เตรียมรับมือกับโลกใหม่ยุคดิจิตัล
อะไรจะเปลี่ยนไปเมื่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมจะเป็นตัวกำหนดอนาคตคนทุกคนบนโลกใบนี้
สิ่งแรกที่เราจะเห็นได้คือจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตทั่วโลกจะเพิ่มเป็นสี่หมื่นห้าพันล้านเครื่อง (45 billion) ในปี 2563 เทียบกับสองหมื่นล้านเครื่องในปัจจุบัน (20 billion)ด้วยเครื่องมือการแปลจาก Google เราจะสามารถเข้าใจภาษาได้นับสิบภาษาด้วยจำนวนเงินที่น้อยลง เราสามารถหาเซลล์มะเร็ง ณ จุดเริ่มต้นด้วการทำ genome sequencing (การจัดอันดับคู่เบสของ DNA)นี่คือบางส่วนที่อเลค รอสส์ มองเห็นรอสส์เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา ที่เคยเป็นที่ปรึกษาด้านนวัตกรรมของฮิลลารี คลินตันเมื่อครั้งเธอดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และเป็นผู้เขียนหนังสือขายดีติดอันดับของนิวยอร์ค ไทมส์ ชื่อ อุตสาหกรรมในโลกอนาคต (The Industries of the Future) ที่ได้รับการแปลกว่า 15 ภาษารอสส์ มากรุงเทพเมื่อเดือนที่แล้วในฐานะแขกของบริษัทดีแทค เพื่อเล่าถึงหนังสือของเขาและ สิ่งที่เขามองเห็นจากนวัตกรรมใหม่ๆที่จะเกิดขึ้นมาบนข้อมูลดิจิตัลที่มีจำนวนมหาศาลรอสส์บอกว่า 90% ของข้อมูลดิจิตัลทั้งหมดเพิ่งเกิดขึ้นในเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลที่ธนาคารโลก (ที่ครอบคลุมเรื่องต่างๆของประเทศทั่วโลก)เก็บมาตั้งแต่ก่อตั้งสามารถสร้างขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง และข้อมูลมีแต่จะโตอย่างรวดเร็วมากขึ้นเมื่อจำนวนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้มีจำนวนมากขึ้น Google Translation ตอนนี้มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ขึ้นเพราะมีคนใช้งานมากขึ้น โดยมีคนใช้บริการนี้ 200 ล้านคนต่อวัน เพื่อให้แปลข้อความกว่า 1 พันล้านครั้ง รอสส์มองว่า ภายใน 5 ปี ฐานข้อมูล Big Data นี้จะทำให้เราพูดได้ถึง 10 ภาษาแบบไม่ยาก แค่มีอุปกรณ์ (โทรศัพท์หรือคอมพิวเตอร์) และไมโครโฟนเขามองต่อว่าเมื่อข้อมูลบนพื้นดินไปอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ต อนาคตของรถไร้คนขับก็อยู่ไกล้นิดเดียว จากข้อมูลนั้น พร้อมด้วยระบบ GPS และเซ็นเซอร์ รถไร้คนขับไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จะดีไหมถ้าทุกคนมีรถลิมูซีนประจำตัว หรือนึกถึงรถบรรทุกที่ไม่ต้องมีคนขับในอุตสาหกรรมต่างๆก็จะมีการใช้ศาสตร์ด้านหุ่นยนต์ (robotics) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) มากขึ้นเพราะหุ่นยนต์มีต้นทุนที่ต่ำลง รวมทั้งโลกมีระบบ Cloud กับระบบปฏิบัติการที่สมบูรณ์มากขึ้น ทำให้สามารถทำงานได้หลากหลายมากขึ้น ในอุตสาหกรรมการเกษตรก็มีการใช้ GPS และเลเซอร์ในการทำเกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ที่ช่วยลดการใช้น้ำและปุ๋ย รถไร้คนขับของ Google
"ต่อไปเราอาจจะไม่ต้องไปเรียนจนจบมหาวิทยาลัย แต่เราต้องเป็นผู้ที่พร้อมจะเรียนรู้ตลอดชีวิต"โลกของการรักษาพยาบาลก็จะเปลี่ยนไปเมื่อมีการนำวิทยาการทางการแพทย์มาทำการค้าและราคาถูกลงรอสส์เล่าว่า อาจารย์ที่มหาวิทยาลัยจอห์น ฮ็อปสกินเสนอการทำ genome sequencing ให้เขา เพื่อเช็คว่าอวัยวะส่วนไหนของเขาที่มีเชื้อมะเร็งโดยวิทยาการนี้สามารถหาเชื้อได้ตั้งแต่มันเริ่มก่อตัว บริการนี้ตอนนี้ราคาถูกลงมากแค่ $1,200 จาก $100,000 เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งทำให้คนจำนวนมากสามารถใช้ประโยชน์จากวิทยาการนี้ได้ในด้าน synthetic biology (ชีวสังเคราะห์) ขณะนี้มีการปลูกอวัยวะคนในสุกร เพื่อการปลูกถ่ายอวัยวะโดยไม่ต้องพึ่งการบริจาคที่อาจจะเข้ากันไม่ได้กับร่างกายคนไข้ไม่แปลกที่เมื่อวิทยาการด้านการแพทย์ดีขึ้น อายุเฉลี่ยของมนุษย์ถึงยาวขึ้นเป็น 72 ปีในปีนี้ เทียบกับ 58 ปีเมื่อปี 1971ข้อมูลเหล่านี้คือสิ่งแสดงออกถึงอำนาจในโลกอนาคต เทียบได้กับที่ดินเมื่อครั้งโลกอยู่ในยุคการเกษตร หรือ เหล็กในยุคอุตสาหกรรม รอสส์ยอมรับว่าโลกนี้มีทั้งผู้ที่ชอบและผู้ที่กลัวอนาคตแบบนี้ สำหรับเขามันเป็นได้ทั้งโอกาสและความน่ากลัวรอสส์อยู่ในทีมหาเสียงให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ด้านเทคโนโลยี เขาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีในการระดมทุนจากคนทั่วไป เนื่องจากนักการเมืองที่อิงทุนใหญ่มักจะต้องตอบแทนกลับทุนนั้น ในขณะที่คนทั่วไปสามารถใช้เครื่องมือในการให้ความรู้ด้านประชาธิปไตยและต่อต้านการคอร์รัปชันแต่เขาก็กำลังขบคิดว่าเมื่อเทคโนโลยีดีขึ้นคนมีเวลามากขึ้น เขาจะเอาเวลานั้นไปทำอะไร หรือเมื่อคนมีอายุยืนมากขึ้น ในช่วงท้ายของชีวิต คุณภาพชีวิตของพวกเขาจะดีตามไปด้วยไหม หรืออย่างเทคโนโลยีรถไร้คนขับ ถ้าเกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าจะต้องมีคนขับรถจำนวนมากต้องตกงานโลกที่เปลี่ยนไป ผู้นำทางการเมืองและธุรกิจก็ต้องเปลี่ยนมุมมอง ที่ต้องผสมผสานศาสตร์เหล่านี้กับทางธุรกิจ รอสส์มองว่าตอนนี้ระบบการเมืองแบ่งออกเป็นฝ่ายซ้ายฝ่ายขวา แต่อนาคตจะเป็นระบบเปิดและปิด แน่นอนว่านวัตกรรมที่ดีจะเกิดได้ในสังคมที่เปิด"เมื่อก่อน ผู้รอดคือผู้ที่แข็งแรงที่สุด แต่ในอนาคต ผู้รอดคือผู้ที่สามารปรับตัวได้ดีที่สุด"
น่าคิดว่าคนไทยและประเทศไทยพร้อมแค่ไหนกับอนาคตในรูปแบบนี้