ประสบการณ์ตรงของหญิงสาวที่อยากเรียนศิลปะการป้องกันตัวบราซิลเลี่ยน
ตอนแรกที่เหยียบเข้าไปในยิม
บราซิลเลี่ยน ยิวยิตสู (Brazilian Jiu Jitsu) รู้สึกทันทีว่าเราคิดผิดไปแล้ว มีผู้ชายเต็มห้องที่ดูเหมือนจะสนุกกับการรัดตัวกันเป็นเกลียว วันนั้นไม่มีผู้หญิงเลย มีแต่เราคนเดียว โชคดีที่มีผู้ชายสุดหล่อคนนึงมาช่วยเป็นคนซ้อม เขาบอกว่าเราเรียนเร็วมาก และพอได้เรียนท่าแรกที่เรียกว่าท่าหักปีกไก่ เป็นท่าที่จับแขนแล้วหักแขนให้เป็นเหมือนปีกไก่ ก็รู้สึกสนุก สะใจ และอยากไปอีก
หลังจากเรียนไปไม่กี่เดือนก็รู้สึกว่าเราเก่งขึ้น ไม่ใช่แค่เรื่องการป้องกันตัวที่เราได้เรียน แต่เป็นการรับมือกับผู้ชายที่มาลวนลาม โดยบราซิลเลี่ยนยิวยิตสูเป็นศิลปะการป้องกันตัวที่แน่นการต่อสู้ตรงพื้น จะมีหลายท่าที่ดูเหมือนจะมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะเกือบทุกท่าจะต้องเริ่มจากการที่คนหนึ่งจะต้องนอนลงและผู้ต่อสู้อีกคนจะคร่อมตัวอยู่ข้างบน การเรียนครั้งแรกจะสอนเรื่องวิธีการหนีออกจากสภาวะที่มีคนมากดทับบนตัวเรา นอกจากนั้นจะมีการสอนท่าไม่ตายอย่างเช่น การรัดคอ หักข้อต่อต่างๆในร่างกาย ชื่อท่าดังๆ ที่เรียนจะมี arm bar ที่จะหักแขนได้ทั้งแขน rear naked choke ที่จะรัดคอผู้ต่อสู้จากข้างหลัง และ triangle choke ที่เป็นการใช้ขาให้เป็นรูปสามเหลี่ยมรัดตรงคอ
การซ้อมกับผู้ชายที่มีแต่ซิกซ์แพ็กส์ และส่วนมากจะเป็นนักมวยมืออาชีพ และสายดำ สายน้ำตาลในบราซิลเลี่ยนยูยิสสู ทำให้เรามีความมั่นใจพอที่จะป้องกันตัวเองกับผู้ชายที่เข้ามาลวนลาม เมื่อก่อนเราจะไม่กล้าแม้แต่ปฏิเสธถ้ามีผู้ชายมาจับต้องตัว แต่ตอนนี้มีความมั่นใจมากขึ้น เพราะรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นที่เราได้เรียนศิลปะการป้องกันตัว
ในการเรียนก็จะมีหลายครั้งที่เราไม่ต้องการเจ็บตัว ซึ่งในกีฬานี่จะสอนเสมอว่าท่าเจ็บก็ต้องพูดว่า Tap หรือที่หมายความว่ายอมแล้ว แต่ในการเผชิญหน้ากับคนที่จะมาทำร้ายเรา เราจะรู้ด้วยสัญชาตญาณว่าตกอยู่ในอันตราย จากการฝึกมองกริยาท่าทางของคนรอบข้าง โดย โค้ชฟิล เดน สายดำของทีมในตำนาน Tinguinha บอกว่ามีหลายปัจจัยของการป้องกันตัวที่เราควรจะเรียน อย่างเช่นการพูดกับคนแปลกหน้าที่เข้ามาใกล้ดัวเรา การรับรู้สิ่งรอบข้างเรา อย่างเช่นการดูโทรศัพท์ โค้ขฟิลบอกว่าไม่ควรเลยเพราะเราจะไม่เห็นสิ่งรอบข้างที่จะมาทำร้ายตัวเรา เขาบอกอีกว่าบราซิลเลี่ยน ยูยิสสูเป็นเครื่องมือสุดท้ายที่เราควรจะใช้เมื่อเจอคนที่หวังจะมาทำร้าย เมื่อเราเจอทางตันแล้วไม่สามารถหลีกหนีได้
อย่างไรก็ตาม นิติ เตโชติอัศนีย์ ที่เป็นสายดำคนไทยในบราซิลเลี่ยน ยิวยิตสูคนแรก และคนเดียวในประเทศไทย บอกว่าคุณสามารถที่จะป้องกันตัวเองจากการข่มขืนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ถ้าคุณเรียนบราซิลเลี่ยนยูยิสสู แต่บราซิลเลี่ยนยูยิทสูไม่ได้เป็นที่นิยมมาก เพราะ มันเป็นกีฬาที่มีการเตะเนื้อต้องตัว นิติบอกว่าหลายคนรับไม่ได้เมื่อเห็นผู้ชายสองคนตัวพันกัน มีหลายคนที่ทนไม่ได้กับเหงื่อ การบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้ขณะการซ้อม และได้เลิกเรียนกันหลายคน
วรุต อภัยสุวรรณ สายน้ำตาลบราซิลเลี่ยนตาลยูยิสู บอกว่าในสถานการณ์จริงเราไม่ควรที่จะต่อสู้กับใคร แต่ให้วิ่งหนีจะเป็นการง่ายที่สุด โดยวรุตได้สอนในยิม Raw BJJ ว่าถ้ามีคนมากกว่าหนึ่งคนล้อมตัวคุณ คุณควรที่จะหันหน้าเข้าไปหาคู้ต่อสู้ ไม่ใช่หันหลังให้เพราะจะไม่เห็นว่าผู้ร้ายจะบุกรุกเราอย่างไร เสร็จแล้วพยายามถอยหลังจนคิดว่าปลอดภัย แล้วพยายามวิ่งหนี ในการเรียนการป้องกันตัวกับโค้ชวรุต เขาจะมีการจำลองเรื่องจริง โดยให้นักเรียนอยู่ตรงกลาง และมีนักเรียนอีกสองคนบุกรุกคนกลาง ซึ่งมันเหนื่อยมาก วิ่งหนีก็หอบแฮกๆ แล้วยากที่จะต่อสู้ได้ทั้งสองคน สรุปจากการเรียนครั้งนั้นว่าเราไม่รอดแน่ๆ แล้วควรวิ่งหนีอย่างเดียว ส่วนถ้ามีใครมาข่มขืนก็สามารถป้องกันตัวเองได้พอสมควร จากที่เรียนมาสิบเดือน
และโค้ชฟิลได้ให้ข้อคิดหลายอย่างว่าคนที่มาข่มขืนเรา ส่วนมากจะเมา หรือมีแรงมากกว่าเรา ถ้าไม่มีการฝึกอย่างต่อเนื่องอย่างน้อยสี่ปีขึ้นไปก็อาจจะยากที่จะหนีพ้นได้
ผู้เขียนกับเพื่อนๆ และครูฝึก
ถึงแม้ว่าเราจะแนะนำให้ทุกคนเรียนเพื่อป้องกันตัวเอง นิติบอกว่าการเรียนบราซิลเลี่ยน ยิวยิตสูเป็นเหมือนการจำลองชีวิตจริง คือเราต้องมีความหมั่นเพียร อดทนเพราะการที่จะเก่งได้หรือได้เป็นสายดำต้องใช้เวลาเป็นสิบกว่าปี เราจะต้องรู้จักสู้เพื่อที่จะไปให้ถึงจุดเป้าหมาย แม้ว่ามันจะทรมานเพียงใด แล้วเราจะต้องมีความเชื่อใจต่อเพื่อนๆเราว่าจะไม่ทำให้เจ็บปวดถึงจะอยู่ด้วยกันได้ยาว นักเรียนทุกคนจะต้องเคารพอาจารย์ มีความจงรักภักดีต่อครูที่เราไปเรียนด้วย แล้วพยายามไม่เปลี่ยนที่เรียนโดยไม่จำเป็น ถือว่าเป็นการเรียนที่คุ้มที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะมาด้วยความเจ็บปวด
