วัดไทยตีระฆัง วัดฝรั่งใช้ตะโกน
เสียงดังในยามดึกสงัด อาจน่ารำคาญสำหรับใครหลายคนที่กำลังหลับสบาย แต่สำหรับชาวโลซานน์ เมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบเจนีวาในสวิตเซอร์แลนด์ เสียงนี้คือประเพณีที่น่าภูมิใจ
ทุกๆ วันต่อเนื่องกันมาเป็นเวลากว่า 600ปี หลังจากนาฬิกาบนของวิหารโลซานน์ตีบอกเวลา 22.00 น. ชาวเมืองโลซานน์จะได้ยินเสียงตะโกนมาจากยอดหอระฆังว่า "C'est le guet! Il a sonne dix...Il a sonne dix!"(นี่คือยาม เวลา 4ทุ่ม... เวลา 4 ทุ่ม) และเป็นอย่างนี้วนไปทุกชั่วโมงจนถึงตี 2ของทุกวัน
ประเพณีการบอกเวลานี้ เริ่มต้นมาตั้งแต่ยุคกลาง เมืองโลซานน์เป็นเมืองเล็กๆ บ้านเรือนส่วนใหญ่สร้างจากไม้ และอยู่ในตรอกแคบๆ เป็นส่วนใหญ่ จึงเกิดไฟไหม้อยู่บ่อยครั้ง และหลังจากเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่เมื่อ ค.ศ. 1405 บาทหลวงประจำวิหารโลซานน์จึงได้ออกกฎระเบียบต่างๆ มากมายเพื่อป้องกันไฟไหม้ รวมถึงให้มีการอยู่ยามตอนกลางคืน คอยบอกเวลา และแจ้งเตือนหากเห็นควันหรือเปลวไฟ
หอระฆังของวิหารโลซานน์เป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสำหรับการอยู่ยาม เพราะตัววิหารสไตล์โกธิคนี้ตั้งอยู่บนเนินเขา สามารถมองเห็นได้ทั่วเมืองในระยะไกล
แต่เดิมนั้น ผู้บอกเวลาจะเริ่มปฏิบัติงานตั้งแต่ 21.00 น. ต่อเนื่องทุกชั่วโมงไปจนถึง 6.00 น. แต่ ปรับเปลี่ยนเวลาเป็น 22.00น. -02.00น. ตั้งแต่ พ.ศ. 2503เป็นต้นมา ปัจจุบัน ผู้ที่รับหน้าที่บอกเวลานี้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2545 ชื่อ เรนาโต เฮาสเลอร์ ทำหน้าที่นี้ทุกวันไม่หยุดเลย ไม่ว่าจะฝนตก หนาว ร้อน หมอกจัด เมื่อใกล้เวลาที่นาฬิกาจะตีบอกเวลา เรนาโตจะฉวยตะเกียงไปยืนรอ พอสิ้นเสียงนาฬิกา เขาจะเอามือป้องปากและเริ่มตะโกนบอกเวลาจากมุมหอระฆังทิศเหนือ เมื่อบอกเวลาครบทั้ง 4ทิศ ก็จะเข้าไปพักรอเวลาที่จะออกมาอีกครั้งในอีก 1ชั่วโมงถัดไป
ฟังดูอาจจะเป็นงานที่บั่นทอนสุขภาพ ไหนจะนอนดึก ไหนจะต้องใช้เสียง ไหนจะไม่มีวันหยุดเลย แต่เชื่อไหมว่า เมื่อตอนคัดเลือกคนรับหน้าที่นี้เมื่อปีพ.ศ. 2545 มีคนสมัครชิงตำแหน่งนี้ถึง 59คน แต่เรนาโตคว้างานนี้ไปสบายๆ เพราะเคยมาช่วยทำงานแทนในตำแหน่งนี้เป็นครั้งคราวมาก่อนนี้แล้วถึง 15ปี ก่อนจะได้มาเป็นตัวจริงในวันนี้
จริงๆ แล้ว ในยุโรปมีประเพณีนี้อยู่ทั่วไป แต่ที่ยังคงปฏิบัติต่อเนื่องมาจนทุกวันนี้ มี 7เมือง คือ โลซานน์ในสวิตเซอร์แลนด์ ในเยอรมนีมี 3แห่ง ในอังกฤษ 1แห่ง สวีเดน 1แห่ง และโปแลนด์อีก 1แห่ง
ด้วยเสน่ห์ของประเพณีนี้ นักท่องเที่ยวจำนวนมากเกิดความประทับใจ ทำให้เมืองต่างๆ ทั่วยุโรป 108เมือง เริ่มนำการบอกเวลายามกลางคืนกลับมาใช้อีก เพื่อสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
STORY BY Ohnabelle