมใช้ส่องดูสัตว์จากระเบียง แน่นอนว่ามีจระเข้ ฮิปโป และโขลงช้างป่าแอฟริกันเป็นผู้แสดงหลัก

        บ่ายสามจะเป็นการออกตระเวนชมสัตว์ป่าอีกรอบ และจะตียาวไปจนมืด และเวลาที่ผมชอบที่สุดคือเมื่อเราแวะดื่มค็อกเทลกลางป่าเพื่อชมพระอาทิตย์ตก ช่วงนั้นจะมีความสงบบางอย่างเกิดขึ้นโดยรอบ เราจะได้ยินเสียงนกและสัตว์ป่าร้องดังขึ้นจากมุมนู้นมุมนี้ พวกมันคงกำลังชวนกันกลับบ้านนอน พร้อม ๆ กับที่ฟ้าเปลี่ยนเป็นสีส้มสวยก่อนจะมืดสนิท

         หลังจากนั้นก็จะมี Night Game Drive พรานจะฉายไฟฉายสาดไปมาที่หน้ารถเพื่อตามหาสัตว์ที่ออกหากินตอนกลางคืน รัฐบาลมาลาวีกำหนดให้ใช้ไฟฉายแรงเทียนต่ำที่ไม่จ้าจนเกินไป และต้องฉายลำแสงเฉียงขึ้นฟ้าเพื่อไม่รบกวนนัยน์ตาของสัตว์ป่า ความใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมมาก       

         เมื่อจบ Night Game Drive และกลับถึงห้องในตอนค่ำ มุ้งจะกางรอไว้แล้วเรียบร้อยโดยมีกระเป๋าน้ำร้อนสองใบวางรอไว้ใต้ผ้าห่มผืนหนาเพื่อทำให้เตียงอุ่น อากาศที่นี่หนาวมาก ๆ และไม่มีเครื่องทำความร้อนใด ๆ อุณหภูมิช่วงเช้ากับกลางคืนคือ 7 - 10 องศาเซลเซียสเท่านั้น ความที่ห้องโล่งโจ้งมาก ๆ ลมจึงกรูมาได้จากทุกทิศ ผมต้องใส่เสื้อหนาวหนาและสวมถุงเท้าสองชั้นพร้อมกับกอดกระเป๋าน้ำร้อนนอนใต้ผ้าห่มหนาทุกคืน

        Mkulumadzi Lodge คือรักแรกพบ นับตั้งแต่วันที่ผมเห็นห้องพักของที่นี่ครั้งแรกจากอินเตอร์เน็ต ผมก็ตกหลุมรักทันที และเป็นความรักที่ไม่ทำให้ผมผิดหวังเลย เพราะสงบและสวยงามสมกับที่ผมมอบหัวใจให้ ความรักครั้งนั้นอยู่ยาวมาจนวันนี้และจะอยู่ตลอดไป

        3. ซิมบาอยู่ไหน?

        จะตามหาซิมบาใช่ไหม? ได้เลย ไปกัน มุสตาฟาผู้เป็นไกด์ขึ้นนั่งด้านหน้าประจำที่คนขับ ข้าง ๆ เขาคือวิลสันผู้เป็นพรานป่าที่มาพร้อมปืนกระบอกยาวน่าเกรงขาม จากนั้นรถโตโยต้า แลนด์ ครุยสเซอร์ก็วิ่งออกจาก Mkulumadzi Lodge ทุก ๆ วันทั้งช่วงเช้าและบ่ายเพื่อตามหาสิงโตทันที มาลาวีเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักสำหรับนักท่องเที่ยวมากนัก ดังนั้นจำนวนนักท่องเทียวจึงมีน้อยมาก ในแต่ละวันที่ผมตระเวนดูสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ นั้น ผมมักจะเป็นผู้โดยสารเดี่ยว แล้วก็แทบจะไม่เจอรถจี๊ปคันอื่นเลย

ซิมบ้าอยู่ไหน

       ระหว่างทาง เราเจอสัตว์ป่าชนิดต่าง ๆ มากมายจนจำกันไม่หวาดไม่ไหว ที่ผมพอจำได้ก็คือ ยีราฟ ฮิปโป จระเข้ บาบูน และนกป่าสีสวยมากมาย รวมทั้งช้างแอฟริกันตัวยักษ์ครอบครัวใหญ่ ซาฟารีที่อุทยานแห่งชาติมาเจเต้เป็นแบบที่เรียกว่า Bush Safari นั่นคือเป็นพุ่มไม้ระเกะระกะสลับป่าโปร่งและป่าทึบ เวลาพบสัตว์ป่าจะน่าตื่นเต้นมาก ๆ เพราะเขาจะโผล่ออกมาข้าง ๆ รถเลย ส่วนซาฟารีที่เคนยาและแทนซาเนียน้นจะเป็นทุ่งหญ้าโล่งที่มองเห็นสัตว์ได้ในระยะไกล ผมพยายามตามหาสิงโตมาหลายวัน แต่ก็ยังไม่มีวี่แววเสียที ผมต้องถอยทัพกลับที่พักในยามค่ำเมื่อฟ้ามืดสนิทและอากาศหนาวมาก ๆ

        แต่ถึงจะไม่พบสิงโต แต่ทุกคืนผมจะได้พบกับ ช้างเผือก เมื่อมุสตาฟาดับไฟหน้ารถท่ามกลางความมืดสนิท

       “ดูบนฟ้าสิ สิ้นเสียงของมุสตาฟา ผมแหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า

         โอ้โห.... มันสวยมาก ๆ ดาวนับร้อยนับพันดวงกำลังแข่งกันเปล่งแสงรับรัตติกาลกลางป่า

         วิลสันชี้ให้ดูดาวประเภทต่าง ๆ มากมายเต็มผืนฟ้าที่แสนจะมืดมิดนั้นและนี่เป็นครั้งแรก ๆ ที่ผมได้เห็นดาวแมงป่อง ดาวพฤหัส ดาวนู้นดาวนี้ได้ด้วยตาเปล่า รวมทั้งกาแล็คซี่ทางช้างเผือกที่สวยงามพาดยาวไปตามโค้งฟ้า ผมพยายามใช้ไอโฟนบันทึกภาพที่เห็น แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ผมจึงใช้สายตาพิมพ์ภาพนั้นไว้ในความทรงจำ และภาพนั้นก็ยังติดตามาจนวันนี้

         ในช่วงวันแรก ๆ ถึงจะยังไม่มีวี่แววของสิงโต แต่ผมกลับมีโอกาสได้ชื่นชมทางช้างเผือกอันแสนสว่างสุกใสและสวยงามแทน แม้ผมจะคิดว่านี่เป็นการแลกที่คุ้มค่า แต่ผมก็แอบหวังว่าซิมบาจะยังรอผมอยู่สักที่ไหนที่หนึ่งในอุทยานแห่งชาติมาเจเต้อันกว้างใหญ่แห่งนี้

(จบตอนที่  1 มีต่อตอนที่ 2)

STORY BY โลจน์ นันทิวัชรินทร์
Photo courtesay of Robin Pope Safaris

ABOUT THE AUTHOR
โลจน์ นันทิวัชรินทร์

โลจน์ นันทิวัชรินทร์

หนุ่มเอเจนซี่โฆษณาผู้มีปรัชญาชีวิตว่า "ทำมาหาเที่ยว" เพราะเรื่องเที่ยวมาก่อนเรื่องกินเสมอ ชอบไปประเทศนอกแผนที่ที่ไม่มีใครอยากไปเลยต้องเต็มใจเป็น solo backpacker

ALL POSTS