ฉลองตรุษจีนอลังการกว่าทุกปี ที่ “เยาวราช” ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวไทยเชื้อสายจีน หรือตรุษจีนปีนี้ จะยิ่งใหญ่กว่าที่เคยเป็นมา เพราะประจวบเหมาะกับการร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสที่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ ทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ และยังเป็นโอกาสครบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ไทย-จีน การจัดงานฉลองตรุษจีนตลอดถนนเยาวราช ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29-30 มกราคม ปีนี้ จึงอลังการกว่าที่เคย
ก่อนที่จะเริ่มเทศกาลอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 25 มกราคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี จะเสด็จฯ ทรงเปิดซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา 2 แห่งที่สหพันธ์สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สสธวท.) และภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและเอกชนสร้างถวายในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามซุ้มทั้งสองว่า ซุ้มประตู วชิรสถิต ๗๒ พรรษา บริเวณสะพานดำรงสถิต และซุ้มประตู วชิรธำรง ๗๒ พรรษา บริเวณห้าแยกหมอมี
ต่อเนื่องด้วยพิธีเปิดเทศกาลตรุษจีนอย่างเป็นทางการ ณ ไชน่าทาวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ในวันที่ 29 มกราคม ซึ่งสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีจะเสด็จฯ ทรงเปิดงาน นับเป็นปีที่ 20 แล้ว
เนื่องจากในปีนี้เป็นปีที่โอกาสมหามงคลเกิดขึ้นพร้อมกัน ถนนเยาวราชและพื้นที่ใกล้เคียง ได้เริ่ม ติดไฟประดับไฟอย่างสวยงามแล้ว รวมทั้งมีการจัดทำจุดสำหรับถ่ายภาพไว้มากมายให้นักท่องเที่ยวและผู้ที่สนใจมาถ่ายภาพร่วมเฉลิมฉลองกันได้ถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์เลยทีเดียว
“เยาวราช” ถือได้ว่าเป็นศูนย์กลางของชุมชนชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นแหล่งรวมสินค้านานาชนิด อาหาร และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะท้อนวัฒนธรรมของชาวจีนได้อย่างมีสีสัน ที่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จนขนาดศิลปินระดับโลกอย่าง “ลิซ่า” ยังใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำมิวสิควีดีโอเพลงใหม่เมื่อเธอเปิดตัวในฐานะศิลปินอิสระเป็นครั้งแรก
ตรุษจีนเยาวราชปีนี้มีอะไร
สิ่งใหม่และสิ่งที่ต้องไม่พลาดสำหรับผู้ที่เตรียมตัวจะเที่ยวงานตรุษจีนเยาวราชปีนี้ คือ “ไชน่าทาวน์มาร์เก็ต เฉลิมบุรี” พื้นที่ที่เคยเป็นโรงภาพยนตร์เฉลิมบุรีเก่า ที่ได้ถูกปรับปรุงใหม่ให้เป็นแลนด์มาร์คกลางเยาวราช โดยจะเป็นพื้นที่จัดนิทรรศการฉลอง 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ให้ผู้เข้าชมงานได้มาร่วมฉลองความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้งสองประเทศ
อีกหนึ่งไฮไลต์คือ การแสดงตระการตาจากจีน ซึ่งทางสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ยกทีมนักแสดงกว่าร้อยชีวิตมาร่วมงานนี้ ทั้งการแสดงหน้าพระพักตร์ในพิธีเปิดงาน การแสดง สิงโตบนเสาดอกเหมย รวมถึงการแสดงทางวัฒนธรรมรูปแบบร่วมสมัย Thai contemporary ที่ผสมผสานเครื่องดนตรีจีนได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจอีกหลายชุด
และที่ขาดไม่ได้คือ บูทแสดงสินค้าจากหลายองค์กร อาทิ ร้านภูฟ้า ร้านภัทรพัฒน์ มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า TCC GROUP และผู้สนับสนุน สมาคม และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงาน ซึ่งรวมถึงการจับรางวัลทองคำน้ำหนักรวม 10 บาท มอเตอร์ไซค์ ตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
รับพลังสายบุญ
สำหรับผู้ที่สนใจไหว้พระขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ งานตรุษจีนเยาวราชตอบโจทย์ทุกคน ไม่ว่าจะไหว้พระพุทธรูปทองคำที่วัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร ไหว้ขอพรแก้ปีชงที่วัดเล่งเน่ยยี่ หรือวัดมังกรกมลาวาส สักการะเจ้าแม่กวนอิมที่มูลนิธิเทียนฟ้า ขอพรที่ศาลเจ้ากวนอู และยังมีศาลเจ้าอื่นๆ อีกหลายแห่งที่ชาวไทยเชื้อสายจีนเคารพ
วันทนีย์ วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า งานตรุษจีนเยาวราช นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองปีใหม่ของชาวจีนแล้ว ยังเป็นถือเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรม และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนและไทยทั้งในระดับชาติและชุมชน รวมถึงกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งในระดับชุมชนและระดับประเทศด้วย
ปณต สิริวัฒนภักดี ประธานคณะกรรมการจัดงานเทศกาลตรุษจีนเยาวราช เล่าให้เห็นภาพชัดเจนว่า เยาวราชเป็นแหล่งที่มีความสำคัญทั้งในเชิงวัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคมมาเป็นเวลานับร้อยปี ปัจจุบันก็ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวและธุรกิจที่สำคัญในย่านใจกลางเมือง และทำให้ย่านกลางเมืองมีชีวิตชีวา มีความหลากหลายที่เกิดจากความต่อเนื่องของหลายโครงการตามแนวถนนพระราม 4 อาทิ โครงการวันแบงค็อก สามย่านมิตรทาวน์ ต่อเนื่องมาจนถึงเยาวราช ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเข้าถึงได้ทุกพื้นที่ และเลือกได้ตามความสนใจ ความร่วมมือจากหลายหน่วยงานในการจัดงานตรุษจีนอย่างยิ่งใหญ่ครั้งนี้ จะสร้างประสบการณ์ความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว และทำให้ทุกคนได้เห็นภาพของย่านใจกลางเมืองที่สมบูรณ์อีกด้วย
ความอลังการยิ่งใหญ่นี้ ทำให้งานตรุษจีนเยาวราช เป็นหมุดหมายของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกในช่วงปีใหม่จีน ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาฉลองตรุษจีนมากกว่า 2.2 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 2.3 พันล้านบาททีเดียว