HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
พักปอด พักตา พักใจที่ “บ้านมะขาม” บางน้ำผึ้ง
by Veen T.
14 มี.ค. 2561, 05:31
  12,985 views

ไม่ต้องดิ้นรนไปไกลก็ได้การพักผ่อนฟิลต่างจังหวัดที่แท้ทรู ที่บ้านมะขาม

 

        ชื่อ บางน้ำผึ้งหวาน จนทำให้คิดไปไกล เพราะแว่บแรกสมองจะพาไปไกลๆ ว่าบางน้ำผึ้งมันอยู่ส่วนไหนของประเทศไทยกันนะนี่ ถ้าไม่นับสายขี่จักรยาน สายเที่ยวตลาดบางน้ำผึ้งแล้ว ชื่อนี้ชวนให้คิดถึงความบ้านๆ ธรรมชาติ และความห่างไกลจากเมืองหลวงมากโขอยู่

         แต่...ถ้ามีคนบอกว่าบางน้ำผึ้งนี่ ติดกับบางกระเจ้าล่ะ แน่นอนสมองจะประมวลผลทันทีว่า เฮ้ย..ไม่ไกลเว้ยแกเอาเข้าจริงบางน้ำผึ้งเป็นตำบลที่อยู่แค่จังหวัดสมุทรปราการนี่เอง และใกล้กว่าไปบางปู เมืองโบราณ หรือฟาร์มจระเข้อีกนะ ไม่แปลกที่กลายเป็นแหล่งเที่ยวฮิตในช่วงวีคเอ็นด์รอบๆ กรุงเทพอีกแหล่งหนึ่ง

         ที่เด็ดก็คือความไม่ไกลนั้น มีแม่น้ำเจ้าพระยาขวางกั้นไว้ และทำให้ความใกล้กรุงเทพ ไม่ต้องแลกกับความแออัดของนักท่องเที่ยว staycation อย่างเราๆ ท่านๆ

Staycation แบบนี้ในห้องพัก/ ภาพ: Boonyachet Jamklang / STUDIO MITI

        เราไปบางน้ำผึ้งแบบไม่มีจุดหมายอื่นใดเลย นอกจากจะมารีวิวที่พักป้ายแดงในตำบลนี้ ที่มีชื่อบ้านๆ ทว่าน่ารัก ว่า บ้านมะขาม แค่เห็นรูปบ้านไม้ที่มีพื้นที่รายรอบแบบสบายๆ และมุมสวยที่มีแสงสาดใส่ แก้วกาแฟในถาดที่นั่งมีฉากหลังเป็นสวนเขียว ทางเดินไม้ของบ้านแต่ละหลัง แค่นี้ก็พอให้ตอบตกลงทันทีเมื่อเพื่อนชวนไป staycation กันหนึ่งคืน

        ศึกษาเส้นทางการไป “บ้านมะขาม” ที่บางน้ำผึ้งก่อน และ "วีดีโอ" นี้ก็ช่วยได้มาก ดูจบก็คือมันอยู่ใกล้มากจนแอบอายที่ทำไมไม่รู้ แค่ข้ามเรือจากฝั่งวัดบางนานอก ก็ถึงแล้ว

         บางคนไม่ชอบนั่งเรือหรือไม่ชอบน้ำอาจจะไม่อิน แต่การนั่งเรือหางยาวข้ามฝากแม่น้ำนี่ ถือเป็นความขลังของการไปเที่ยวเลย และคงเพราะเราไปพักในวันธรรมดา โบนัสที่ได้คือความโล่ง โปร่ง สบาย ไม่เร่งรีบ เรือหางยาวก็กลายเป็นเรือหรูส่วนตัวเพราะมีเรากับเพื่อนนั่งกันไปสองคนแค่นั้น ค่าเรือก็แค่คนละ 10 บาท ถูกกว่ามอไซต์ปากซอยอีก

ลงเรือแบบนี้ค่ะ ขึ้นท่าปั๊มน้ำมันเก่า

        ถึงแล้วบางน้ำผึ้ง ท่าเรือถูกต้องตามแบบแผนทุกประการ ศาลาริมน้ำเล็กๆ ลมโกรก พร้อมเจ้าถิ่นสี่ขานอนตากลมอยู่ที่ศาลา ตรงศาลามีแผนที่บอกแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แบบมีภาพประกอบอ่านง่าย สปอนเซอร์โดยบางจาก

        จากศาลาเดินไปก็เจอป้าย ป้าย และก็ป้าย ไม่ต้องเปิดกูเกิ้ลแมพกันหรอก แอบนึกในใจว่าถ้าในท้องถนนมีป้ายที่อ่านง่าย และไม่ขาดตอนแบบนี้คงจะดี แต่นี่ไม่ใช่แค่ตำบลธรรมดานะ เพราะบางน้ำผึ้งเป็น หมู่บ้าน Otop เพื่อการท่องเที่ยวมีป้ายบอกชัดเจน ส่วนบ้านมะขามนั้น แค่เดินไปตามทางเลี้ยวสองเลี้ยว ตามป้ายมีชื่อและโลโก้พร้อมก็ถึงแล้ว ยังไม่ทันเหนื่อยเลย

ประตูทางเข้า "บ้านมะขาม" สายๆ เริ่มมีรถลูกค้ามาจอดแล้ว

        หน้าประตูมีป้ายบอกชัดเจน ประตูเหมือนบ้านแถวฝั่งธนฯ ที่เคยเห็นตอนเด็กๆ มีจักรยานจอดอยู่และทางเดินยาวที่ยกระดับจากพื้นประมาณหนึ่งชั้นตึกก็นำเราไปสู่ด่านแรกของ “บ้านมะขาม” คือร้านกาแฟและอาหารนั่นเอง อารมณ์ของร้านประมาณบ้านคนที่มีชาน มีส่วนนั่งด้านในที่เป็นเคาท์เตอร์และส่วนรอบชาน แต่ยังก่อน ความตื่นเต้นคือรีบไปสำรวจบ้านก่อนดีกว่า ไว้ค่อยมาชิมอาหาร

       เดินไปตามทางจากร้านกาแฟ ลึกเข้าไปเริ่มเห็นบ้านไม้ 6 หลังของที่นี่  สวยเหมือนในรูปไม่ผิดเพี้ยนแต่เพิ่มเติมคือที่ว่าง ดีต่อสายตามากมาย และแสงจริงที่สาดส่องใส่ไม้ นี่คือถ้าอยู่ที่นี่ทั้งวันก็จะเป็นวันที่ไม่เห็นปูนเลย และมองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียว
 

        แล้วคุณหญิง House Manager ของที่บ้านมะขาม ก็พาเข้าบ้าน แนะนำสิ่งที่ต้องรู้ ที่เน้นๆ คือมีที่เสียบกันยุงให้ด้วย ซึ่งจริงๆ บ้านก็มีมุ้งลวดนะ และมองไปรอบๆ แล้วยังแอบคิดว่าคืนนี้ไม่รอดโดนยุงสูบเลือดแน่ๆ ในบรรยากาศสวนชวนฝันแบบนี้ แต่แปลกมากไม่โดนยุงกัดเลย และไม่มีความชุมเหมือนเวลาไปหลายๆ จังหวัด

        เริ่มตื่นตาตื่นใจกับห้องพัก คุณหญิงก็เรียกมารับของว่าง “ม้าฮ่อ” ของขึ้นชื่อของแถบนี้ (อันนี้ก็เพิ่งรู้) ได้ข่าวว่ามีเจ้าเด็ดอยู่คราวหน้าต้องมาจัดอีกสักครั้ง) รสชาติจัดจ้าน ต้นตำรับมาก เสิร์ฟกับเวลคัมดริ๊งค์ เป็นน้ำอัญชัน

        ส่วนที่กินของว่างเป็นเรือนตรงกลาง เปิดโล่ง ลมโกรกกำลังดี และมองเห็นหลังคาที่ดูสวยแปลกตา สะท้อนแสง และอยากรู้ว่ามันกระเบื้องอะไรทำไมดูยิบยับ ก็บังเอิญว่ามีทีมสถาปนิก Studiomiti ผู้ออกแบบ บ้านมะขาม มาพักวันเดียวกันพอดี ได้ความว่ามันคือหลังคารูปแบบใหม่ ใช้แผ่นสังกะสีมาพับและเรียงซ้อนกัน คือดีอ่ะ คิดเก่งจริง

หลังคาสวยเหลือเกินเมื่อกระทบแสง/ ภาพ: Boonyachet Jamklang / STUDIO MITI

        สิ่งที่ชอบมาก ๆ ของบ้านมะขามคือบ้านพักให้บรรยากาศโปร่งสบาย แต่ก็ไม่ได้มีความประดิษฐ์อารมณ์ให้เป็นรีสอร์ทจ๋า ชอบการยกบ้านสูงขึ้นมาหนึ่งเลเวล ใช้ทางเดินยกระดับไป และยิ่งชอบมากที่มารู้ภายหลังว่าเจ้าของที่พักอยากจะเก็บสภาพพื้นที่เดิมเป็นร่องสวนติดแม่น้ำเจ้าพระยาไว้ และทางผู้ออกแบบเองก็พยายามออกแบบโครงสร้างบ้านให้มีร่องรอยทางสถาปัตย์น้อยที่สุดแต่คงความแข็งแรงด้วยโครงสร้างเหล็ก

        ทึ่งไปอีกก็คือ Studiomiti ใช้โครงสร้างเหล็กในการขึ้นตัวบ้าน โดยได้แนวคิดมาจากลักษณะของแชสซีรถบรรทุก ทำให้สามารถก่อสร้างบนพื้นที่เดิม โดยไม่เปลี่ยนแปลงสภาพโดยรอบใดๆ เลย ยิ่งทำให้ที่พักแต่ละหลังที่กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมรอบๆ แบบเนียนตาจริงๆ อันที่จริงสถาปนิกเจ้านี้ก็ไม่ธรรมดาเลยออกแบบที่พักสวยๆ มาหลายแห่งแล้ว มีแต่พอร์ตงานดีๆ ทั้งนั้นเลย

       คือใครที่คิดว่ามาพักบ้านมะขามเพื่อพักปอด หนีค่าฝุ่นในอากาศสูงๆ ในใจกลางกรุงนี่ คุณมาถูกทางแล้ว แต่โบนัสคือความเงียบสงบ ได้พักหู พักตา เพราะมองไปทางไหนก็เขียว ไปเดินรอบบางน้ำผึ้งก็เจอแต่ต้นไม้สีเขียวกับน้ำ อะไรจะเริ่ดเลอเพอร์เฟ็คไปกว่านี้ อ้อ.. อย่าลืมมองหาต้นมะขาม เพราะจริงๆ แล้วชื่อของที่พักตั้งแบบเรียบง่ายตามต้นมะขามต้นใหญ่นั่นเอง

        ยามกลางคืนนั้นแทบไม่มีเสียงอะไรเลย ยกเว้นเสียงเรือ  อย่าลืมว่าคุณกำลังพักอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา แม้จะไม่ใช่บ้านพักริมน้ำแต่ก็อยู่ใกล้มาก แต่ไม่ต้องกังวลไปเพราะพอค่ำๆ หน่อยเรือก็หยุดวิ่งกันแล้ว ไม่เหมือนบ้านริมถนนในกรุงเทพที่มีเสียงรถทั้งคืน

อุปกรณ์ที่เตรียมให้ในห้องพัก

        สิ่งที่ชอบอีกอย่างคือที่นอนที่นี่มีความแข็งได้ใจ คือเป็นที่นอนที่นอนแล้วแน่น ไม่ทำให้ปวดหลังแน่นอน แต่หมอนนอนที่มีให้มากมาย ออกจะสูงและแข็งหน่อย ซึ่งเราได้รายงานคุณหญิง House Manager ไป ได้ความว่ามันจะนิ่มยวบในเวลาอันใกล้นี้คือมันยังใหม่เอี่ยม พวกนุ่นยังไม่ยุบตัวเลยสิเนี่ย อย่างไรก็ตามก็นอนหลับสบาย ตื่นมาก็มีเสียงนกร้องให้ฟังสวย ๆ
        ห้ามตื่นสาย
เตือนตัวเองไว้ เพราะยามเช้าที่นี่ตอนแดดอ่อนๆ กำลังเดินไปมาเพลิน นั่งรับอากาศบริสุทธิ์ก็ดี ที่สำคัญเราเดาว่าอาหารเช้านั้นเด็ดแน่นอน ขนาดม้าฮ่อยังอร่อยเลย ยังไม่ทันได้เลือกเพื่อนรักมาสปอยล์ก่อนเลยว่า “แก..ข้าวต้มอร่อยมาก” และเพื่อนผู้ได้สิทธิ์ตื่นเช้ากว่าก็กำกับว่ายังไม่ได้กินไข่กระทะรอกินพร้อมกัน ตกลงเราได้กินไข่กระทะ เมนูง่ายๆ แต่ถ้าไม่อร่อยคือไม่อร่อยนะ แต่ที่บ้านมะขาม เราว่าผ่านฉลุย แต่อดใจไม่ได้เพราะเพื่อนคุยไว้เลยขอชิมข้าวต้มถ้วยเล็กๆ หนึ่งถ้วย ปรากฏว่า “อร่อยโฮก” เขาใช้ข้าวที่ไม่ใช่ข้าวขาวและน้ำซุปมีเผือกอยู่ด้วย

  

        เมนูอาหารเช้าที่บ้านมะขามมีให้เลือก 2 อย่างซึ่งคุณหญิงบอกว่าถ้าใครมาพักแล้วอยากชิมทั้งสองอย่างก็ย่อมได้ (ใจดีจังเลย) ขอย้ำว่าไม่มีใครควรพลาดข้าวต้ม เพราะปกติเราเป็นคนแอนตี้ข้าวต้มมาก แต่อันนี้อร่อยจริง จนเพื่อนเพียรพยายามถามสูตรลับความอร่อยหลายของทางร้านเผื่อไปทำกินเองที่บ้านบ้าง  
        เริ่มสายๆ เริ่มมีนักปั่นไทยเทศเข้ามาที่ร้านแล้ว ก่อนจะเปิดจริงจัง ร้านเคยเปิดเฉพาะเสาร์
-อาทิตย์มาก่อน พอตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนี้เปิดจริงจังทุกวัน ตั้งแต่เช้าถึง 4 โมงเย็นก็เริ่มมีขาประจำมาแล้ว บางคนมากินทุกอาทิตย์ยังมีมาบอกไว้ด้วยว่ากลับไปเยี่มบ้านเดี๋ยวมาอีก
        ไม่แปลกใจ เพราะร้านอาหารแบบนั่งสบายๆ อาหารอร่อยและเปิดทุกวันแบบนี้ ก็มีคนมาเป็นลูกค้าแน่นอน และถึงในบริเวณบางน้ำผึ้งจะมีร้านที่เป็นที่รู้จักอยู่บ้าง ในช่วงนี้ บ้านมะขามก็มีเหตุผลที่จะเนื้อหอมอยู่ เพราะเป็นร้านป้ายแดง ที่เหลือว่าคนจะชอบหรือไม่ก็อยู่ที่ความดีงามของกาแฟ เครื่องดื่มและอาหาร ซึ่งเราได้ชิมหลายเมนู ขอบอกว่าคงหาลูกค้าประจำไม่ยาก

        นอกจากกาแฟรสดีแล้ว เมนูเด็ดของบ้านมะขามที่ขาประจำมักสั่งซ้ำ ๆ ก็มี Affogato Vanilla Icecream with expresso shot  ไข่เจียวบ้านมะขาม Ham cheese Panini จ้ำบ๊ะ ขนมปังน้ำแข็งใสพร้อมเครื่อง และส้มตำ ไก่ทอด

        หลังจากอาหารเช้าอร่อยที่อิ่มมากกว่าปกติ เพราะซัดไปทั้งไข่และข้ามต้ม ตามด้วยลาเต้ร้อนแก้วโต ก็ได้เวลาถ่ายรูปเก็บบรรยากาศร้าน และเก็บของกลับบ้าน อันที่จริงคุณสามารถเช็คเอ้าท์ได้เวลาเที่ยงแต่เราเผื่อเวลาไว้นิดหน่อย ไม่อยากเสียอารมณ์ไปเจอรถติดที่ฝั่งพระนคร และก็ไม่เสียดายที่ต้องกลับเร็วนะ เพราะบ้านมะขาม บางน้ำผึ้ง อยู่ใกล้แค่นี้เอง ต้องมาอีกแน่ๆ ไม่ว่าจะเป็นแวะมาชิมอาหารเฉยๆ นั่งกินขนม กาแฟ มาปั่นจักรยานเล่น หรือมาค้างคืนรับพลังธรรมชาติดีๆ ก็ตาม ที่ผ่านมาใกล้เกลือกินด่าง คราวนี้ขอกินเกลือบ้างก็แล้วกัน

 

สามารถสำรองพักได้ที่ เฟซบุ๊กบ้านมะขาม
หรือ 
Line@ : @baanmakham
ช่วงนี้เป็นช่วง soft launch มีอัตราเข้าพักพิเศษอยู่ ติดตามได้บนเฟซบุ๊ก

 

กิจกรรมบางส่วนที่น่าสนใจที่บางน้ำผึ้ง

  1. เดินตลาด วันธรรมดาเดินเที่ยวที่ตลาดพระประแดง ชมตลาดบรรยากาศบ้าน ๆ ส่วนเสาร์- อาทิตย์เดินตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง สายเปิบอย่าพลาดชิมม้าฮ่อ และปลาทูต้มเค็ม ของที่นี่คืออร่อยล้ำ
  2. เลือกซื้อลูกประคบสมุนไพรที่บ้านลูกประคบ
  3. เรียนทำธูปสมุนไพร หรือผ้ามัดย้อม ที่บ้านธูปหอม
  4. ปั่นจักรยาน รายรอบเดียวความเขียว มีจักรยานมีให้เช่า ทั้งรายวันและชั่วโมง
  5. หรือจะหาหนังสือสักเล่ม นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ รับอ็อกซิเจนไป
  6. ไปแวะเยี่ยมชมจุดท่องเที่ยว เช่น พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย หรือวัดรอบๆ  
  7. ชมหิ่งห้อยยามกลางคืน มีป้ายบอกอยู่ที่ท่าเรือ แต่อาจจะต้องไปลงเรือที่ท่าอื่น

ABOUT THE AUTHOR
Veen T.

Veen T.

Ex-lifestyle editor who's all about the slow-life vibe and still trying to nail it

ALL POSTS