ปั่นบนรันเวย์
ใครไปเที่ยวเยอรมันก็คงดูออกว่าเบอร์ลินไม่ใช่เมืองที่ปั่นจักรยานได้สะดวกปลอดภัย หรือแม้แต่มีประสิทธิภาพที่สุดในประเทศ แต่เราเชื่อว่าหากใครไปเดินชื่นชมบรรยากาศเมืองหลวงแห่งนี้แล้ว มักจะรู้สึกคันมือคันเท้าอยากจะปั่นชมเมืองเป็นแน่ เพราะถึงแม้ว่าทางจักรยานในเบอร์ลินจะกว้างบ้างแคบบ้างเพราะกฎหมายเพิ่งบังคับให้มีขนาดกว้างถึง 160 เซนติเมตรจากเดิมที่เคยบังคับให้กว้างเพียง 50 เซนติเมตรมาร้อยกว่าปี (ตั้งแต่ปีค.ศ. 1898)
ถึงแม้ทางจักรยานในเบอร์ลินอาจจะไม่ได้ดีเลิศเหมือนเมืองอื่นๆ ในยุโรป แต่จักรยานดูน่าจะเป็นยานพาหนะที่เหมาะกับเบอร์ลินที่สุดเป็นแน่ เพราะดูจากความนิยมของทั้งคนเบอร์ลินและนักท่องเที่ยว (ถ้าสังเกตจากร้านจักรยานให้เช่าวันละสิบถึงสิบสองยูโรที่ตั้งอยู่ตามแหล่งท่องเที่ยว หรือทัวร์จักรยานที่เพิ่มขึ้นทุกวัน) ที่หันไปทางไหนก็เจอแต่คนปั่นจักรยานเฉียดซ้ายขวา จะไม่ให้คนปั่นเยอะได้ยังไงกัน ก็สองล้อนี่แสนจะสะดวกสบาย เข้าตรอกซอกซอยที่ไหนก็ได้ หาที่จอดก็ง่ายดายเป็นที่สุดและไม่ต้องเสียค่าจอดอีกต่างหาก
เพราะฉะนั้นภาพที่คนไปเบอร์ลินจะเห็นก็คือคนปั่นจักรยานกันในทุกฤดู ฝนจะตก แดดจะออก หรือหิมะจะโปรยปรายลงมายังไง จักรยานก็ยังคงเป็นที่พึ่งในการเดินทางให้กับคนที่นี่ ทั้งที่ขนส่งมวลชนที่นี่ออกจะมีประสิทธิภาพเหลือล้นครอบคลุมทุกพื้นที่แบบที่มอเตอร์ไซค์รับจ้างหมดสิทธิทำมาหากินแน่นอน ภาพแม่บ้านพ่อบ้านบรรทุกอาหารหลังจากจ่ายตลาดเต็มกระเป๋าสัมภาระในเบาะหลังจักรยาน พ่อแม่ลูกอ่อนพ่วงเด็กน้อยในเก้าอี้เด็กบนเบาะหลัง หรือคนวัยทำงานหิ้วกระเป๋าเมสเซนเจอร์ของ Freitag ปั่นจักรยานตัวปลิว เหล่านี้ล้วนเป็นชีวิตจริงที่ไม่ได้แต่งตัวเก๋ๆ ตามกระแสเหมือนที่เราเห็นแถวบ้านกันนะจ๊ะ
แต่วันนี้เราไม่ชวนคุณปั่นจักรยานชมเมืองเบอร์ลินหรอกนะเพราะมันคงธรรมดาเกินไป อีกทั้งเรายอมรับว่าปริมาณรถยนต์ในเบอร์ลินเพิ่มขึ้นมาจริงๆ จนเราคิดว่าเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวนั้นสามารถทำได้ด้วยการเดินหรือไม่ก็นั่งรถสาธารณะได้อย่างปลอดภัยจะดีกว่า ถ้าคุณอยากจะทัวร์เมืองเบอร์ลินแบบเห็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดสำคัญทั้งหมด เราขอแนะนำให้คุณซื้อตั๋วโดยสารหนึ่งวัน (ราคา 7.7 ยูโร) แล้วนั่งรถเมล์สาย 100 หรือ 200 รับรองว่าคุณเห็นแหล่งท่องเที่ยวทุกจุดจริงๆ
วันนี้เราจะชวนคุณไปปั่นจักรยานในที่ที่เก๋ที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองเบอร์ลิน นั่นคือสนามบิน Tempelhof Airport และปั่นจักรยานที่นี่ไม่ได้ไปปั่นในพื้นที่เหมือนสนามฟ้าที่สนามบินสุวรรณภูมินะ สนามบินที่นี่อนุญาตให้คุณปั่น เดิน วิ่ง หรือทำกิจกรรมต่างๆ ได้บนรันเวย์เลยทีเดียว เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะที่นี่เป็นสนามบินเก่าของเมืองเบอร์ลินที่เลิกใช้ไปแล้วน่ะสิ
ทำไมต้องไปสนามบิน Tempelhof Airport?
บริเวณนี้ถูกกำหนดให้เป็นสนามบินโดยกระทรวงคมนาคมในพ.ศ. 2473 โดยที่อาคารหลังเดิมเริ่มสร้างพ.ศ. 2470 และรัฐบาลนาซีในยุคนั้นเริ่มเล็งเห็นความหนาแน่นของการจราจรทางอากาศจึงเริ่มปรับปรุงสนามบินอย่างใหญ่โตในช่วงปลายทศวรรษ 2470 จนกระทั่งสนามบินแห่งนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในสามสนามบินไอคอนในยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สองของยุโรป (อีกสองแห่งคือ สนามบิน Croydon Airport ในลอนดอนที่เลิกใช้งานแล้วในปัจจุบันและสนามบิน Le Bourget Airport ในปารีส และสนามบินเทมเพลโฮฟได้กลายมาเป็นศูนย์กลางการบินของเบอร์ลินในช่วงพ.ศ. 2491-2492
โดยจุดเด่นของสนามบินแห่งนี้จะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจากสถาปัตยกรรมที่แข็งทื่อแบบนาซี ตึกสี่เหลี่ยมแข็งๆ ทื่อๆ ตระหง่านอยู่กลางพื้นที่โล่ง แต่จุดเด่นจริงๆ ของสถาปัตยกรรมแห่งนี้คือรูปลักษณ์ที่โค้งคล้ายกันสาดเพื่อรองรับการจอดเครื่องบินในยุคนั้น
อาคารแห่งนี้เคยติดอันดับหนึ่งในยี่สิบตึกที่ใหญ่ที่สุดในโลก แต่กลับมีร้านค้าปลอดภาษีที่เล็กที่สุดในโลก
สนามบินแห่งนี้เป็นหนึ่งในสามของสนามบินที่เป็นตัวแทนของสนามบินยุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่มีความโดดเด่นในเรื่องสถาปัตยกรรมของยุคนาซี ตึกขนาดมหึมาที่มาพร้อมกับการออกแบบที่แข็งทื่อเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมตามแบบฉบับการออกแบบของยุคดังกล่าง แต่ตึกแห่งนี้ก็มีความโดดเด่นในการออกแบบตัวอาคารให้โค้งเพื่อรองรับเครื่องบินเข้าจอด
ครั้งหนึ่งตึกสนามบินแห่งนี้เคยติดอันดับหนึ่งในยี่สิบตึกใหญ่ที่สุดในโลก แต่ภายในตึกกลับมีร้านค้าปลอดภาษีที่เล็กที่สุดในโลก
แม้ว่าปัจจุบันอาคารแห่งนี้จะไม่เปิดให้คนเข้าชม แต่ก็ยังมีโอกาสได้ใช้งานอยู่เป็นประจำ เช่น ที่นี่เคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต และงานจัดแสดงสินค้า และทันทีที่สนามบินถูกประกาศให้ใช้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคนเมื่อเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ในเดือนเดียวกันรัฐบาลก็ประกาศให้ใช้ตัวอาคารเพื่อรองรับผู้อพยพจากซีเรียในช่วงปลายพ.ศ. 2559 ซึ่งภายหลังได้มีการติดตั้งห้องพักชั่วคราวเพื่อรองรับครอบครัวผู้อพยพมากกว่า 3,000 คน แต่บางสำนักข่าวรายงานว่าสนามบินเก่าแห่งนี้มีโอกาสได้ต้อนรับผู้อพยพจากทั้งซีเรีย อัฟกานิสถาน และอิรักมาแล้วกว่า 7,000 คน
แต่กว่าจะได้สนามบินมาเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนทุกเพศทุกวัยได้เอ็นจอยกันขนาดนี้ก็ต้องฝ่าฟันกันพอตัว Christian Hajer สถาปนิกผังเมืองที่อาศัยและทำงานในเบอร์ลิน (รวมทั้งเป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลท้องถิ่นเบอร์ลิน) เล่าว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเมืองเบอร์ลินเริ่มตระหนักถึงปัญหาประชากรหลั่งไหลเข้ามาจนล้น ทำให้ที่พักอาศัยขาดแคลนอย่างหนัก
จนเมื่อสนามบินแห่งนี้ปิดตัวลงเป็นการถาวรในวันที่ 30 ตุลาคม 2551 และร้างว่างเปล่าเป็นเวลาหลายปี รัฐบาลท้องถิ่นปิ๊งไอเดียว่าเอาสนามบินเก่ายุคนาซีที่ไม่ได้ใช้งานแล้วมาทำเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ดีกว่า นัยว่าทำเลกลางเมืองขนาดใหญ่ขนาดเกือบ 4 ตารางกิโลเมตรนี้ต้องพัฒนาที่ดินให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการสร้างอาคารอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่พักอาศัยระดับไฮเอ็นด์ได้กว่าสี่พันยูนิต อาคารสำนักงาน และห้องสมุดเมืองขนาดใหญ่
แต่ชาวเมืองเบอร์ลินฮิปสเตอร์ตัวพ่อตัวแม่กลับไม่เห็นด้วย เพราะพวกเขาไม่ไว้ใจที่จะปล่อยให้พื้นที่สาธารณะไปตกอยู่ในมือของนักพัฒนาที่ดินเอกชน เมื่อพ.ศ. 2559 ชาวเมืองเบอร์ลินจึงร่วมกันลงชื่อเพื่อคัดค้านโครงการดังกล่าว และประเด็นนี้ถูกนำขึ้นไปโหวตหลังจากที่มีการล่ารายชื่อคนไม่เห็นด้วยได้มากพอ จนทำให้คนมากกว่า 64% ร่วมโหวตให้สนามบินแห่งนี้ถูกเก็บไว้เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับทุกคน
ว่ากันว่าที่สนามบินแห่งนี้ถูกเก็บเอาไว้เป็นพื้นที่สาธารณะแห่งนี้เพราะกลุ่มฮิปสเตอร์รุ่นเดอะที่อาศัยอยู่ใกล้สนามบินเป็นกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองมาก่อน และการโหวตครั้งนั้นก็เป็น strategic vote ที่ต่อต้านพรรคการเมืองที่อยู่ในสภาการเมืองท้องถิ่นปัจจุบันมากกว่า อีกทั้งรัฐบาลท้องถิ่นชุดดังกล่าวยังโปรโมตถึงโครงการใช้สอยอเนกประสงค์ว่าให้เป็น “พื้นที่สาธารณะ” สำหรับคนเบอร์ลิน ซึ่งกลายเป็นที่มาของการตั้งคำถามที่ว่า “ก็ในเมื่อตอนที่สนามบินเก่ายังไม่ได้พัฒนาก็เป็นพื้นที่สาธารณะอยู่แล้ว เราจะพัฒนามันไปทำไมกัน” ผู้คนก็เลยโหวตไม่เห็นด้วยกันอย่างท่วมท้น
สนามบินแห่งนี้จึงกลายเป็นพื้นที่สาธารณะที่ทุกคนเข้าถึงและทำกิจกรรมโปรดโดยไม่จำเป็นต้องเป็นฮิปสเตอร์ ในฤดูร้อนเราจะเห็นเด็กๆ จากโรงเรียนในละแวกวิ่งเล่นกัน หรือพ่อแม่พาลูกเล็กเด็กแดงมาพักผ่อน ผู้ใหญ่บางคนทำสวนผักและดอกไม้ บ้างก็จับกลุ่มนั่งจิบชากาแฟหรือเบียร์อยู่บนโต๊ะและเก้าอี้ไม้ชั่วคราวข้างสวนผักนั่นแหละ หรือคนนำอุปกรณ์โปรดของตัวเองมาทำที่นี่ ทั้งดูนก เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือแม้แต่ land windsurf
ใครใคร่อยากจะเดินวิ่งหรือทำกิจกรรมใดๆ บนพื้นรันเวย์หรือสนามหญ้าก็ได้ ถ้าไม่รบกวนหรือเป็นอันตรายต่อคนอื่นๆ สนามบินที่นี่ใครไปก็ติดใจเพราะรันเวย์กว้างขวางใหญ่โตแต่เปิดโล่งให้กับมนุษย์หรืออุปกรณ์กีฬาที่ไร้เครื่องยนต์เท่านั้น แต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิก็ลมแรงเอาการอยู่ทำให้ปั่นต้านลมลำบากเล็กน้อย
เล่าประวัติความเป็นมาของสนามบินที่ถูกเปลี่ยนให้เป็นพื้นที่สาธารณะของมวลชนได้น่าทึ่งขนาดนี้แล้ว เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะอยากไปปั่นบนรันเวย์สนามบินเก่าแห่งนี้แน่นอน แล้วคุณจะรออะไรอยู่เล่า คราวหน้าถ้าแวะไปเบอร์ลินก็อย่าลืมแวะไปออกกำลังกายหรือเดินดูชีวิตจริงๆ แบบฮิปสเตอร์ตัวพ่อตัวแม่ได้ที่สนามบินนี้กัน
เวลาเปิดทำการ 09.00 น. – 17.00 น. วันจันทร์ถึงศุกร์ และ 09.00 น. – 16.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ ไม่เสียค่าเข้า
บริเวณรอบๆ สนามบินมีร้านให้เช่าจักรยาน แต่ทางไปสนามบินค่อนข้างชันและอาจใช้เวลานาน เพราะฉะนั้นไปเช่าจักรยานในสนามบินจะสะดวกกว่า
การเดินทาง นั่งรถใต้ดิน U6 หรือจะนั่งรถเมล์สาย 140, 184, 246 หรือ M46 ไปลงสถานี U-Bhf Alt-Tempelhof แล้วเดินเข้าสนามบินไปเช่าจักรยานได้เลย