คุยกับ Joan Cornella เจ้าของงานศิลป์สุดแสบ
แสบขนาดอินสตาแกรมยังรับไม่ไหว .....
Joan Cornella (โจอัน คอร์เนลล่า) ศิลปินชาวสเปนกลับมากรุงเทพฯ เป็นครั้งที่สอง กับการแสดงผลงานเดี่ยวครั้งที่สองในไทยชื่อ Happy Endings ที่อาจจะทำให้คุณคันยิบๆ น้ำตาไหลไม่รู้ตัว หรือหัวเราะร่าแบบเสียสติ ในงานนี้จะมีผลงานใหม่ที่ Joan สร้างขึ้นมาพิเศษเพื่องานนี้ด้วย แฟนพันธุ์แท้ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง งานนี้จัดโดยฟาร์มกรุ๊ปที่ WOOF PACK ศาลาแดงซอย 1 ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน ถึง 3 ธันวาคมเท่านั้น
ก่อนจะไปพบกับงานศิลป์สุดแสบใน Happy Endings Happening Bangkok จะพาไปคุยกับศิลปินหัวขบถถึงที่มาที่ไปของงานศิลปะตลกร้ายที่กำลังเป็นที่ฮือฮาในโลกออนไลน์

คุณเรียนจบจิตรกรรมมา แล้วมาเริ่มวาดการ์ตูนได้ยังไง
ตอนจบใหม่ๆ ผมเอียนกับด้านนึงของวงการศิลปะที่เสแสร้งจอมปลอม เลยมาคิดว่าการ์ตูนน่าจะเหมาะกับผมถ้าผมยังอยากเดินต่อไปในสายอาชีพนี้ แต่เอาเข้าจริงๆ งานของผมเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของช่องว่างในวงการศิลปะ เพราะฉะนั้นก็เรียกได้ว่าผมไม่ได้เปลี่ยนสายไปเลย จริงๆ แล้วผมพยายามหลีกเลี่ยงการจำกัดความ ผมว่าในเรื่องของศิลปะความแตกต่างหรือข้อจำกัดที่เราชอบนำมาตีกรอบงานหรือตัวศิลปินมันเป็นเลือนลางไปหมดแล้ว
ศิลปินคนไหนที่มีอิทธิพลกับงานของคุณบ้าง
สองสามปีมานี้ผมต้องยกให้งานของ Brecht Vandenbroucke ที่มีอิทธิพลกับผมมาก โดยเฉพาะเรื่องสไตล์และความงาม จะว่าไปมีหลายอย่างครับที่มีอิทธิพลต่องานของผม ถ้าจะให้บอกชื่อล่ะก็น่าจะมี Helge Reumann กับ Robert Crumb และอีกหลายคนที่ผมชื่นชอบ
งานของคุณมักจะพูดถึงเรื่อง “ต้องห้าม” ในสังคม ทำให้เกิดข้อถกเถียงและหลายครั้งถูกมองว่าหยาบคายถึงขั้นอนาจารจนโดนแบน คุณรู้สึกยังไง
สมัยนี้อะไรๆ ก็เป็นประเด็นให้คนเถียงกันได้ทั้งนั้นครับถ้าลองคิดดู ทุกคนโกรธ ไม่พอใจ หรือรู้สึกว่าถูกลบหลู่ดูหมื่นเพราะใครหรืออะไรซักอย่างตลอดเวลา เพราะฉะนั้นจะพยายามให้ทุกคนมีความสุขเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย สำหรับผมสิ่งที่หยาบคายคืออำนาจของสถาบันอย่างคริสตจักรคาทอลิก หรือเพลงของ Justin Bieber ที่มีต่อสังคมและความคิดของคน ผมว่ามันเลวร้ายมาก แต่ผมก็ไม่เคยพยายามไปเซนเซอร์มัน เราน่าจะเปิดใจต้อนรับบริบททางวัฒนธรรมต่างๆ แม้ว่ามันจะอุบาทว์ขนาดไหนก็ตามดีกว่า ผมว่าที่เราน่าจะคิดกันในตอนนี้คือ เราควรจะกันมาแบนเครื่องมือที่มาแบนเราอย่าง Facebook หรือ Instagram รึเปล่า


คุณเซนเซอร์ตัวเองบ้างไหม มีเรื่องอะไรที่คุณจะไม่หยิบมาพูดบ้างหรือเปล่า
นักแสดงตลก George Carlin เคยพูดไว้ว่า “หน้าที่ของนักแสดงตลกคือหาให้เจอว่าเส้นอยู่ตรงไหน แล้วจงใจล้ำเส้นนั้นไป” ผมก็พยายามทำแบบนี้ ทั้งที่บางทีก็ไม่รู้ว่ากำลังไปถูกทางไหม เพราะบางทีเราก็เซนเซอร์ตัวเองโดยไม่รู้ตัว ผมว่าในโลกของตลกและการเสียดสี ซึ่งงานผมก็เข้าข่ายนั้น ศิลปินน่าจะเป็นคนที่พยายามก้าวล้ำเส้นให้มากที่สุด มีบางเรื่องที่ผมพยายามไม่แตะ เพราะมันจะทำให้ผมโดยแบนในโซเชียลมีเดีย อาจจะสามเดือนหรือตลอดไปเลยก็ได้ ประเด็นคือผมผลิตงานพวกนี้ที่มีรูปเด็กทารกในเรื่องราวต่างๆ ที่ผมเอาไปแสดงในพื้นที่ออนไลน์อื่นๆ และผมไม่ควรแคร์เลยว่าจะถูกใครแบนบ้าง
เคยได้ฟีดแบคแรงๆ จากคนที่ดูงานของคุณหรือหน่วยงานอะไรไหม
ผมยังไม่เคยมีปัญาถึงขั้นว่าถูกฟ้องหรืออะไร ที่แย่ที่สุดก็น่าจะเป็นถูกแบนในโซเชียลมีเดีย หรือไม่ให้แสดงงานที่จีน ส่วนใหญ่ผมได้อีเมลดีๆ เข้ามา พวกที่เกลียดชังและโกรธก็มีบ้าง แต่ผมรู้ว่ามันไร้สาระ ผมพยายามไม่ใส่ใจ มันเสียเวลาที่จะใส่ใจ ผมไม่ค่อยตอบอะไรใครในโซเชียลมีเดียเพราะทุกคนมีแต่ความโกรธและมองหาเหตุผลที่จะชวนใครทะเลาะตลอดเวลา โดยเฉพาะใน Twitter


เท่าที่ผ่านมาคิดว่างานชิ้นไหนที่สร้างแรงกระเพื่อมเยอะที่สุด
ผมว่าน่าจะเป็น Selfie ที่คนส่วนใหญ่จำได้ แล้วก็ Free Hugs
คุณมองหาแรงบันดาลใจในการผลิตงานจากไหน
บางครั้งก็มาจากพวกมุขตลกจาก standup comedy วิธีการทำงานของผมมันยุ่งเหยิงมาก และบางทีผมก็ได้ไอเดียจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ รอบตัว แล้วแต่ช่วงเวลาด้วย ยิ่งผมทำงานก็ยิ่งมีไอเดียครับ ตอนนี้ผมสนใจงานของ Louie Cordero เขาเป็นศิลปินจากฟิลิปปินส์ ลองไปหามาดูนะครับ เขาเจ๋งมาก
ชอบหรือไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับกรุงเทพฯ บ้าง
ก็มีที่ชอบและไม่ชอบครับ แต่เมื่อวานนี้มีคนนึงเดินมาหาผม และให้รูปวาดของตัวเองกับผม บอกให้ผมเก็บวันจนตายและผมจะโชคดีไปตลอดชีวิต ผมเลยเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ก็ไม่รู้ว่าถ้าไม่เก็บไว้จะเกิดอะไรขึ้นกับผมบ้าง .... นี่น่าจะเป็นเรื่องปกติในเมืองไทยหรือเปล่า
มีอะไรจะบอกกับแฟนๆ ที่รอชมผลงานของคุณไหม
มาดูงานแล้วแวะมาทักทายกันนะครับ ขโมยงานผมกลับบ้านไปด้วย
Happy Endings โดย Joan Cornella จะเริ่มแสดงในวันพฤหัสบดีที่ 8 พฤศจิกายนนี้ไปจนถึงวันทั้ 3 ธันวาคม 11 โมงถึงสี่ทุ่มที่ WOOF PACK ศาลาแดงซอย 1 ค่าเข้าชม 200 บาทต่อคน
เว็บไซต์ของ Joan Cornella คลิกที่นี่
Story by Manta