รู้จักวัดและศาลเจ้าที่เยาวราช ในกิจกรรม "เดินกับเฮีย"
HappBKK Walk EP1 Walk with the China Town Guru จะเดินซอกแซกกันเป็นระยะทางทั้งหมดประมาณ 2 กิโลเมตร ได้ทั้งเดินเข้าวัด เฉียดประตูวัด หรือผ่านกำแพงวัดหลายแห่ง เราจึงอยากจะให้ทุกคนได้ทำความรู้จักวัดและศาลเจ้าที่อยู่ในรัศมีที่เราจะเดินผ่านเช้าวันเสาร์ที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง (ศาลเจ้าไต้ฮงกง)
ประวัติการก่อตั้งมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในประเทศไทยนั้นเริ่มมาจากคุณเบ้ยุ่นอู้ได้อัญเชิญรูปเคารพของไต้ฮงโจวซือจากบ้านเกิดในตำบลฮั่วเพ็ง ประเทศจีนมาประดิษฐานไว้ที่ร้านกระจกย่งซุ่นเซียงแถบวัดเลียบเมื่อพ.ศ. 2439 ชาวจีนโดยทั่วไปที่เลื่อมใสองค์ไต้ฮงโจวซือต่างพากันไปสักการะบูชาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จนมีการสร้างศาลของท่านเป็นการถาวรที่ข้างวัดคณิกาผลโดยพ่อค้าชาวจีน 12 ท่านเป็นผู้นำบรรดาชาวจีนที่ต่างเห็นประโยชน์และศรัทธาในองค์ไต้ฮงโจวซือต่างสนับสนุนกิจการและเพิ่มการสาธารณกุศลต่างๆ โดยขยายออกไปเป็นมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง การตั้งโรงพยาบาลหัวเฉียว และมหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติซึ่งถือเป็นการสนองคุณและสืบทอดเจตนารมณ์ขององค์ไต้ฮงโจวซือมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงเทศกาลตรุษจีนของทุกปี ชาวจีนจำนวนมากจากทั่วทุกสารทิศจะเดินทางมากราบไหว้และทำบุญที่ศาลเจ้าไต้ฮงกงแห่งนี้ และจะมีการอัญเชิญฮู้ (ยันต์) ของท่านกลับไปที่บ้านเพื่อเป็นสิริมงคลและจะมีพิธีลงชื่อสวดมนต์เพื่อขอพรให้คุ้มครองบุคคลในบ้านตลอดทั้งปี (พะเก่ง) ในแต่ละปีจะมีจำนวนคนลงชื่อเพื่อประกอบพะเก่งนี้กว่า 2 ล้านคน
วัดเล่งเน่ยยี่ หรือ วัดมังกรกมลาวาส
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระยาโชฏึกราชเศรษฐีเจ้ากรมท่าซ้ายร่วมกับพุทธศาสนิกชนชาวจีนก่อสร้างเมื่อปีพ.ศ. 2414 ใช้เวลาสร้างประมาณ 8 ปีกว่าจะแล้วเสร็จและได้ชื่อว่า “เล่งเน่ยยี่” ซึ่ง เล่ง มีความหมายว่า มังกร เน่ย แปลว่า ดอกบัว และ ยี่ แปลว่าอาราม วัดนี้ได้รับการตั้งชื่อตามหลักจีนโบราณคือการตั้งตามชัยภูมิ ฮวงจุ้ย ทำเลนั้นๆ ซึ่งนับเป็นสังฆารามตามลัทธินิกายมหายานที่มีศิลปะงดงามและเก่าแก่แห่งหนึ่งของประเทศไทย ซึ่งภายหลังได้รับพระราชทานพระกรุณาโปรดเกล้าจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 พระราชทานนามใหม่ว่า “วัดมังกรกมลาวาส” โดยได้อาศัยอาราธนาพระอาจารย์สกเห็งเป็นเจ้าอาวาสและทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานพระสมณศักดิ์แก่พระอาจารย์สกเห็งเป็นพระอาจารย์จีนวังสมาธิวัตร ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะใหญ่จีนนิกายรูปแรกของประเทศไทย และเป็นปฐมบูรพาจารย์ของวัดมังกรกมลาวาส ท่านเป็นพระที่มีความเมตตาเชี่ยวชาญทางด้านวิปัสสนากรรมฐาน ท่านทราบว่าชีวิตของท่านจะดับขันธ์จึงเจริญวิปัสสนาจนหมดลมปราณและมรณภาพในอิริยาบถนั้น
วัดบำเพ็ญจีนพรต
เดิมเป็นวิหารพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ซึ่งสร้างโดยชาวจีนในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ ในสมัยนั้นเคยเป็นที่พำนักชั่วคราวของพระภิกษุฝ่ายมหายานที่จาริกไปมาระหว่างประเทศจีนและไทย ก่อนพ.ศ. 2414 พระอาจารย์สกเห็งได้จารึกจากประเทศจีนมาพำนักที่วิหารอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ สาธุชนชาวจีนจึงได้ช่วยกันปฏิสังขรณ์ แล้วกราบบังคมทูลขอพระราชทานนามวัดต่อรัชกาลที่ 5 และได้รับพระราชทานนามว่า “วัดบำเพ็ญจีนพรต”
ภายในวัดบำเพ็ญจีนพรตมีรูปพระพุทธเจ้า 3 พระองค์อยู่เป็นประธานคือ พระอมิตาภพุทธเจ้า พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า และมีพระอรหันต์ 18 องค์ เทพเจ้ากวนอู เทพตั่วเหล่าเอี้ย พระสกันทะโพธิสัตว์ และพระเมตไตรยโพธิสัตว์ รวมถึงเทพเจ้าอื่นๆ อีกหลายองค์ บางองค์เป็นศิลปะแบบจีนโบราณที่เรียกว่า ทกทอ หรือ ทกชา คือการสร้างพระ โดยใช้ผ้าป่านหรือแผ่นหนังทาบลงบนหุ่นแล้วทารักทับเป็นชั้นๆ ทิ้งไว้จนแห้งแล้วจึงถอดแบบมาทำเป็นองค์พระแล้วลงรักปิดทองหุ้มทับอีกชั้นหนึ่ง หากเป็นพระพุทธรูปใหญ่ต้องมีโครงไม้ไผ่ผสมกับผ้าป่านเพื่อให้แข็งแรง
วัดกันมาตุยาราม
ตั้งอยู่หลังตึกเก้าชั้นเป็นวัดราษฎร์ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย นางกลีบ สาครวาสี มารดาพระดรุณรักษา (กัณฑ์ สาครวาสี) เป็นผู้สร้างวัดนี้เมื่อปลายรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในพ.ศ. 2407 วัดนี้มีนามว่า “กันมาตุยาราม” ซึ่งแปลว่า วัดของมารดานายกัน นางกลีบ หรือคุณแม่กลีบสืบทอดกิจการโรงหญิงโคมเขียว หรือซ่องโสเภณีในสมัยนั้นมาจากคุณยายแฟงผู้สร้างวัดคณิกาผลขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 วัดนี้สร้างบนที่สวนดอกไม้ของนางเองในวัดกันมาตุยารามมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น พระอุโบสถก่ออิฐถือปูนรูปทรงแคบสูงแบบเก่า พระเจดีย์แบบลังกาสร้างเลียนแบบธัมเมกขสถูปในอินเดีย อนุสาวรีย์คุณแม่กลีบเป็นตึกขนาดเล็กทรง 8 เหลี่ยมยอดโดม

วัดคณิกาผล
เดิมชื่อว่า วัดใหม่ยายแฟง ซึ่งเรียกตามชื่อผู้สร้างคือยายแฟง เจ้าของโรงหญิงโคมเขียวชั้นสูงตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งสร้างความร่ำรวยให้กับยายแฟงมากจนนำเงินนั้นมาสร้างวัดขึ้น ปัจจุบันภายในวัดนี้เหลือสิ่งก่อสร้างที่เป็นของเดิมเพียงไม่กี่อย่าง เช่น พระวิหาร และ พระประธานด้านในพระระเบียง และพระปรางค์องค์เล็ก 1 องค์
วัดกุศลสมาคร
มีชื่อตามภาษาญวนว่า วัดโพเพื่อกตื่อ สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2383 สันนิษฐานว่าที่ดินที่ตั้งวัดนั้นได้รับการถวายโดยตระกูลของพระเจริญราชธน (เท่ง เลาหเศรษฐี) ซึ่งในปัจจุบันในวัดยังมีเจดีย์บรรจุแกซิ้งของท่านอยู่บริเวณด้านข้างพระอุโบสถ ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อมีการปฏิสังขรณ์วัดนี้ขึ้นใหม่จึงได้รับพระราชทานนามว่า วัดกุศลสมาคร ซึ่งหมายถึง วัดที่มีแต่ความดี ความบริสุทธิ์ดุจน้ำในสาคร
ศาลพระศรีทรงยศ (เจ้าสัวเนียม)
ศาลแห่งนี้มีลักษณะแตกต่างกว่าศาลเจ้าอื่นๆ ที่ปรากฏในพื้นที่เยาวราช เพราะเป็นศาลที่สร้างให้แก่บุคคลธรรมดาซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากในย่านนี้ นามว่า เจ้าสัวเนียม
เจ้าสัวเนียมหรือพระศรีทรงยศเป็นบุตรชาวจีนโพ้นทะเลที่เข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารประกอบกิจการค้าสำเภาในช่วงต้นรันตโกสินทร์จนมีฐานะร่ำรวย เป็นเจ้าของที่ดินจำนวนมากในย่านสำเพ็งและเยาวราช พื้นที่ตั้งศาลของท่านนั้นซึ่งปัจจุบันเป็นอาคารพิชัยญาติ แต่เดิมเคยเป็นบ้านของท่านมีลักษณะเป็นอาคารแบบจีนขนาดใหญ่ปรากฏชื่อบ้านว่า กวางหลกเต่ย ซึ่งถือเป็นที่พึ่งพิงของบรรดาชาวจีนที่ยากจนจำนวนมากในสมัยนั้น มรดกที่ดินจำนวนมากในย่านเยาวราชปัจจุบันสืบทอดแก่ทายาทซึ่งดูแลในชื่อบริษัทไพบูลย์สมบัติ
ขอบคุณข้อมูลจาก เอกสารเส้นทางเที่ยวเยาวราช “ศรัทธาวิถี” จัดทำโดยกองการท่องเที่ยว สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว กรุงเทพมหานคร