HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
Elephant Forest Phitsanulok จุดหมายใหม่ของคนอยากเห็นช้าง…ในแบบที่ช้างควรเป็น
by HappBKK
25 ส.ค. 2568, 20:34
  1,537 views

เคยคิดไหมว่า ถ้าเราไปเที่ยวปางช้างแบบไม่ขี่ช้าง ไม่อาบน้ำช้าง แล้วเราไปทำอะไร?

หากคุณเคยเห็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของไทยอย่าง “ช้าง” ในชุดประดับ เห็น “ช้าง” เดินบนถนนร้อนๆ หรือมีนักท่องเที่ยวขึ้นลงบนหลังตลอดทั้งวัน

เราเชื่อว่าเรื่องราวที่ทุกคนจะได้อ่านต่อไปนี้…อาจเปลี่ยนวิธีการเที่ยว “ดูช้าง” ไปตลอดกาล

 

 

สุดสัปดาห์ที่ผ่าน HappeningBKK มีโอกาสเดินทางไปที่ “Elephant Forest Phitsanulok” ศูนย์การเรียนรู้และปางช้างที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยความร่วมมือระหว่าง มูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ และองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) ในวาระครบรอบ 75 ปีขององค์กรฯ ท่ามกลางสักขีพยานจากภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้มีคุณูปการและมีบทบาทในวงการอนุรักษ์สัตว์จากนานาชาติ

 

“พาช้างมาให้คนดู” - No!

“พาคนไปดูช้างในป่า” - Yes!!

ภายในอาณาบริเวณที่ครอบคลุมผืนป่ากว่า 900 ไร่ของจังหวัดพิษณุโลก มีบ้านของ “ช้างไทย” กำลังบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ที่ซึ่งการเคารพสัตว์ การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการสร้างรายได้อย่างยั่งยืน สามารถเกิดขึ้นแล้วอย่างเป็นรูปธรรม จากวิสัยทัศน์ของ “ครอบครัวศิริวิริยะกุล” ผู้พลิกรีสอร์ทกลางป่าให้เป็นบ้านของช้างที่เคยถูกใช้งานหนัก ตามแนวคิด “จากปางสู่ป่า” พร้อมปรับกิจกรรมจากการให้นักท่องเที่ยวป้อนกล้วย เป็นการฟื้นฟูวิถีธรรมชาติของช้างแบบค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งหมดเกิดขึ้นบนพื้นฐานหลักคิดการท่องเที่ยวอย่างมีจริยธรรม จึงทำให้ประสบการณ์เที่ยวปางช้างต่างไปอย่างสิ้นเชิง อย่างที่บอกไปว่าที่ Elephant Forest Phitsanulok เราไม่ได้มาขี่ช้าง ไม่อาบน้ำช้าง!! แต่ตั้งใจชูเรื่องการท่องเที่ยวแบบไม่ทำร้ายสัตว์ป่า เที่ยวแบบมีจริยธรรม มีความรับผิดชอบ และแน่นอนว่าทุกอย่างต้องทำอย่างยั่งยืน เพื่อมอบสวัสดิภาพ “ให้ช้างกลับมาเป็นช้าง” และ “ให้ควาญกลับมามีรอยยิ้ม”

 

ช้างในที่ที่ควรอยู่

เมื่อไม่มีการขี่ ไม่มีโซ่ตรวนหนักหนาล่ามพันธนาการ ไร้คำขู่คำรามจากควาญ ที่นี่จึงมีแค่...เสียงต้นไม้ไหว เสียงจังหวะช้างเดินกุกกักๆ (กระดึงไม้ที่คอช้างกระทบกัน) เคียงเสียงฝีเท้าย่ำเบาๆ ในพงไพร และบางที...ก็มี “เสียงหัวใจ” ของเราที่เต้นเป็นจังหวะ เพราะความตื่นเต้นที่ได้เห็นช้างทั้งตัว (จากที่เคยเห็นแค่หัวเพราะขี่อยู่ข้างบน)

ขณะที่ได้ตามติดชีวิตช้างอย่างไม่คลาดสายตา แบบรักษากฎการเว้นระยะห่างระหว่างคนกับช้างไม่ต่ำกว่า 4 เมตร เราจะได้เห็นจังหวะการเดิน เฝ้ามองก้นน่ารักๆ ที่โยกย้ายส่ายไปมาของคุณป้าช้าง (บางตัวอายุมากกว่าแม่เราเสียอีก) สังเกตรอยเท้าที่ย่ำบนผืนดิน สัมผัสกลิ่นเขียวๆ ของพืชที่ช้างแวะกินตลอดสองข้างทาง (เพราะเค้าต้องกินอย่างน้อย 200 กิโลต่อวัน) และยิ้มร่าเมื่อ “ช้างอึ” ออกมาตามรายทาง ซึ่งใครจะคิดว่าการเฝ้านับอึช้าง ...1 2 3 4 5 และ 6 จะโค(ต)รมีความสุข แค่เรารู้ว่าช้างสุขภาพดีจะอึครั้งละ 6 ก้อน ส่วนการขยับหู กางหู บ่งบอกว่าช้างอารมณ์กำลังดี สิ่งเหล่านี้คือคุณภาพที่ดีของช้าง จากที่เคยตรากตรำหรือเต้นระบำตามสวนสัตว์ (และเราต่างปรบมือคิดว่าน้องอารมณ์ดี ที่แท้คือกำลังเครียด)

 

...ทั้งหมดเป็นเหมือน “ครูธรรมชาติ” ที่พาเราไปทำความเข้าใจคำว่า “การอยู่ร่วมกัน” ได้ลึกซึ้งกว่าที่เคย ได้เห็นมากกว่าที่เคยเห็น เราเชื่ออย่างหมดใจว่า…กิจกรรมที่ไม่หวือหวา จะตราตรึง และเปลี่ยนความคิดเรื่อง “การดูช้าง” ของเราไปตลอดกาล

 

จากปางสู่ป่า : พื้นที่เรียนรู้และชีวิตใหม่ของช้าง

“ชีวิตใหม่” ของช้างเพศเมีย 5 ตัว บรรดาป้าช้างที่เคยเผชิญความทุกข์ยากจากอุตสาหกรรมลากไม้และการท่องเที่ยวรูปแบบเก่า กลับมามีอนาคตที่สดใจอีกครั้ง เพราะ “ครอบครัวศิริวิริยะกุล” เป็นผู้ริเริ่มโครงการปรับพื้นที่แห่งนี้ให้กลายเป็นพื้นที่ฟื้นฟูทั้งกายและใจของช้างในบั้นปลายชีวิต พร้อมพลิกแนวทางการดูแลจากการใช้งานไปสู่การ “อยู่ร่วม” อย่างเคารพซึ่งกันและกัน ภายใต้ความร่วมมือกับ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก (World Animal Protection) ในช่วงวิกฤตโควิด-19 กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ผ่านโครงการ Build Back Better ที่ไม่เพียงช่วยเรื่องงบประมาณและเทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาด แต่ยังนำองค์ความรู้ใหม่ๆ มาปรับเปลี่ยนการดูแลช้างให้เป็นมิตรยิ่งขึ้น ตั้งแต่การลดการใช้โซ่ การจัดกิจกรรมกระตุ้นพฤติกรรมธรรมชาติ (Enrichment) ไปจนถึงการออกแบบวิถีชีวิตที่ให้ช้างเดินหาอาหารเองในป่า ไม่ต้องพึ่งพาคนให้อาหาร

คุณศิรอาภา ศิริวิริยะกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวศิริวิริยะกุล

 

“สิ่งหนึ่งที่มูลนิธิฯ เห็นตรงกับองค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก คือการทำปางช้างเป็นสถานที่ที่เป็นมิตรกับช้าง (Elephant Friendly) ให้เป็นจริง เราต้องการให้ปางช้างอื่นๆ เห็นว่ามีการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่สามารถส่งเสริมให้สวัสดิภาพช้าง ควาญช้างดีขึ้น และเพิ่มความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว ขณะเดียวกันปางก็ยังสามารถมีรายได้อย่างยั่งยืน เราได้รับการสนับสนุนทั้งเงินทุนและองค์ความรู้ เช่น การลดระยะเวลาการใช้โซ่ให้สั้นลง ให้ช้างได้ใช้เวลาเดินอย่างอิสระมากขึ้น และปรับเปลี่ยนกิจกรรมและการดูแลช้างให้สอดคล้องกับพฤติกรรมธรรมชาติของช้างมากขึ้น จากเดิมที่กังวลว่าจะทำได้จริงหรือไม่ เมื่อเห็นตัวอย่างจากปางอื่นๆ และได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการได้พบกับบริษัททัวร์ที่ทำงานร่วมกับองค์กร  ทำให้เรามั่นใจว่าการทำแบบนี้ทำให้สวัสดิภาพของช้างดีขึ้นจริงและเราจะมีรายได้เพียงพอสำหรับบริหารจัดการ ดูแลควาญ และดูแลช้างได้ในระยะยาว” คุณศิรอาภา ศิริวิริยะกุล ผู้อำนวยการมูลนิธิช้างทรัพย์ไพรวัลย์ ทายาทรุ่นที่ 4 ของครอบครัวศิริวิริยะกุล กล่าว

 

คุณทริเซีย โครสดอล (Tricia Croasdell) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก

คุณทริเซีย โครสดอล  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก กล่าวว่า “ประเทศไทยซึ่งเป็นบ้านของช้างเอเชียมายาวนาน จึงเป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกใฝ่ฝันอยากมาเยือน การเปลี่ยนผ่านของ Elephant Forest Phitsanulok ไม่เพียงคืนชีวิตอิสระให้ช้าง แต่ยังเปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสการท่องเที่ยวที่มีจริยธรรมและมีความหมาย พร้อมสร้างความภาคภูมิใจให้กับชุมชนจากการทำงานโดยไม่ต้องบังคับช้าง ในวาระครบรอบ 75 ปีขององค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก เรามองว่านี่คือ ก้าวสำคัญ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเชื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจให้การท่องเที่ยวทั่วโลกก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนและเคารพธรรมชาติ”

คุณโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย

ทางด้าน คุณโรจนา สังข์ทอง ผู้อำนวยการ องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า เราเชื่อว่าทุกปางต่างรักช้างและอยากให้ช้างมีชีวิตที่ดี สิ่งที่เราทำคือการพิสูจน์ให้เห็นว่า การดูแลที่ดีต่อทั้งช้างและควาญ สามารถเดินคู่ไปกับรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนได้จริง ปัจจุบันองค์กรฯ มีเครือข่ายปางช้างที่เปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวที่เป็นมิตรแล้วกว่า 13 แห่งทั่วประเทศ และภายในปลายปีนี้จะมีเพิ่มอีก 2 แห่ง ความก้าวหน้านี้ตอกย้ำว่าการยกระดับสวัสดิภาพสัตว์คือเส้นทางสู่อนาคตการท่องเที่ยวที่ยั่งยืนของประเทศไทย อนาคตที่เคารพต่อสัตว์และธรรมชาติ

 

 

Elephant Forest Phitsanulok มีอะไรมากกว่าที่คิด

ใครมีโอกาสมาเที่ยวพิษณุโลก อยากให้แวะมาที่ Elephant Forest Phitsanulok ไม่ได้แค่มาดูช้าง แต่ยังมีกิจกรรมมากมายที่ช่วยเชื่อมเราเข้ากับธรรมชาติในแบบที่ “รู้สึก” ได้ อาทิ

  • Breakfast with elephants นั่งกินมื้อเช้าใต้ร่มไม้  ขณะที่ช้างกำลังเพลิดเพลินกับมื้ออาหารและเดินไปมาอย่างสบายใจ
  • Bamboo cooking เรียนรู้การปรุงอาหารแบบธรรมชาติในกระบอกไม้ไผ่
  • Seed Ball ปั้นเมล็ดพันธุ์เพื่อปลูกป่า
  • Sushi Ball ลงมือปั้นซูชิเสิร์ฟอาหารเสริมให้ช้าง

 

ช้างพูดไม่ได้…แต่เราสัมผัสได้

ถึง “กำไร” “สีบัว” “สมบูรณ์” “บุญหลาย” ...นี่เป็นรีวิวที่เราเขียนยากมากกว่ารีวิวอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว เพราะทั้งหมดคือความรู้สึกประทับใจแบบไม่อวย สวยแบบไม่เว่อร์ และต้องไปเจอกับตัวเองถึงจะรู้ว่าการได้อยู่ใกล้พวกเขา (ช้าง) คือวาระการสนทนาแบบไร้เสียง ทว่า ลึกซึ้งเกินบรรยาย

หากคุณกำลังมองหาที่เที่ยวที่ไม่รีบเร่ง ที่ไม่ทำลาย แต่ช่วยเยียวยาทั้งช้างและเราในเวลาเดียวกัน เราอยากชวนคุณเดินทางมาเยี่ยมชมปางช้างที่เป็นมิตรต่อช้าง “Elephant Forest Phitsanulok” เพื่อพบเจอในแบบที่เราเจอ

สามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Elephant Forest Phitsanulok และ Facebook World Animal Protection Thailand องค์กรพิทักษ์สัตว์แห่งโลก

 

 

...นี่อาจจะไม่ใช่ทริปที่ถ่ายรูปสวยที่สุด แต่เชื่อเถอะว่ามันจะอยู่ในใจนานที่สุด!!!

 

 

 

#ElephantForestPhitsanulok

#WorldAnimalProtechtion

#ElephantFrieldly

 

 

ABOUT THE AUTHOR
HappBKK

HappBKK

Live Every Day

ALL POSTS