”เป็นโสดแล้วไง?!“ หาคำตอบนี้ด้วยกันใน Company ละครเพลงดังระดับตำนาน

“เกร็ดอะไรเกี่ยวกับ Company ที่อาจารย์ชอบมากที่สุดคะ”

“โอ้ ฉันชอบที่ซอนด์ไฮม์เขียนเพลงละครธีมชีวิตคู่และการแต่งงานทั้งเรื่องแบบโสดสนิท ไม่เคยแต่งงานเลยในชีวิต!”

วันที่ 7 - 9 กุมภาพันธ์นี้ ทางสาขา Voice and Musical Theatre วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เขาจะจัดแสดง Company ละครเวทีมิวสิคัลคอมเมดี้ที่ได้รับลิขสิทธิ์อย่างถูกต้องจากบรอดเวย์ ผลงานระดับตำนานของบิดาแห่งละครเพลงสมัยใหม่ สตีเฟ่น ซอนด์ไฮม์

ละครเรื่องนี้จะพาเราไปติดตามชีวิตของ โรเบิร์ต หนุ่มโสดชาวนิวยอร์ก วัย 35 ที่ต้องพยายามหาคำตอบให้กับคำถามจากเพื่อนๆ ที่กำลังใช้ชีวิตคู่ หญิงสาวทั้งสามที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย รวมถึงตัวเขาเองว่า ”ทำไมยังไม่แต่งงานสักที“ จะว่าไป ซอนด์ไฮม์ก็ไม่ต่างจากโรเบิร์ต พ่อหนุ่มในเรื่องเลย

สาขาฯ เคยเปิดการแสดง Company เป็นครั้งแรกมาแล้วในเมืองไทยเมื่อปี ค.ศ. 2015 โดยมีผู้กำกับละครคืออาจารย์เชลลี คูเปอร์ (Shelley Cooper) ซึ่งมาสอนประจำอยู่ที่มหาวิทยาลัยมหิดลในขณะนั้น อาจารย์เชลลี (ตามที่นักศึกษาเรียกกัน) เป็นนักแสดงละครเวทีมือรางวัล ทั้งจากละครนอกบรอดเวย์และตามเทศกาลละครต่างๆ ทั่วโลก และสอนด้านละครเพลงมาอย่างยาวนานที่ Augustana College, Illinois การแวะมาประเทศไทยหนนี้ อาจารย์นำละครแสดงเดี่ยว Rag Doll on a Bomb Site มาเปิดรอบปฐมทัศน์โลกที่นี่ด้วย แต่เวลาส่วนใหญ่ของอาจารย์ ทุ่มให้กับการกำกับ Company เวอร์ชั่น 2025 ที่กำลังจะลงโรง

“เรื่องนี้ จอร์จ เฟิร์ธ เขียนเรื่องแบบเป็นตอนๆ (episodic story) แล้วก็เอามาให้ซอนด์ไฮม์ซึ่งอ่านแล้วบอกว่า เออ นี่น่าจะเหมาะเป็นละครเวที ซอนด์ไฮม์เลยเอาไปให้ฮาล พรินซ์ ผู้กำกับละคร ซึ่งอ่านแล้วก็บอกว่า เป็นมิวสิคัลดีกว่า ไปเขียนเพลงมาเลย ซอนด์ไฮม์ก็เถียงว่าเฮ้ย แต่ไม่เคยแต่งงานเลยนะ จะเขียนได้ยังไง!” อาจารย์เชลลีเล่าอย่างสนุก

แต่แล้วศิลปินก็โดนท้าไม่ได้ ซอนด์ไฮม์ไปเกาะแมรี่ ร็อดเจอร์ส เพื่อนนักเขียนบทที่แต่งงานแล้ว ขอมุมมองผัวเมียแบบของจริงมาใช้ในเรื่อง แล้วก็ใช้ได้อย่างถึงใจ

เรื่องที่เขียนขึ้นและแสดงครั้งแรกในปี 1970 ผ่านมาเกินครึ่งศตวรรษ แต่กลับยังจริงและยังโดนจนถึงตอนนี้ มันจะเป็นไปได้หรือ โดยเฉพาะสำหรับโปรดักชั่นปี 2025 นี้ ทั้งโซเชียลมีเดียบูม ทั้งแพนเดมิค ทั้งโลกทัศน์ของคนทุกรุ่นที่เปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของคนและการตีความละครคลาสสิกเรื่องนี้อย่างไร

“ในเวอร์ชั่นนี่เราพลิกจุดอ้างอิงต่างๆ ของยุค 1970’s ให้เป็นปัจจุบันขึ้นบ้างเพื่อให้ใกล้ตัวผู้ชม แต่นอกเหนือจากนั้น ฉันคิดว่าสารของละครทั้งในบทพูดและบทเพลง มันเหนือกาลเวลา ไม่บ่อยหรอกค่ะที่เราจะเจอบทละครและบทเพลงที่เขียนมาดีขนาดที่แค่ทำตามสิ่งที่อยู่ในบท มันก็เป็นสูตรสำเร็จแล้ว

“สิบปีหลังจากที่ฉันได้กำกับ Company ที่นี่ครั้งแรก เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงมาก เราสูญเสียการเชื่อมต่อระหว่างกันและกันไป Company เป็นเรื่องของการที่เราคลิก เราทำความเข้าใจ เราใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอีกคน กับกลุ่มเพื่อน หรือกับชุมชนที่เราเป็นส่วนหนึ่ง แทนที่จะเป็นคนเดียวโดดๆ

ฉันเชื่อว่าการได้มาดู Company ในตอนนี้มันจะยิ่งกระทบใจคนดูมากขึ้นอีก เพราะเรากำลังโหยหาความสัมพันธ์ที่มีความหมายกันทุกคน”

เกร็ดเกี่ยวกับ Company ที่ตัวผู้เขียนเองเพิ่งค้นพบก่อนจะได้คุยกับอาจารย์เชลลีไม่นาน คือการที่ Company มาจากคำภาษาละตินสองคำ คือ com = ด้วยกัน กับ panis = ขนมปัง ตรงตัวคือคนที่เราคุ้นเคยจนแบ่งอาหารกันกินด้วยได้

กำลังเล่าเรื่องนี้ให้อาจารย์เชลลีฟังว่าไม่รู้ซอนด์ไฮม์รู้รากศัพท์หรือเปล่าถึงได้ใช้เค้กวันเกิดของบ็อบบี้เป็นตัวเดินเรื่อง เป็นการแบ่งขนมปังตามตัวอักษรจริงๆ “ดูจากความเป็นซอนด์ไฮม์แล้ว ผมว่าเขารู้และจงใจแน่ๆ” นีล นักแสดงนำคนหนึ่งในบทโรเบิร์ตที่กำลังรอซ้อมกับอาจารย์เชลลีชิงตอบ และเป็นข้อสรุปที่เราทุกคนในห้องซ้อมนั้นเห็นพ้องต้องกัน.