‘SAAWAAN X PAVILION’ 6 คอร์สดินเนอร์ อินเนอร์ไทยแท้ และการโคจรมาพบกันของเชฟเอิร์ธ-เชฟรสริน
ดุสิตธานี เชิดชูวัฒนธรรมอาหารไทย ดึงสองเชฟไทยมือทองโคจรมาพบกันเพื่อรังสรรค์ความอร่อยในมื้อสุดพิเศษ ‘SAAWAAN X PAVILION’ เฉพาะวันที่ 16 สิงหาคม 2568 วันเดียวมื้อเดียวเท่านั้น
โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ จัด Media Preview ชวน HappeningBKK ร่วมสัมผัสประสบการณ์มื้ออาหารสุดพิเศษ จากความภาคภูมิใจในการนำเสนอวัฒนธรรมอาหารไทย จากผลงานการรังสรรค์ของสองเชฟมือทอง อย่าง “เชฟเอิร์ธ–ศริตวรรธน์ วันวิชิตกูร” แห่งร้าน Saawaan ศิษย์เก่าของวิทยาลัยดุสิตธานี และ “เชฟรสริน ศรีประทุม” แห่งห้องอาหารพาวิลเลี่ยน โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ
เรียกได้ว่าเป็นการโคจรมาพบกันของเชฟผู้เชี่ยวชาญอาหารไทยทั้งสองเจนเนอเรชั่นเพื่อสร้างมื้อพิเศษสุดประทับใจ จากการร้อยเรียงอาหารไทยในสไตล์ของแต่ละท่านให้กลายเป็นเมนูมื้อค่ำ 6 คอร์ส ที่เชิดชูวัฒนธรรมทางด้านอาหาร และนำเสนอเทคนิคการปรุงอาหารตำรับไทย พร้อมให้ทุกคนได้เพลิดเพลินกับรสชาติของอาหารไทยอย่างครบรส
SAAWAAN X PAVILION
เริ่มต้นคอร์สแรกด้วยเมนูเปิดต่อมรับที่เชฟรสริน และเชฟเอิร์ธ นำเสนอรวมกันเป็นเมนู 4 ชิ้นพอดีคำ รูปสวย รวยรส ประกอบด้วย เมี่ยงลิ้นจี่กุ้งย่างไข่ผำ ลาบเหนือเห็ดนางรมหวลงมะเขือเทศดองน้ำเคย หอยต้มน้ำมะพร้าว และต้มยำกุ้งในสไตล์บิสกิต ทุกคำนอกจากเปิดต่อมรับรสแล้ว ยังเปิดประสบการณ์นักชิมด้วยเมนูที่คัดสรรวัตถุดิบที่หลากหลายจากทุกภาค
ถัดมาเป็นเมูของเชฟเอิร์ธ ที่นำเสนอปูม้าดองมะม่วง เชิดชูวิธีการหมักดองของอาหารไทย โดยเชฟเลือกใช้ปูม้าจากจังหวัดระนอง นำเนื้อปูม้าไปดองในน้ำปลา และสาหร่ายทะเล ห่อด้วยเนื้อมะม่วงสุก และเนื้อมะม่วงห่าม เพื่อให้เกิดรสสัมผัสที่หลากหลายในหนึ่งคำ ราดด้วยซอสที่ทำจากมะม่วง 5 พันธุ์ผสมกับน้ำนมมะม่วงหิมพานต์ เป็นการเปิดประสาทสัมผัสเพื่อจะได้รับรสอาหารคอร์สต่อๆ ไปได้อย่างเต็มอรรถรส
คอร์สที่สองเป็น ล็อบสเตอร์จากภูเก็ตย่าง เสิร์ฟพร้อมยำดอกกระเจียว เป็นเมนูที่เชฟรสรินตั้งใจนำเสนอถึงวัตถุดิบของไทยที่เป็นระดับพรีเมียม นั่นคือ ล็อบสเตอร์จากทะเลอันดามัน เชฟนำล็อบสเตอร์มาดองในน้ำบูดู 1 คืน จากนั้นนำล็อบสเตอร์ไปซูวี (Sous Vide) จากนั้นนำล็อบสเตอร์ไปย่าง แล้วนำเสิร์ฟพร้อมยำดอกกระเจียว ซึ่งดอกกระเจียวเป็นดอกไม้ที่งอกงามในช่วงฤดูฝนเพียงปีละครั้ง
คอร์สที่สามเป็นซุปที่เชฟเอิร์ธนำเสนอในรูปแบบ ต้มกะทิเนื้อเค็ม เมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากคุณย่า และเป็นเมนูโปรดของเชฟเอิร์ธที่คุณย่าทำให้รับประทานตั้งแต่เด็ก เป็นอาหารที่สะท้อนถึงพื้นเพของเชฟ เพราะเป็นอาหารของทางภาคใต้ เชฟเลือกใช้เนื้อชาร์โรเลส์ซึ่งเป็นเนื้อระดับพรีเมี่ยมจากฝรั่งเศส เชฟปรับประยุกต์วิธีต้มน้ำซุป โดยมีน้ำซุปส่วนหนึ่งปรุงตามอย่างดั้งเดิมของคนไทย และน้ำซุปอีกส่วนหนึ่ง ได้จากการน้ำเนื้อไปเคี่ยวด้วยไฟอ่อนๆ เป็นเวลานาน จากนั้นนำน้ำซุปทั้งสองกรรมวิธีมาผสมกัน ให้รสชาติที่โดดเด่นแตกต่าง
มาถึงอาหารจานหลักคอร์สที่สี่ แกงเทโพปลากะมงจั๊กจั่น เสิร์ฟพร้อมข้าวมันโคลนดอกฟักทอง ซึ่งรังสรรค์โดยเชฟรสริน เชฟต้องการเพิ่มความเปรี้ยวหวานให้เข้าไป จึงใช้กระท้อนปุยฝ้ายมาเป็นวัตถุดิบเสริมรสชาติ ส่วนสีดำของข้าวมันโคลนได้มาจากหมึกของปลาหมึก
คอร์สที่ห้ายังคงเป็นอาหารจานหลัก แต่นำเสนอโดยเชฟเอิร์ธ เป็นเมนูที่ดูธรรมดาแต่รสชาติกลมกล่อมมาก นั่นคือ แกงไก่หยวกกล้วย เป็นการสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเชฟที่จะใช้วัตถุดิบให้เกิดประโยชน์สูงสุด ใช้ทั้งหยวกล้วย หัวปลีกล้วย ไฮไลต์คือข้าวมันที่หุงและเสิร์ฟในหัวปลี ซึ่งเมี่อรับประทานคู่กับไก่ และน้ำแกง ยิ่งเสริมให้เกิดความอร่อยครบรส
ปิดท้ายมื้อค่ำสุดพิเศษด้วย ขนมหวานซึ่งมี 2 รายการ คือ มูสอะโวคาโด เสิร์ฟพร้อมน้ำมันโหระพา และโยเกิร์ตกรานิต้า จากนั้นตามด้วยไอศครีมน้อยหน่า และข้าวเม่าสอดไส้กล้วยเล็บมือนางทอด
จบท้ายด้วย ชา หรือกาแฟ ที่มาพร้อมกับขนมชิ้นเล็กๆ ขนาดพอดีคำ ประกอบไปด้วย ลิ้นจี่ ช็อกโกแลตชาไทย ส้มฉุนเมอแรง และ ขนมหันตรา ทุกคำล้วนเลอค่า...น่าอภิรมย์
สำหรับมื้อค่ำมื้อพิเศษที่รังสรรค์ด้วยความรักและความภูมิใจของเชฟชาวไทยทั้งสองท่านนี้ มีเพียงค่ำคืนเดียวเท่านั้น สนนราคา 2,950++ บาท ต่อท่าน สำหรับอาหารค่ำ 6 คอร์ส, ราคา 1,950++ บาทต่อท่าน สำหรับการจับคู่ไวน์กับอาหาร
พบกันรอบเดียวในวันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลา 19.00 น. ณ ห้องเทียร่า ชั้น 39M สถานที่ที่เสิร์ฟอาหารตาด้วยทัศนียภาพของกรุงเทพฯ ที่งดงามจากมุมสูง เหมาะกับการค่อยๆ ละเลียดอาหารที่บรรจงทำอย่างละเมียดละไมและพิถีพิถันขั้นสุด
ใครสนใจสามารถติดต่อสำรองที่นั่งล่วงหน้า หรือสอบถามข้อมูล ได้ที่โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ โทร. 02200 9000 อีเมล dtbk@dusit.com สำรองที่นั่งผ่านทางออนไลน์ dusit.com/bangkok
>> ดูคลิปได้ที่ Happeningbkk