HAPPENING BKK
NLINE MAGAZINE
×
จากเหมืองแร่เก่าผาแดง สู่โมเดลฟื้นฟูและอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมผ่านงานวิจัยไบโอเทค
by L. Patt
18 มิ.ย. 2568, 13:25
  1,216 views

นับตั้งแต่สิ้นสุดสัมปทานการทำเหมืองแร่สังกะสีของผาแดงอินดัสทรี เมื่อปี 2560 พื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ดอยผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก แห่งนี้ กำลังได้รับการพัฒนาให้เป็นต้นแบบในการพลิกฟื้นเหมืองเก่ากลับไปสู่ป่าธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ภายใต้ "โครงการส่งเสริมการเรียนรู้เพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดตาก" ซึ่งศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. เป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ที่มีส่วนสำคัญในการนำเอาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการฟื้นฟูป่า และเสริมสร้างเศรษฐกิจชุมชน

 


ดร.สิทธิโชค ตั้งภัสสรเรือง รองผู้อำนวยการ ไบโอเทค สวทช. กล่าวว่า ในปีที่ผ่านมา ไบโอเทคได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์ฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพและเสริมสร้างเศรษฐกิจฐานรากของชุมชน ภายใต้โมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อตอบสนองพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ให้พัฒนาพื้นที่เหมืองผาแดงเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน โดยได้ส่งมอบผลงานวิจัยให้แก่โครงการเหมืองผาแดงไปเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568


ไบโอเทค ดำเนินการ 9 โครงการย่อย โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มหลัก คือ

  • กลุ่มความหลากหลายทางชีวภาพ ได้แก่ การสร้างคลังข้อมูลจุลินทรีย์กลุ่มเห็ดและราทำลายแมลง
  • กลุ่มยกระดับผลิตภัณฑ์จากวัสดุทางการเกษตร ได้แก่ กาแฟหมักยีสต์ น้ำส้มสายชูหมักจากเปลือกกาแฟ อิฐชีวภาพจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรและกากกาแฟ (Bio-bricks) และ Seed Balls
  • กลุ่มถ่ายทอดความรู้ด้านชีวภัณฑ์และผลิตภัณฑ์เพื่อชุมชน ได้แก่ การปลูกมะเขือเทศเชอร์รี่แบบอินทรีย์ในโรงเรือน และการปลูกเชื้อเห็ดเผาะและเห็ดระโงกร่วมกับกล้าไม้วงศ์ยาง

ไอเดียจากอิฐรักษ์โลก

การพัฒนาอิฐชีวภาพเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่สร้างมูลค่าจากวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตรที่มีจำนวนมากมายมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นกากกาแฟ ชานอ้อย และก้อนเห็ดเก่า ที่มักจะถูกนำไปเผาจนก่อให้เกิดฝุ่น PM2.5 และก๊าซเรือนกระจก

ดร.นัฐวุฒิ บุญยืน หัวหน้าทีมวิจัยปฏิสัมพันธ์ของจุลินทรีย์ทางการเกษตร ไบโอเทค บอกว่า อิฐมวลเบาจากกากกาแฟ โดยใช้เส้นใยเห็ดรา (Mycelium) เป็นกาวธรรมชาติ มีคุณสมบัติดีเยี่ยม และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งไบโอเทคพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้นี้สู่ชุมชน

นอกจากนี้ ไบโอเทค ได้ร่วมกับ บริษัท เมิร์จ จำกัด เปิดตัวต้นแบบที่พักอาศัยจากอิฐชีวภาพ (Bio-brick Shelter) รุ่นที่ 1 ซึ่งพัฒนาเพื่อให้เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ป่าชุมชน


อิทธิพล พรหมฝาย นักออกแบบ บริษัท เมิร์จ จำกัด และผู้ประสานงานเครือข่ายเพื่อนสวนพฤกษ์ อ.แม่สอด อธิบายว่า การออกแบบ Bio-bricks ได้คำนึงถึงความยั่งยืน และนำจุดเด่นของวัสดุไมซีเลียมที่สามารถย่อยสลายได้ มาผนวกกับการสร้างพื้นที่สีเขียว โดยมุ่งเน้นสร้างรายได้แก่กลุ่มที่เชื่อมโยงกับโครงการผาแดง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้แก่ ชุมชนที่อยู่กับป่า, กลุ่มเครือข่ายเกษตรอินทรีย์ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงเกษตร (Agritourism), และกลุ่มโรงเรียนที่อยู่ติดกับป่า เพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวชุมชนได้


นอกจากต้นแบบ Bio-brick Shelter ที่มีลักษณะเป็น A-Frame ล้อไปกับกระโจมแคมป์ปิ้งแล้ว ยังสามารถนำอิฐชีวภาพไปออกแบบให้เป็นโรงเรือนเก็บความเย็น แคมป์ปิ้งชั่วคราว หรือโรงกิจกรรมที่ช่วยลดการใช้เครื่องปรับอากาศได้ เพราะส่วนประกอบของอิฐชีวภาพจะเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี โดย Bio-brick Shelter จะมีอายุการใช้งาน 2-3 ปี

เพิ่มโอกาสรอดของต้นไม้

นับเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ทำให้การฟื้นฟูป่ามีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไบโอเทคคิดค้นวิจัยจุลินทรีย์เพื่อเร่งการงอกของเมล็ดป่าไม้ เพิ่มอัตราการรอดชีวิตและความทนทานของต้นกล้าในภาพธรรมชาติ

ดร.ชาญวิทย์ สุริยฉัตรกุล หัวหน้าทีมวิจัยความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ ไบโอเทค บอกว่า Seed Balls ถูกนำมาใช้ในการฟื้นฟูป่าทั่วโลกมาหลายสิบปีแล้ว แต่จากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้อัตราการรอดของต้นไม้ลดลง ดังนั้น จึงจำเป็นต้องหาวิธีเพิ่มโอกาสการรอดชีวิตของต้นไม้ในป่า


ก่อนหน้านี้ ไบโอเทค ได้วิจัยจุลินทรีย์เพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตของพืชเกษตรมาแล้ว ครั้งนี้ ทีมวิจัยได้คัดเลือกรากพืช 14 ชนิด ที่เป็นพันธุ์ไม้ในพื้นที่ เช่น จามจุรีสีทอง (พฤกษ์) ชัยพฤกษ์ กาฬพฤกษ์ พะยูง ประดู่ป่า ชิงชัน กระพี้จั่น สาธร เสลา อินทนิล ไม้แดง และตะแบก มาพัฒนาเป็นหัวเชื้อจุลินทรีย์สำหรับใช้ในการทำ Seed Balls ซึ่งจะช่วยเพิ่มธาตุอาหาร ผลิตฮอร์โมนพืช และเพิ่มความทนทานต่อสภาวะที่ไม่เหมาะสม โดยหัวเชื้อจุลินทรีย์จากพืชพื้นถิ่นนี้ จะเป็นต้นแบบในการวิจัยเพื่อฟื้นฟูป่าในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปในอนาคต

นอกจากนี้ Seed Balls ยังใช้เป็นกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย

กาแฟหมักยีสต์

หลายคนอาจจะไม่รู้ว่า จ.ตาก เป็นแหล่งปลูกกาแฟคุณภาพดี และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะกาแฟมูเซอ ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI เมื่อปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ไบโอเทค ได้มีการวิจัยทดลองการหมักกาแฟด้วยยีสต์พื้นถิ่นสายพันธุ์ต่างๆ ของจังหวัดตาก เพื่อทำให้กาแฟมีรสชาติที่ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่ามากกว่ากาแฟปกติทั่วไป


ดร.ศศิธร จินดามรกฎ นักวิจัยความหลากหลายและการใช้ประโยชน์จุลินทรีย์ ไบโอเทค บอกว่า ผลการวิจัยยีสต์จากผลเชอร์รีกาแฟใน 4 พื้นที่ ได้แก่ บ้านห้วยเหลือง บ้านมูเซอ บ้านวะเบลอลู่ และบ้านมอโก้โพคี พบว่า ยีสต์ผลิตสารหอมระเหย และสร้างเอนไซม์ย่อยเพคตินที่บ้านมอโก้โพคีมีความหลากหลายของชนิดมากที่สุด รองลงมาคือ บ้านห้วยเหลือง และบ้านวะเบลอลู่


ผลจากการทดลองหมักกาแฟด้วยยีสต์ต่างๆ ทำให้ค้นพบว่า กาแฟมีรสชาติและกลิ่นที่ซับซ้อนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากกาแฟในพื้นที่อื่น ช่วยควบคุมการเจริญของจุลินทรีย์ไม่ดี และควบคุมกระบวนการหลักให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ฐานข้อมูลเห็ด-ราทำลายแมลง

การจัดทำคลังข้อมูลจุลินทรีย์กลุ่มเห็ดในพื้นที่โครงการเหมืองผาแดง พื้นที่ป่าชุมชนบริเวณรอบๆ และสวนเกษตรในพื้นที่อำเภอแม่สอด จะเป็นประโยชน์อย่างมาก เพราะเป็นศูนย์กลางองค์ความรู้ที่สามารถนำไปต่อยอดทั้งในด้านการศึกษา การอนุรักษ์ การพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพให้กับชุมชนชาวแม่สอด และเป็นแม่แบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ในอนาคต


ทั้งนี้ ทีมวิจัยได้ค้นพบเห็ดป่า 44 สกุล 83 ชนิด โดยแบ่งเป็นเห็ดป่ากินได้และสามารถนำมาเพาะเป็นเห็ดเศรษฐกิจหรือเป็นแหล่งอาหารของชุมชน 41 ชนิด เช่น เห็ดแครง เห็ดนางรมสีชมพู เห็ดลม และเห็ดนางฟ้า รวมไปถึงการค้นพบเห็ดโคนชนิดใหม่ที่มีคุณค่าทางโภชนาการและว่าจะเป็นชนิดใหม่ของโลก ส่วนเห็ดที่มีสรรพคุณทางยา มีจำนวน 13 ชนิด เช่น เห็ดหลินจือ เห็ดเปลือกสีน้ำตาล และเห็ดอื่นๆ อีก 29 ชนิด

ขณะที่คลังข้อมูลราทำลายแมลง จะสร้างโอกาสในการพัฒนาสารชีวภัณฑ์ที่ออกฤทธิ์ควบคุมแมลงได้ดี ซึ่งจะช่วยลดการใช้สารเคมีในทางการเกษตร ไม่มีสารพิษตกค้างในผลผลิต และไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และผู้บริโภค

จากการสำรวจในพื้นที่เหมืองผาแดง ทีมวิจัยพบตัวอย่างราแมลงทั้งหมด 23 ชนิด โดยราแมลงที่โดดเด่นและพบมาก คือ คอร์ดิเซปส์ เลพิดอปเทอราเรียม (Cordyceps Lepidopterarium) และ คอร์ดิเซปส์ เทนูเปส (Cordyceps Tenuipes) นอกจากนี้ยังพบราแมลงอีก 6 ชนิดที่เจริญในปลวกใต้ดิน สะท้อนให้เห็นถึงการฟื้นตัวของระบบนิเวศในเหมือง

นอกจากการพบราแมลงชนิดใหม่ของโลกไปก่อนหน้านี้ และได้รับการตั้งชื่อว่า เพอร์เพียวโรไมซีส แม่สอดเอนซิส (Purpureomyces Maesotensis) ทีมวิจัยยังค้นพบราแมลงสกุลเมตาไรเซียม (Metarhizium) 2 ชนิด โดยอยู่ระหว่างการศึกษารายละเอียดเพื่อนำเสนอเป็นราชนิดใหม่ของโลก

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงรับพื้นที่โครงการเหมืองสังกะสีแห่งนี้ไว้เป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อฟื้นฟูให้กลับสู่สภาพป่าตามธรรมชาติ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยสร้างงาน สร้างอาชีพให้กับคนในพื้นที่เหมือง อีกทั้งยังเป็นแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติต่อไป

หลังจากนั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มีพระราชดำรัสให้พัฒนาพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ (Botanical Garden) รวบรวมพรรณไม้หายากในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ธรรมชาติ สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศและนันทนาการ รวมถึงศูนย์ฟื้นฟูสมรรถนะผู้สูงอายุ ซึ่งจะเริ่มการก่อสร้างโครงการในปีนี้ และจะเสร็จสมบูรณ์เฟสแรกภายใน 5 ปี

ABOUT THE AUTHOR
L. Patt

L. Patt

ALL POSTS