รพ.วิมุต นำเทคโนโลยีล้ำสมัย EBUS ยกระดับตรวจวินิจฉัยแม่นยำโรคปอด

อย่าชะล่าใจ อายุเท่าไหร่ก็เสี่ยงเป็นโรคปอดได้ เพราะทุกคนกำลังอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีปัจจัยเสี่ยงรุมล้อมเพิ่มขึ้น  ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลวิมุต จึงได้เปิดตัวศูนย์สุขภาพปอด (Lung Health Center) เมื่อปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำด้วยเทคโนโลยีส่องกล้องติดอัลตราซาวด์ EBUS (Endobronchial Ultrasound) ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญสุดที่จะนำไปสู่การวางแผนรักษาได้ถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองมะเร็งปอดในช่วงระยะเริ่มต้น (Early Stage Detection)

ปัจจุบัน โรคระบบทางเดินหายใจ กลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ซับซ้อนและส่งผลกระทบระยะยาว ทั้งจากเชื้อไวรัสอย่างโควิด-19 ไข้หวัดใหญ่ที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กอายุ 5-9 ปี และ RSV (Respiratory syncytial virus) ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่มักทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ และปอดอักเสบ ในเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี รวมถึงการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเยาวชนไทย ขณะเดียวกัน ปัญหาฝุ่น PM2.5 ก็ยังเป็นภัยเงียบที่แทรกซึมเข้าสู่ถุงลมปอดและกระแสเลือดได้โดยตรง

ข่าวการเสียชีวิตกะทันหันของ 'ต้าเอส' นางเอกคนดังจากเรื่อง F4 รักใสๆ หัวใจ 4 ดวงของไต้หวัน เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า เป็นไข้หวัดใหญ่และลุกลามจนเกิดอาการปอดอักเสบ ก็มีส่วนทำให้คนไทยเกิดความตระหนักถึงอันตรายจากโรคปอดได้เช่นกัน

ผศ.นพ.วิรัช ตั้งสุจริตวิจิตร แพทย์ผู้ชำนาญการด้านโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤต โรงพยาบาลวิมุต บอกว่า ศูนย์สุขภาพปอดวิมุต ให้บริการครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การป้องกัน การวินิจฉัยคัดกรองผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงด้วยการตรวจสมรรถภาพปอด (Lung Function Test) การตรวจหลอดลมด้วยกล้อง (Bronchoscopy) การวินิจฉัยและรักษาโรคซับซ้อน เช่น มะเร็งปอด และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ไปจนถึงการฟื้นฟูระยะยาว

"เรามุ่งเน้นการวินิจฉัยที่แม่นยำ การรักษาที่รวดเร็ว และผู้ป่วยฟื้นฟูได้ไว โดยนอกจากความร่วมมือของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแบบสหสาขาวิชาแล้ว รพ.วิมุต ยังนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมล้ำสมัยมาใช้ โดยเฉพาะ EBUS ซึ่งจะช่วยให้แพทย์ตรวจชิ้นเนื้อปอด และจากต่อมน้ำเหลืองในช่องอกได้อย่างแม่นยำมากขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยเจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว และได้รับการวินิจฉัยที่ถูกต้องสำหรับการวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสมที่สุด"

นพ.ตุลธร วงศ์เมธานุเคราะห์ อายุรศาสตร์ โรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิมุต บอกว่า ทุกคนมีความเสี่ยงหมด  ขึ้นอยู่กับว่าหายใจเอาอะไรเข้าไป ถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ภูมิต้านทานไม่ดี เมื่อสูดเอาเชื้อโรคเข้าไปก็ติดเชื้อได้เมื่อนั้น หรือเป็นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น กรรมพันธุ์ สูบบุหรี่ โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนที่กำลังฮิตบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งสุขภาพของคนเหล่านี้ใน อีก 10-20 ปีข้างหน้า อาจจะมีโรคแปลกๆ ที่อยู่นอกตำรา หรือโรคที่เคยหายไปนานแล้ว แต่กลับมาใหม่อีกครั้ง

ฉะนั้น ทุกคนควรสังเกตอาการตัวเองว่ามีความผิดปกติอะไร เช่น ไอ แน่นหน้าอก หรือเสมหะมีเลือดปน มีอาการเหนื่อย หายใจลำบาก ซึ่งดูได้ง่ายๆ ว่า ถ้าตนเองเคยทำกิจกรรมอะไรได้แล้วทำไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ หรือติดเชื้อโควิดลงปอด ก็อาจเป็นอาการที่แสดงถึงความผิดปกติของปอดและระบบทางเดินหายใจได้ รวมถึงการหายใจว่ามีเสียงผิดปกติหรือไม่ หรือเวลาหายใจเข้าออกแล้วมีการเจ็บ เสียวบริเวณชายโครงหรือหน้าอก เหล่านี้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัย

วางโฟกัสรักษาโรคยากและซับซ้อน

หลังเปิดบริการมาครบ 4 ปี โรงพยาบาลวิมุตก็มีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นไปแถวหน้าในการดูแลรักษาโรคยากและซับซ้อน โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs (Non--communicable diseases) โดย 3-5 ปีข้างหน้า จะมุ่งเน้นยกระดับศูนย์การรักษาโรคเฉพาะทาง ไปสู่ศูนย์ความเป็นเลิศในสาขาต่างๆ (Excellence centers)

ปัจจุบัน รพ.วิมุต ให้บริการศูนย์ความเป็นเลิศด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคระบบทางเดินอาหารและตับ และล่าสุด ศูนย์สุขภาพปอด

กลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นปัญหาสุขภาพอันดับหนึ่งของโลกและประเทศไทย โดยสถิติของกรมควบคุมโรค ปี 2565 พบว่า 81% ของคนไทยที่เสียชีวิตมาจากกลุ่มโรค NCDs หรือเสียชีวิตกว่าปีละ 400,000 ราย โดยสาเหตุจาก 4 โรคหลัก ได้แก่ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน และโรคทางเดินหายใจเรื้อรัง

นพ.สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต บอกว่า "เรามุ่งพัฒนาศูนย์ความเป็นเลิศในการรักษาโรคเฉพาะทางที่ยากและซับซ้อน โดยเฉพาะโรค NCDs เพื่อตอบสนองต่อเทรนด์สุขภาพโลก ภายใต้หลัก 3 กลยุทธ์หลัก ความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์ที่ทำงานร่วมกันแบบสหสาขาวิชา, การดูแลครอบคลุมทุกมิติตั้งแต่การตรวจวินิจฉัยที่ตรงจุดไปจนถึงการรักษาที่ปลอดภัย, และความรวดเร็วในทุกกระบวนการ"

นอกจากนี้ รพ.วิมุต ยังให้ความสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ โดยมีโครงการความร่วมมือกับโรงพยาบาลรัฐใกล้เคียง ได้แก่ โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น