HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
เรียนรู้ชุมชนมุสลิมและวัฒนธรรมเปอร์เซีย จากสามมัสยิดย่านบางกอกใหญ่
by Veen T.
19 มิ.ย. 2568, 23:15
  2,440 views

คลองบางกอกใหญ่ หรือคลองบางหลวง ไม่ใช่แค่ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ไทยพุทธเท่านั้น แต่ยังซ่อนร่องรอยของชุมชนมุสลิมและวัฒนธรรมเปอร์เซียที่เก่าแก่ไว้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะในสามมัสยิดสำคัญในย่าน ได้แก่ มัสยิดต้นสน มัสยิดบางหลวง และกะดีเจริญพาศน์ 

การเดินสำรวจพื้นที่เหล่านี้จึงไม่ได้เป็นเพียงการเยี่ยมชมศาสนสถาน แต่เป็นการเปิดมุมมองใหม่ ทั้งในด้านประวัติศาสตร์ และการอยู่ร่วมกันของผู้คนในสังคมพหุวัฒนธรรม

กิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นโดย TK Park ร่วมกับศูนย์วัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ประจำประเทศไทย ในโอกาสครบรอบ 70 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-อิหร่าน ภายใต้แนวคิด "Read Iran: มากกว่าหนังสือคือชีวิต" เพื่อเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 70 ปีระหว่างไทยและอิหร่าน เรียกได้ว่าเป็นมากกว่าทริปเดินชมเมือง เพราะคือการเรียนรู้แบบถึงแก่นพร้อมเชื่อมโยงอดีต ปัจจุบัน และความเข้าใจระหว่างประเทศผ่านสถานที่จริง

PHOTO by Dae Warunee

มัสยิดต้นสน (กุฎีใหญ่) จุดเริ่มต้นของชุมชนมุสลิมบางกอกใหญ่

เราเริ่มต้นกันที่มัสยิดเก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพฯ อย่าง "มัสยิดต้นสน" ซึ่งตั้งอยู่ริมคลองบางกอกใหญ่ เป็นมัสยิดที่สร้างโดยชาวมุสลิมเชื้อสายเปอร์เซียสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย โครงสร้างไม้แบบดั้งเดิม และสุสานเก่าแก่ในอาณาบริเวณ สะท้อนถึงรากเหง้าและความต่อเนื่องของชุมชนที่ยังคงมีชีวิตอยู่ ภายในมัสยิดที่หาโอกาสเข้าไปชมได้ยาก มีมิมบัรที่สวยงาม ลักษณะเป็นหลังคารูปครึ่งวงกลม หน้าจั่วมีการแกะสลักลวดลายลงรักปิดทอง

นอกจากจะได้เข้าชมภายในมัสยิดซึ่งปกติคนต่างศาสนิกจะหาโอกาสเข้าชมได้ยากแล้ว เรายังได้ฟังบรรยายในส่วนของ "กุโบร์" หรือสุสานแขกตามคำที่ชาวบ้านเรียกขาน จุดศูนย์กลางของสุสานนี้คือสถานที่ฝังร่างคนสำคัญ ทั้งเหล่าขุนนางแขก เจ้าพระยาจักรีศรีองครักษ์ (หมุด) เชื้อสายสุลต่านสุลัยมานแห่งสงขลา ผู้มีบทบาทสำคัญเป็นทหารคู่พระทัยพระเจ้าตากสินมหาราชในการปราบชุมนุมต่างๆ นอกจากนี้ ยังเป็นที่สุสานของขุนนางคนสำคัญของราชสำนักในอีกหลายสมัย จุฬาราชมนตรี รวมถึงปูชนียบุคคลในศาสนาอิสลาม

ส่วนกลางของกุโบร์มีการค้นพบแท่นก่ออิฐถือปูนคล้ายฐานชุกชี รูปทรงปูนปั้นศิลปะอยุธยาตอนกลางหรือตอนปลาย ซึ่งปัจจุบันยังคงวางไว้ที่บริเวณกุโบร์ที่ยังพอมีหลักฐาน

มัสยิดบางหลวง (กุฎีขาว) มัสยิดไม่มีโดม

เดินข้ามคลองบางกอกใหญ่เข้าตรอกเล็กๆ ลัดเลาะไป เราก็มาถึงมัสยิดบางหลวง หรือรู้จักกันอีกชื่อหนึ่งว่า "กะดีขาว" มัสยิดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในสมัยต้นรัตนโกสินทร์โดยชาวมลายูและชาวอินเดียที่มาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ และได้รับการบูรณะสร้างขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 3

สถาปัตยกรรมของมัสยิดนี้หากดูผิวเผินอาจละม้ายวัดไทย ซึ่งความรู้ที่ได้จากผู้นำศาสนาและ คุณธีรนันท์ ช่วงพิชิต วิทยากรในทริป ชัดเจนว่าการก่อสร้างมัสยิดไม่ได้ยึดติดว่าจะต้องสร้างเป็นโดมเสมอไป มัสยิดบางหลวงแห่งนี้จึงถือเป็นหนึ่งในหลักฐานสำคัญของการประยุกต์เอางานสถาปัตยกรรมในท้องถิ่นที่ชาวมุสลิมเข้าไปอาศัย มาใช้ในการก่อสร้าง

ส่วนภายในซึ่งก็มีกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมไทยอยู่มาก แต่ก็มีความแตกต่างชัดเจนเพราะไม่มีรูปเคารพใดๆ ภายในโถงละหมาดจะเป็นห้องโล่ง ด้านในสุดเป็นที่ตั้งของมิห์รอบ (ออกเสียงว่า เมี๊ยะหรอบ) และมิมบัร (มิห์รอบเป็นสิ่งที่ใช้ระบุทิศกิบลัต หรือทิศที่มุสลิมทั่วโลกจะหันไปเวลาละหมาด ที่ประดิษฐาน หินดำ หรือกะฮ์บะฮ์ ซึ่งตั้งอยู่ที่นครมักกะฮ์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย)

มัสยิดบางหลวง ก็มีร่องรอยประวัติศาสตร์สำคัญเช่นกัน เพราะมี “ตะเกียงโบราณ” ที่แหงนดูจะเห็นโดดเด่น เป็นตะเกียงที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานเป็นที่ระลึกเนื่องในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือเครื่องสังเค็ดในงานพระเมรุมาศ ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ที่มัสยิดแห่งนี้ ยังมีที่มัสยิดอีกหลายแห่ง เช่น มัสยิดต้นสน มัสยิดตึกแดง เป็นต้น

กะดีเจริญพาศน์: มัสยิดลับกลางชุมชน


หมุดหมายสุดท้าย ห่างจากมัสยิดคลองบางหลวง เราเดินลัดเลาะซอยมาสู่กะดีเจริญพาศน์ที่ซ่อนตัวอยู่ในซอยเล็กๆ เรียกอีกชื่อว่า มัสยิดเจริญพาศน์ เป็นมัสยิดขนาดเล็กที่เป็นเรือนไม้เรียบง่าย มีศิลปะไม้ฉลุแบบขนมปังขิง หลังคาประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสีสดใส โดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่สะท้อนกลิ่นอายวัฒนธรรมเปอร์เซีย ที่นี่ก็ไม่มีโดมให้เห็นเช่นกัน

กุฎีนี้เดิมชื่อ กุฎีล่าง สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โดยบรรพบุรุษของชาวชีอะฮ์เชื้อสายเปอร์เซีย ในบริเวณกุฎีนี้มาจากเมืองโกม ประเทศอิหร่าน

ความสำคัญอีกประการของกุฎีเจริญพาศน์ที่แสดงให้เห็นว่าสถานที่แห่งนี้คือศูนย์รวมของพี่น้องชาวมุสลิมชีอะฮ์ในไทย แขกเจ้าเซ็น (แขกใหญ่ หรือแขกมัวร์ หมายถึงมุสลิมนิกายชีอะฮ์ในประเทศไทย มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา และมักหมายถึงชาวมุสลิมเชื้อเปอร์เซีย) ซึ่งในประเทศไทยมีชาวมุสลิมชีอะฮ์หรือแขกเจ้าเซ็นยังคงสืบทอดพิธีกรรมที่กะดีเจริญพาศน์ และร่วมฉลองทุกปีคือ พิธีแห่เจ้าเซ็น (อาซูรอ) ที่ยังคงเอกลักษณ์พิธีกรรมตามแบบของชาวนิกายชีอะฮ์

ในการเดินทางครั้งนี้ วิทยากร คุณธีรนันท์ ช่วงพิชิต ยังได้อธิบายถึงคำว่า "กะดี" ว่าเป็นคำที่ใช้เรียกสถานที่ประกอบศาสนกิจของศาสนาอิสลามโดยเฉพาะ (พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ให้ความหมายคำว่า 'กะดี' ว่า โรงที่ประชุมทำพิธีฝ่ายศาสนาอิสลาม นิกายเจ้าเซ็น) ซึ่งแตกต่างจากคำว่า "กุฎี" หรือ "กฎี" ที่ใช้ในบริบทของพุทธศาสนาอย่างสิ้นเชิง ความเข้าใจเรื่องคำศัพท์นี้ทำให้เห็นชัดถึงความแตกต่างทางศาสนาและภาษาที่อาจคล้ายกันแต่มีนัยที่ไม่เหมือนกันเลย

ในช่วงจบ วิทยากรของเรายังทิ้งท้ายเรื่องการเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมว่าการเข้ามาของชาวเปอร์เซีย ก็นำมาซึ่งอิทธิพลทางภาษา เช่นคำว่า กุหลาบ บุหรี่ ลิเก กะลาสี เหรียญ องุ่น ฯลฯ นั้นมาจากเปอร์เซีย นอกจากนี้ ยังมีอิทธิพลด้านการแต่งกายอย่างเช่น ชุดครุยรับปริญญา หรือฉลองพระบาทเชิงงอน และยังมีอาหารการกินมากมาย ซึ่งฝากทิ้งท้ายชวนให้ไปศึกษาหาความรู้กันเพิ่มเติมได้อีก

การเดินสำรวจมัสยิดทั้งสามแห่ง ทำให้เข้าใจมิติต่างๆ ของชุมชนมุสลิมในกรุงเทพฯ การลื่นไหลของวัฒนธรรมและความใกล้ชิดของชาวไทยมุสลิมกับราชสำนักจากประวัติศาสตร์ ชุมชนไทยมุสลิมเองก็มีรากฐานมาจากหลากหลายวัฒนธรรม ไม่ว่าจะเป็นเปอร์เซีย หรือแขกจาม (กัมพูชา) หรือทางมลายู ชุมชนเหล่านี้มิได้แยกตัวจากสังคมใหญ่ หากแต่เป็นส่วนสำคัญของพหุวัฒนธรรมของเมืองหลวงนี้ มีบทบาทต่อประวัติศาสตร์ เศรษฐกิจ และวัฒนธรรมท้องถิ่นมาตลอดหลายศตวรรษ

การเรียนรู้ใดๆ ย่อมไม่ให้ความเข้าใจลึกซึ้งเท่ากับการมาเยี่ยมชมสถานที่ด้วยตนเอง ผู้ที่สนใจเรื่องประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมควรหาโอกาสมาเยือนด้วยตัวเองสักครั้ง (ต้องขอบอกว่าปกติทางมัสยิดไม่ได้ให้เข้าชมด้านใน ถ้าอยากเข้าไปชมต้องลองติดต่อกับอิหม่ามของมัสยิด)
แต่มัสยิดยังคงเป็นศูนย์รวมของชุมชนมุสลิมหลากเชื้อชาติในย่านนี้ และเป็นหลักฐานของการอยู่ร่วมกันอย่างสงบของคนต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม

PHOTO by Dae Warunee
#TKPark #ไทยอิหร่าน #มัสยิด #บางกอกใหญ่ #ThaiMuslim

ABOUT THE AUTHOR
Veen T.

Veen T.

Ex-lifestyle editor who's all about the slow-life vibe and still trying to nail it

ALL POSTS