HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
ฝ่าคลื่นมหาชนชมภาพฝันอันยิ่งใหญ่ของ Monsieur Diorกลางกรุงลอนดอน
by ขเจน
9 เม.ย. 2562, 19:06
  1,864 views

          เมื่อ Dior แบรนด์เก่าแก่สัญชาติฝรั่งเศสยกนิทรรศการที่เคยจัดกันไปแล้วกลางกรุงปารีส มาขยายให้ละเอียดและลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมที่พิพิธภัณฑ์วิคตอเรียแอนด์อัลเบิร์ตในลอนดอน ประเทศอังกฤษ “ขเจน” ขอฝ่าคลื่นมหาชนที่ต่อแถวเข้าชมนิทรรศการนี้กันยาวเหยียดตั้งแต่พิพิธภัณฑ์ยังไม่เปิดทุกเช้า เข้าไปเก็บข้อมูลมาเล่าสู่กันฟัง

 

       ผู้เขียนมีกิจธุระต้องกลับไปลอนดอนอีกครั้งในปีนี้ แต่ด้วยความที่ก่อนจะไปยังไม่แน่ใจในตารางเวลาของชีวิตระหว่างที่อยู่ที่นั่นเท่าไหร่ จึงตัดสินใจจองตั๋วเข้าชมนิทรรศการ Christian Dior: Designer of Dreams ช้าไปนิด ตั๋วเข้าชมสำหรับการจองออนไลน์ได้ sold out ไปหมดแล้ว แต่ทางเว็บไซต์ของพิพิธภัณฑ์แจ้งไว้ว่า ทุกเช้ายังพอมีตั๋วขายอยู่บ้างไม่มากนัก แล้วแต่วัน ซึ่งทางพิพิธภัณฑ์ก็จะนำมาเปิดขายในรูปแบบ first come, first serve ใครมาก่อนได้ก่อน ก็เลยตัดสินใจลองไปเสี่ยงโชคดูสักหน่อย 

ต่อแถวรอท่ามกลางความหนาวหน้าพิพิธภัณฑ์ V&A 

        ซึ่งด้วยความที่ตั้งใจไปแบบไม่ซีเรียสมาก และไม่อยากไปยืนหนาวหน้าพิพิธภัณฑ์นานเกินไป วันแรกที่ไปต่อแถวก็เลยไปถึงราว ๆ 9.50 หรือสิบนาทีก่อนพิพิธภัณฑ์วีแอนด์เอจะเปิด ผลปรากฏว่าหลังจากอยู่ในแถว(ยาวมาก)หน้าพิพิธภัณฑ์ซักครู่ ก็ได้เดินเข้ามายืนเข้าแถวต่อข้างในแบบไม่หนาวเหน็บมากต่อ (โชคดีเท่าไหร่แล้วที่ไปลอนดอนในช่วงเวลาที่ฝนไม่ตกซักแหมะ นึกสภาพว่าถ้าไปยืนกลางความหนาวพร้อมเปียกแฉะไปด้วยคงดูไม่จืด) แต่โชคร้ายที่ไปช้าเกินไปนิด ตั๋วของวันนั้นขายหมดก่อนจะถึงคิวเราประมาณไม่ถึงสิบคน และทางพิพิธภัณฑ์ไม่มีการขายล่วงหน้าข้ามวันด้วย ตอนแรกก็ว่าจะถอดใจ แต่วันสุดท้ายที่อยู่ลอนดอน ช่วงเช้าเรายังเหลือเวลาพอตลอดเช้าจนถึงราว ๆ บ่ายสอง ก็เลยคิดว่า งั้นจะลองเสี่ยงดวงดูอีกครั้ง ตื่นให้เช้าหน่อย ออกไปให้ถึงซัก 9โมง แต่งตัวให้รัดกุมพอที่จะยืนทนหนาวได้เป็นชั่วโมง และนั่นแหละ..ที่ทำให้ในที่สุดเราก็ได้เข้าไปดูนิทรรศการนี้

หลังจากซื้อตั๋วได้ ตั๋วจะมีกำหนดเวลา ของเราได้เวลา 12.15 ก็ต้องมาต่อแถวเข้าชมหน้าห้องนิทรรศการอีกที ตรงกำแพงด้านขวาคือ timeline คร่าว ๆ ของห้องเสื้อ Dior 

        อารัมภบทยาวมาก เข้าเรื่องกันดีกว่า

        จริง ๆ ต้องยอมรับว่าการที่แบรนด์แฟชั่นซักแบรนด์จะริเริ่มทำนิทรรศการอะไรแบบนี้ออกมา มันเป็นไปด้วยเหตุผลทางการตลาดชัดเจนอยู่แล้ว ใครเข้าไปชมก็จะเห็นชัดว่า Dior เอา heritage ของสิ่งที่แบรนด์เป็นออกมาแบให้ทุกคนได้เห็นว่า แบรนด์นี้มีประวัติศาสตร์ยาวนานอย่างไร เริ่มตั้งแต่ monsieur Christian Dior เกิดและเติบโตที่ไหน สร้างห้องเสื้อขึ้นมาอย่างไร แล้วความยิ่งใหญ่ในงานของเขาคืออะไรบ้าง เรื่อยมาจนถึงหลังจากที่ผู้ก่อตั้งเสียชีวิตไป ใครก้าวเข้ามาเป็น creative director บ้าง และแต่ละคนได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์อะไรทิ้งไว้เป็น legacy ให้กับห้องเสื้อแห่งนี้บ้าง 

ชุด Bar Suit ที่ถือว่าเป็น New Look ของยุค ผลงานของ monsieur Dior 

       ซึ่งแน่นอน เราย่อมปฏิเสธไม่ได้อีกเช่นเดียวกันว่า Dior มีของดีจะโชว์ให้เราได้เห็น และนิทรรศการนี้ก็ได้รับการ curateมาอย่างพิถีพิถัน ด้วยการแบ่งเป็นห้องต่าง ๆ ที่เริ่มจากห้องประวัติของผู้ก่อตั้ง ที่ก็ต้องมี “New Look” หรือชุด Bar Suit ที่ปฏิวัติการแต่งกายของสตรีมานับตั้งแต่ปี 1955 ให้ได้เห็นกันด้วย จากนั้นก็ตามด้วยการจัด category ของผลงานทั้งหมดจากห้องเสื้อ Dior ว่างานสร้างสรรค์จากแบรนด์ (โดยไม่เกี่ยงว่าใครเป็นดีไซเนอร์) นั้นมีจุดร่วมอะไรบ้าง เช่น ห้องรวมงานที่รังสรรค์ขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากประวัติศาสตร์​ ห้องรวมงานที่กลั่นแรงบันดาลใจออกมาจากการท่องเที่ยว ห้องรวมชุดที่รังสรรค์ขึ้นมาอย่างวิจิตรและพิถีพิถันสุด ๆ ด้วยแรงบันดาลใจจากดอกไม้ ฯลฯ ทั้งหมดนี้น่าดูชมและตระการตามาก ๆ เพราะแต่ละชุดที่ curator เลือกมาจัดวางในห้องนิทรรศการนั้น โชว์ให้เห็นทักษะและความละเมียดละไมในการสร้างสรรค์ผลงาน อย่างที่ห้องเสื้อกูตูร์ระดับโลกพึงมี

งาน Dior ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเดินทาง ขวาสุดคืองานของดีไซเนอร์คนปัจจุบัน ที่เริ่มมีโลโก้เด่นรับเทรนด์ของยุคสมัยนี้

      จากนั้นเป็นคิวของห้องประวัติที่ไล่เรียงประวัติขนาดสั้น แนวทางการทำงาน และผลงานของ creative director แต่ละคนตลอดประวัติศาสตร์ของห้องเสื้อ เริ่มจาก Yves Saint Laurent อดีตผู้ช่วยมือขวาของ monsieur Dior ที่หลังจากผู้ก่อตั้งเสียชีวิตกะทันหัน เขาก็ขึ้นมารั้งตำแหน่งนี้ในวัยเพียง 21 ปี (ก่อนที่จะถูกเรียกตัวไปรับใช้ชาติหลังทำงานได้ไม่นาน แล้วถูกผู้บริหาร Dior ปลดกลางอากาศในระหว่างที่ยังไม่กลับมา จนเป็นผลให้อีฟและ Pierre Berge คนรักและ business partner ของอีฟตัดสินใจฟ้อง Dior และชนะ และเอาเงินมาเป็นส่วนหนึ่งของทุนในการเปิดห้องเสื้อของตัวเอง กลายเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ยักษ์ใหญ่มาจนทุกวันนี้ – ซึ่งแน่นอน ตรงนี้ในนิทรรศการไม่ได้เล่า) เรื่อยมาจนถึง Marc Bohan, Gianfranco Ferre, John Galliano, Raf Simons และ Maria Grazia Chiuri ผู้ดำรงตำแหน่ง creative director คนปัจจุบัน

ชุดนี้ต้องถ่ายเก็บเป็นที่ระลึกเพราะรักคอลเลคชั่นนี้มาก ..จากคอลเลคชั่นกูตูร์ Spring 2007
รวมงานเปรี้ยว ๆ ของ John Galliano โดยมีภาพของพี่เขาอยู่ข้างหลัง

       

        สำหรับเราโดยส่วนตัว การไปชมนิทรรศการ Christian Dior: Designer of Dreams ที่ลอนดอน สิ่งที่ทำให้ตื่นตาตื่นใจที่สุดคือการได้เห็นงานสร้างสรรค์ของ John Galliano เต็ม ๆ ตา โดยส่วนตัวเราเป็นแฟนจอห์นมาตลอด และงานของจอห์นในช่วงที่อยู่กับ Dior เป็นช่วงเวลาที่เราได้เห็น artist คนนี้ระเบิดพลังสร้างสรรค์ออกมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยเว้นเลยสักคอลเลคชั่น และคอลเลคชั่นที่เรารักที่สุดเสมอของจอห์นยังคงคือ คอลเลคชั่นกูตูร์ฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2007 ซึ่งในนิทรรศการนี้มีให้เห็นอยู่หลายชิ้นทีเดียว

ทางซ้ายรวมงาน Dior ที่แผ่ขยายไปในวัฒนธรรมป๊อปผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ  ขวาคือแมกกาซีนที่มีงาน Dior ขี้นปก

       ปิดท้ายนิทรรศการนี้ Dior จบด้วยความปังของห้อง The Dior Ball ที่รวบรวมชุดราตรีสุดหรูหราที่ห้องเสื้อ Dior เคยรังสรรค์ไว้ โดยเฉพาะชุดที่เซเลบริตี้เบอร์ใหญ่ทั่วโลกเคยสวมใส่ รวมมาจัดแสดงเพื่อตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของแบรนด์ฝรั่งเศสเก่าแก่แบรนด์นี้กันอีกครั้ง ให้ผู้ชมได้เห็นว่า ห้องเสื้อ Dior และผู้เป็นดีไซเนอร์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้นได้สร้างฝันอันยิ่งใหญ่อะไรเอาไว้บ้าง เหมือนที่ชื่อนิทรรศการชุดนี้ได้บอกเอาไว้

ห้อง The Dior Ball (1 และ 2) ชุดขวาสุดคือชุดที่ Rihanna เคยใส่บนพรมแดง

        นิทรรศการชุด Christian Dior: Designers of Dream ยังคงจัดต่อเนื่องต่อไปที่ Victoria & Albert Museum กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จนถึงวันที่ 1 กันยายน 2562 ใครผ่านไปลอนดอนลองแวะไปต่อแถวซื้อบัตรเข้าชมกันได้ในราคา 20 ปอนด์ต่อคน หรืออีกวิธีหนึ่งที่ไม่แนะนำเพราะแพงกว่า แต่บอกไว้เพราะก็ดีที่ไม่ต้องต่อแถวและสามารถพาตัวเองเข้านิทรรศการนี้ได้เลยก็คือ สมัครเป็นสมาชิกพิพิธภัณฑ์ V&A รายปีในราคา 70 ปอนด์ จ่ายสตางค์เสร็จสามารถถือบัตรสมาชิกเบ่งเข้าไปชมนิทรรศการได้เลย 

STORY AND PHOTO BY ขเจน

ABOUT THE AUTHOR
ขเจน

ขเจน

ทำงานเขียนในบริษัทพีอาร์ แต่ว่าบ้าหนังและชอบแฟชั่นจนพาตัวเองออกเดินทางแรดอะราวด์ไปทั่วโลกเพื่อดูหนังและชาบูดีไซเนอร์ที่ชอบ แต่ทุกคนคิดว่าหาเรื่องไปช้อปปิ้งมากกว่า #เอิ่ม

ALL POSTS