IsWhere สร้างปรากฏการณ์ใหม่ พลิกเกมธุรกิจหน้าร้านผ่านแพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัลที่ไม่เหมือนใคร
ในขณะที่อีคอมเมิร์ซและบริการเดลิเวอรี่บูมนับตั้งแต่เกิดโควิด-19 จนกลายเป็นไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ ใครๆ ก็คิดว่า ธุรกิจหน้าร้าน หรือที่เรียกว่า Brick-and-mortar คงจะเติบโตยาก แต่นักธุรกิจชาวสิงคโปร์ Terence Mak กลับมองเห็นโอกาสที่จะฟื้นอนาคตธุรกิจหน้าร้านของไทยด้วยการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น IsWhere แพลตฟอร์มการตลาดดิจิทัลแบบ Location-based ที่แตกต่าง ให้ทุกธุรกิจและบุคคลเปิดหน้าร้านได้ง่ายๆ เพียงแค่ 3 ขั้นตอน
"เราเป็น Location-based แพลตฟอร์มแรกของโลกที่ให้บริการในรูปแบบนี้ และเป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจหน้าร้านทุกประเภททุกขนาดในไทย สามารถสร้างแคมเปญโปรโมชั่นออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งยังรองรับการใช้งานได้หลายภาษา ซึ่งจะเปลี่ยมโฉมหน้าธุรกิจค้าปลีกและการท่องเที่ยว โดยแพลตฟอร์มนี้สามารถเชื่อมถึงธุรกิจหน้าร้านทั่วประเทศ ช่วยให้ร้านค้าเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่อยู่ใกล้ และเพิ่มยอดขายได้มากขึ้น"
Terence ซีอีโอ IsWhere บอกว่า หลังจากเปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ บริษัทจะเริ่มนำเสนอแพลตฟอร์มกับหน่วยงานต่างๆ เช่น สมาคมโรงแรมไทย สมาคมธุรกิจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร้านอาหาร ตลาดสด ห้างสรรพสินค้า ร้านค้าปลีก และบริการต่างๆ โดยจะเปิดให้ร้านค้าที่สมัครเข้าร่วมสามารถทดลองใช้บริการทุกฟีเจอร์ได้ฟรี
ทั้งนี้ บริษัทจะเปิดตัว IsWhere อย่างเป็นทางการภายในไตรมาสแรกของปี 2568 ซึ่งคาดว่า จะมีร้านค้าไม่น้อยกว่า 50,000-80,000 ร้าน โดยศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 เข้าร่วมเป็นพันธมิตรรายแรก และกสิกร โกลบอล เพย์เมนท์
ทำการตลาดธุรกิจหน้าร้านให้ง่ายขึ้น
สมบูรณ์ อุดมวัจนศักดิ์ ผู้จัดการทั่วไป IsWhere Thailand บอกว่า ธุรกิจที่มีหน้าร้านต้องเจอความท้าทาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ปัญหาการควบคุมต้นทุน และการแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซ รวมไปถึงการต้องจ่ายค่า GP (Gross Profit) ให้กับแพลตฟอร์มเดลิเวอรี่จำนวนมาก IsWhere จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อปลดล็อกปัญหาและทำให้ร้านค้าเหล่านี้สามารถเพิ่มยอดขายโดยไม่ต้องพึ่งพาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ขนาดใหญ่เพียงอย่างเดียว และสามารถสร้างยอดขายที่หน้าร้านได้เอง
ด้วยการตลาดในเชิง Location-based ทำให้ร้านค้าสามารถกำหนดกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในพื้นที่ใกล้เคียงได้ ใช้งบโฆษณาคงที่ เป็นค่าใช้บริการเพียง 3,000 บาทต่อเดือนเท่ากันหมด จึงไม่ต้องใช้งบการตลาดสูงเหมือนแพลตฟอร์มอื่นๆ หรือการซื้อโฆษณาออนไลน์ที่จะต้องใช้เงินสู้กับคู่แข่งทางธุรกิจ
สร้างความแตกต่างให้โดดเด่น
IsWhere เปิดโอกาสให้ร้านค้าสามารถเข้าไปบริหารจัดการหน้าร้านได้เองผ่านระบบ Back-end หรือระบบหลังบ้าน โดยล็อกอินเข้าไปก็ทำเองได้ทุกอย่าง ทั้งข้อความ โปรโมชั่น วิดีโอ สร้างคอนเทนต์ที่มีส่วนร่วมกับลูกค้าได้ ซึ่งต่างชาติก็สามารถเลือกภาษาได้ โดยระบบจะแปลเป็นภาษาอังกฤษ และภาษาจีนได้โดยอัตโนมัติ
สมบูรณ์ บอกว่า การโฆษณาไม่ใช่ออนไลน์อย่างเดียวที่ทำให้คนรู้จักเรา แต่เราจะทำการตลาดแบบไร้รอยต่อ เปลี่ยนคนที่มาดูหน้าร้านบนแพลตฟอร์มให้ไปที่หน้าร้านหรือออฟไลน์ ได้ โดยร้านค้าสามารถทำโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่มลูกค้าได้ ทำแคมเปญส่งเสริมการขายตามความสนใจของกลุ่มลูกค้า รวมถึงการปรับปรุงการบริหารทรัพยากรให้มีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าคงคลัง การระบายสต็อคสินค้าภายในระยะเวลาที่เรากำหนด สามารถระบายสินค้า เช่น ร้านอาหารก็สามารถทำโปรโมชั่นในช่วงบ่ายๆ หรือช่วงเย็นที่มีของค้างสต็อค
นอกจากนี้ ร้านค้ายังสามารถไฮไลท์โปรโมชั่นแบนเนอร์ขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด อัพวิดีโอโปรโมชั่นต่างๆ เป็นเฟสบุ๊คลิงค์ หรือยูธูปลิงค์ก็ได้ ซึ่งลูกค้าดูทุกอย่างได้ในหน้าเดียวของร้านค้า ไม่ต้องคลิกหลายครั้ง
เพิ่มขีดความสามารถให้ร้านค้าได้อย่างไร
สมบูรณ์ เล่าว่า ระบบ Back-end ใช้งานง่ายมาก ไม่ยุ่งยากซับซ้อน เพราะมีไม่กี่เมนู ใครที่ใช้ Facebook, TikTok ก็จะใช้แพลตฟอร์มเราได้อย่างง่ายๆ โดยธุรกิจหน้าร้าน หรือแม้แต่บุคคลธรรมดาก็มาเปิดหน้าร้านได้เพียงแค่ 3 ขั้นตอนเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องไปจดทะเบียนพาณิชย์ ช่วยให้คนในหมู่บ้าน ในชุมชน เริ่มต้นธุรกิจของตัวเองได้
ไม่เพียงสร้างแคมเปญได้เองไม่จำกัด ร้านค้ายังกำหนดระยะเวลาเริ่มและสิ้นสุดแคมเปญได้เอง โดยระบบจะลบออกจากหน้าร้านให้โดยอัตโนมัติ ซึ่งร้านค้ายังติดตามผลลัพธ์ได้ด้วย เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์และวางแผนการทำโปรโมชั่นต่อไป สร้าง customer royalty ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม และนำเสนอสิทธิพิเศษในรูปแบบ customer royalty program ได้
นอกจากนี้ IsWhere ยังมีฟีเจอร์ Favorite ให้ลูกค้าสามารถเข้ามากดร้านค้าที่ถูกใจได้ ซึ่งทำให้ร้านค้าสามารถส่ง notification นำเสนอโปรโมชั่นให้ลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงได้ ก็จะเป็นการจูงใจหรือกระตุ้นให้ลูกค้าไปที่ร้านได้ง่ายขึ้น รวมถึงฟังก์ชั่นให้แชร์ไปได้ทุกแพลตฟอร์มบนโซเชียลมีเดีย เพื่อขยายแคมเปญไปยังลูกค้าให้กว้างขึ้น
ดังนั้น เราไม่ใช่เป็นแค่ search engine ที่แค่ระบุสถานที่ที่อยากไป แต่เราเป็นแพลตฟอร์มการตลาดที่ให้คนไทยและต่างชาติค้นหาร้านค้าและโปรโมชั่นที่อยู่ใกล้ตัวได้แค่ปลายนิ้ว โดยมีการแยกหมวดหมู่ หรือฟิลเตอร์ให้ค้นหา เช่น สถานที่ยอมนิยม บันเทิง งานแสดง อาหารและเครื่องดื่ม สุขภาพ โรงแรมที่พัก ช้อปปิ้ง กีฬาและนันทนาการ บริการ วัดไทย และสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา
ศิริรัตน์ เที่ยงธรรม กรรมการผู้จัดการ กสิกร โกลบอล เพย์เมนท์ มองว่า แพลตฟอร์ม IsWhere จะทำให้ธุรกิจที่มีหน้าร้าน โดยเฉพาะเอสเอ็มอีกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีระบบไอที และไม่ต้องลงทุนเอง นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่หลายคนไม่ค่อยนึกถึงคือ ประวัติที่ดีทางการเงิน หากนำการตลาดดิจิทัลเข้ามาช่วยให้ผลประกอบการดีขึ้นก็จะส่งผลต่อเครดิตการลงทุนในอนาคต