Awakening Chiang Mai เทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัลครั้งแรกที่เชียงใหม่ ในธีม “Polar-Rise คิด-เหนือ”
Awakening ผนึกภาครัฐ-เอกชน เนรมิตเทศกาลไฟครั้งแรกใน จ.เชียงใหม่ เพิ่มสีสันการท่องเที่ยวไนท์ไลฟ์และประสบการณ์สุดพิเศษ ระหว่างวันที่ 10-19 พ.ย.นี้
เตรียมพบประสบการณ์ใหม่ด้านการท่องเที่ยว เมื่อผู้จัดงาน Awakening ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และเครื่องดื่มตราช้าง ตลอดจนพันธมิตรภาครัฐและเอกชน เปิดตัว “Awakening Chiang Mai” เทศกาลแสงไฟและศิลปะดิจิทัลครั้งแรกที่จังหวัดเชียงใหม่ ในธีม “Polar-Rise คิด-เหนือ” ระหว่างวันที่ 10-19 พฤศจิกายน 2566
นายพงศ์สิริ เหตระกูล Festival Director เทศกาลแสงไฟ Awakening เปิดเผยว่า “ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาของการจัดเทศกาล Awakening ทั้งงานหลักที่กรุงเทพฯ และการขยายไป จ.ขอนแก่น ได้รับผลตอบรับที่ดีจากทั้งศิลปิน นักออกแบบ และนักท่องเที่ยวที่เข้ามาร่วมชมงาน ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่น ผ่านการสร้างความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างเมือง ชุมชน และหน่วยงานเกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ ส่งเสริมให้เมืองเป็นจุดหมายปลายทางในการจัดงานเทศกาล และการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน
“สำหรับปีนี้เราได้ขยายพื้นที่การจัดเทศกาลไฟนอกกรุงเทพฯ มายัง จ. เชียงใหม่เป็นครั้งแรก ในชื่อ Awakening Chiang Mai บริเวณย่านช้างม่อย-ท่าแพ ระหว่างวันที่ 10-19 พฤศจิกายน 2566 เพื่อเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่สำคัญในช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่นของ จ.เชียงใหม่ ซึ่งคาดว่าตลอดทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติมาเยี่ยมเยือนสูงถึง 9 ล้านคน ดังนั้น การจัดเทศกาลไฟครั้งยิ่งใหญ่นี้ จึงเป็นการสร้างความตื่นตาตื่นใจและดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นการช่วยส่งเสริมและสนับสนุน night-time economy รวมถึงมอบความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยว นักเดินทาง ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอีกด้วย”
นางสาวสมฤดี จิตรจง รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ททท. มีแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างกระแสให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศตลอดทั้งปี ภายใต้แนวคิด 365 วัน มหัศจรรย์เมืองไทย เที่ยวได้ทุกวัน ซึ่งคาดว่างาน Awakening Chiang Mai จะสามารถสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ๆ ทางการท่องเที่ยวและสามารถขยายระยะเวลาการท่องเที่ยวจากช่วงกลางวันไปสู่กลางคืน อีกทั้งเป็นการเพิ่มสีสันทางการท่องเที่ยวยามค่ำ สามารถต่อยอดการใช้จ่ายและการกระจายรายได้สู่ชุมชนใกล้เคียง
ทั้งนี้ การขยายการจัดงาน Awakening ไปสู่เมืองท่องเที่ยวในภาคเหนือ คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวไทยในพื้นที่ใกล้เคียงให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวเข้าสู่จังหวัดเชียงใหม่หรือเกิดการท่องเที่ยวข้ามภาค นอกจากนี้การจัดงานดังกล่าวในช่วงปลายปียังเป็นแม่เหล็กสำคัญในการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติให้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นหมุดหมายของการเดินทางมาท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ซึ่งจะสามารถสร้าง Economic Impact เกิดการจับจ่ายใช้สอยและกระจายรายได้ทางการท่องเที่ยวมากขึ้นอีกด้วย
นายณรัชฏ์ วัชรเพชร์ ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มตราช้าง กล่าวว่า “ช้างให้ความสำคัญกับมิตรภาพระหว่างเพื่อน ซึ่งการที่เราได้ร่วมสนับสนุน Awakening Chiang Mai เพราะเราเชื่อว่าเทศกาลไฟ Awakening ครั้งแรกในเชียงใหม่นี้จะเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ให้กลุ่มเพื่อนได้ออกมาเจอกัน ได้พบประสบการณ์ใหม่ๆ ได้สร้างโมเมนต์ความจดจำของกลุ่มเพื่อนร่วมกัน โดยเฉพาะในย่านช้างม่อย-ท่าแพ ที่กำลังกลับมาคึกคัก ทั้งหมดนี้จะยิ่งช่วยตอกย้ำแบรนด์เครื่องดื่มตราช้างที่มุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ เพื่อเติมเต็มคำว่าเพื่อนอยู่เสมออย่างแน่นอน”
สำหรับ Awakening Chiang Mai จัดขึ้นในธีม “Polar-Rise คิด-เหนือ” ชวนทุกคนมาสำรวจการเติบโตอีกครั้งของหัวเมืองอายุกว่า 700 ปีในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของภาคเหนือ ที่เกิดขึ้นพร้อมกับความพยายามต่อสู้กับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กลับมาสร้างผลกระทบในทุกๆ ปี ผ่านศิลปกรรมไฟและศิลปะดิจิทัล 17 ผลงานที่จะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมผู้จัดงาน ศิลปินจากกรุงเทพฯ และศิลปินในพื้นที่ภาคเหนือ โดยจุดแสดงสำหรับงาน Awakening ที่เชียงใหม่ จะอยู่ทั่วย่านช้างม่อย-ท่าแพ ย่านการค้าเก่าแก่ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง เช่น ร้านกิติพานิช โรงเลื่อยท่าแพ และโกดังราชวงศ์
Awakening Chiang Mai ได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรมากมาย อาทิ ตลาดเพลินฤดี (Central Group), Alliance Française และสายการบิน Bangkok Airways โดยการจัดงาน ‘Awakening’ ประจำปี จะยกระดับสู่การเป็น ‘Awakening Festivals’ ที่จะเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยว เชิงประสบการณ์ และศิลปวัฒนธรรมในระดับนานาชาติ
#awakeningchiangmai
#awakeningchiangmai2023