HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
เรียนเล่นให้เต็มที่กับอาคารเรียนพอดีพอดี
by Arinya
11 เม.ย. 2561, 15:42
  2,626 views

กลุ่มสถาปนิกรุ่นใหม่รวมตัวกันสร้าง "ห้องเรียนพอดีพอดี" 9 ที่เชียงราย เน้นดีไซน์โล่ง โปร่ง สบาย

        ถ้าให้เดาว่าจังหวัดไหนมีอาคารเรียนที่มีสถาปนิกมือรางวัลออกแบบให้มากที่สุด หลายคนคงจะตอบว่า กรุงเทพ เชียงใหม่ หรือภูเก็ต เพราะความที่เป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ คงมีน้อยคนที่จะเดาว่าเชียงราย นั่นไม่ใช่เพราะผู้อำนวยการโรงเรียนในเชียงรายได้งบประมาณพิเศษจากกระทรวงศึกษาธิการหรอกนะ แต่เป็นเพราะพวกเขาประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่เมื่อเกือบ 4 ปีที่แล้ว

 

        หากใครยังจำเหตุการณ์เมื่อหัวค่ำวันที่ 5 พฤษภาคม 2557 ได้เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ขึ้นในภาคเหนือประเทศไทย ซึ่งมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ใกล้อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย แผ่นดินไหวขนาด 6.1 แมกนิจูดครั้งนั้นรุนแรงขนาดที่คนอยู่บนตึกสูงในกรุงเทพฯ บางแห่งสามารถรับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนคค่ำวันนั้นได้ ซึ่งทำให้บ้านเรือนและอาคารต่างๆ ในจังหวัดเชียงรายได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

        แน่นอนว่าในจำนวนนั้นมีโรงเรียนจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบมากจนบางโรงเรียนไม่สามารถจัดสรรงบประมาณซ่อมแซมหรือสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ได้

        แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี กลุ่มสถาปนิกมือรางวัลรุ่นใหม่ได้รวมตัวกันเพื่อออกแบบห้องเรียนพอดี พอดีให้กับโรงเรียนที่ประสบปัญหา 9 แห่งในจังหวัดเชียงรายในเกือบจะทันทีโดยไม่คิดค่าตัวใดๆ โครงการดังกล่าวมีวิภาวี คุณาวิชยานนท์ (ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Design for Disasters หรือ D4D ที่พยายามสร้างการเรียนรู้ที่จะป้องกันภัยภิบัติให้กับเด็กและประชาชนทั่วไป) เป็นผู้ริเริ่มและดูแลโครงการมาตลอดเวลาเกือบสี่ปี

        “ตอนแผ่นดินไหววันแรกๆ ผมโทรหา [คุณวิภาวี] ว่าควรจะลงพื้นที่เชียงรายเผื่อว่าเราจะช่วยอะไรได้บ้าง แต่พอโทรไปครั้งที่สอง [คุณวิภาวี] ขับรถถึงพิษณุโลกแล้ว ทิ้งผมไว้กรุงเทพชุตยาเวศ สินธุพันธุ์กล่าวในตอนที่ส่งมอบอาคารเรียนให้กับผู้อำนวยการถึงจุดเริ่มต้นของโครงการห้องเรียนพอดีพอดีหลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่กี่เดือน

        โรงเรียนสุดท้ายที่ทำการส่งมอบกันไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือโรงเรียนบ้านดอยช้าง ที่ตั้วอยู่บนเขาในเขตอำเภอแม่สรวย ที่ได้ชุตยาเวศ สถาปนิกที่เคยฝากผลงานบ้านสะเทินน้ำสะเทินบกมาแล้วเมื่อช่วงน้ำท่วมใหญ่บ้านเรา

       

        การสร้างโรงเรียนหลังสุดท้ายนี้จะสำเร็จลุล่วงไม่ได้หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ใจดี ไม่ว่าจะเป็นสมาคมสถาปนิกสยาม สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ผู้ประกอบการท้องถิ่น และกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวจังหวัดเชียงราย (โดยมีท่าน ว. วชิรเมธีและอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์เป็นประธาน) ในขณะที่โรงเรียน 8 แห่งก่อนหน้านี้ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนที่หลากหลาย

        และจากภัยพิบัติดังกล่าวทำให้เชียงรายกลายเป็นจังหวัดที่แสนจะห่างไกล แต่กลับมีอาคารเรียนที่ออกแบบโดยสถาปนิกมือรางวัลมากที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศเลยก็ว่าได้

        และอาคารเรียนบ้านดอยช้างหลังใหม่นี้มีความพิเศษกว่าโรงเรียนอีก 8 แห่งเพราะด้วยเหตุการณ์สุดวิสัยทำให้ต้องมีการแก้แบบถึง 5 รอบจนต้องใช้เวลาก่อสร้างนานกว่าที่อื่นถึง 2 ปี

        ดูภายนอกอาคารเรียน 2 ชั้นที่สร้างด้วยโครงสร้างเหล็กและประกอบด้วยห้องเรียน 6 ห้องแห่งนี้อาจจะไม่ได้แตกต่างจากโรงเรียนที่เราเคยเห็นในเมือง แต่เมื่อเทียบโรงเรียนในบริเวณใกล้เคียงแล้ว อาคารเรียนแห่งนี้มีหน้าตาแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งยังมีความพิเศษกว่า 8 โรงเรียนที่ผ่านมาตรงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด อีกทั้งชุตยาเวศทุ่มเทให้กับการออกแบบและเรียกอาคารนี้ว่า “heart of the school” โดยให้ความสำคัญในการออกแบบรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ

        ด้วยทำเลที่ตั้งบนเขาทำให้โรงเรียนมีพื้นที่จำกัด เด็กนักเรียนกว่า 600 คนจากชนเผ่าต่างๆ ในพื้นที่ที่มาเรียนร่วมกันตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยมต้นมีพื้นที่ทำกิจกรรมค่อนข้างน้อย และห้องเรียนพอดี พอดีแห่งนี้ต้องสร้างอยู่ติดกับลานอเนกประสงค์ตรงกลางโรงเรียน ชุตยาเวศจึงเลือกที่จะใช้บางส่วนของอาคารให้ใช้งานได้มากกว่าหนึ่งรูปแบบ เช่น บันไดขึ้นชั้นสองของอาคารถูกออกแบบให้กว้างเป็นพิเศษเพราะมันสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นอัฒจรรย์สำหรับเชียร์กีฬาได้ หรือเป็นที่นั่งสำหรับการประชุมของชุมชนได้

 

        ที่บอกว่าเป็น heart of the school เพราะเปรียบเสมือนเป็นศูนย์กลางของโรงเรียนและชุมชน มันน่าจะเป็นที่ให้เด็กๆ นั่งทำกิจกรรมหรือดูกีฬา หรือถ้าในอนาคตเป็นที่ให้ชุมชนได้มาประชุมได้

        ระเบียงชั้นสองของตัวอาคารก็ถูกออกแบบให้เด็กสนุกกับการใช้พื้นที่หน้าห้องเรียนและสามารถนั่งห้อยขาลงมาได้อย่างปลอดภัย

        จุดเด่นอีกข้อของอาคารแห่งนี้คือความโปร่งโล่งของอาคารและผนังที่ทำให้การติดแอร์นั้นไม่จำเป็นเลย เพราะวันที่ส่งมอบอาคารนั้นร้อนมากเกือบ 40 องศาแต่ห้องเรียนชั้นสองกลับเย็นสบายอย่างน่าเหลือเชื่อ

        ได้เห็นแบบนี้แล้วก็ดีใจแทนเด็กๆ ในจังหวัดเชียงรายที่อย่างน้อยพวกเขาจะต้องเจอปัญหา แต่ก็ยังสามารถกลับมาตั้งหลักได้ใหม่จากความช่วยเหลือของคนในสังคม ไม่แน่ว่าอาคารเรียนพอดีพอดีแห่งนี้อาจจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเชียงราย นอกจากร้านกาแฟและแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ

STORY by: Arinya
PHOTO by: 
Pirak Anurakyawachon

 

ABOUT THE AUTHOR
Arinya

Arinya

คนที่ทำตัวเป็นนักท่องเที่ยวในบ้านตัวเองทุกวัน

ALL POSTS