รังสรรค์เมนูโบราณลงจานหรูในรูปแบบไฟน์ไดนิ่ง ร้านอาหาร ‘ตามกาล’ พรีเซ้นต์เมนูใหม่ในธีมไทยแซ่บ
จากโบราณนานมา..สู่ไฟน์ไดนิ่งเลอค่าโดย 'เชฟโปร พรพรหม' ที่ร้านอาหาร ‘ตามกาล’ พบการนำเสนอเมนูธีมใหม่ในตอนไทยแซ่บ
รีวิวครั้งนี้ Happeningbkk พานักชิมเดินทางย้อนเวลาไปลิ้มลองรสชาติอาหารไทยในตำรา กับเมนูที่หลายคนถวิลหา ที่ร้าน 'ตามกาล' (Time Kaan) พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ในตอน : ไทยแซ่บ ชิมคอร์สเมนูที่เกิดจากความตั้งใจของคุณปุ้ย – ตรีประดับ หวังวงศ์วิวัฒน์ ผู้ก่อตั้งร้าน และเชฟโปร – พรพรหม เหล่ามนัสศักดิ์ เชฟผู้มีประสบการณ์การทำอาหารไทยมากว่า 29 ปี
สำหรับเมนูอาหารค่ำของ 'ตามกาล' จัดเสิร์ฟในรูปแบบ Fine Dining โดยครั้งนี้เชฟโปรและคุณปุ้ยตั้งใจพรีเซ้นต์รสชาติความเป็นไทยแซ่บ 17 Full Course (3,900++บาท) โดยเปิดต่อมรับรสด้วย น้ำอัดลมที่หายไป (น้ำมะเน็ด) หรือเลมอนเนด เครื่องดื่มที่มีบันทึกในหนังสือบางกอกรีคอเดอร์ จากโรงพิมพ์หมอบรัดเลย์ ซึ่งเชฟโปรนำมาดัดแปลงนิดหน่อยโดยใช้น้ำส้มจี๊ด ผสมขิง ข่า ตะไคร้ และน้ำลิ้นจี่ เติมความซ่าด้วยโซดาคาร์บอเนตที่ร้านทำเอง
ต่อด้วย คอร์สที่ 2 จากอ่างศิลาสู่วังหลวง (ไข่แมงดาฉาบ) และคอร์สที่ 3 ไข่แมงดาที่ยังอยู่ (ยำไข่แมงดา) เสิร์ฟมาคู่กัน ซึ่งแรงบันดาลใจมาจากเมนูในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยเจ้าดารารัศมี ครั้งเสด็จประทับที่อ่างศิลา
คอร์สที่ 4 หอยแครงอย่างจีน และคอร์สที่ 5 หอยแครงอย่างไทย เมนูที่เชฟโปรใช้เทคนิคโมเลกุลาร์ เสริมความเชื่อแบบจีนที่ถือว่าหอยแครงเป็นสัตว์มงคล มีเลือดเป็นสีแดง เปลือกเป็นสีเงิน และยำสไตล์แต้จิ๋วที่มช้ถั่วลิสงเป็นส่วนประกอบ
คอร์สที่ 6 จากกลีบจำปาสู่วังละโว้ (ซุปไข่นกกระสา) จากบันทึกของท่านผู้หญิงกลีบ มหิธร
คอร์สที่ 7 และคอร์สที่ 8 เปอร์เซียหรืออินเดีย (ข้าวบุหรี่) กับเนื้อแบบเปอร์เซียกับน้ำพริกลับ เมนูที่ได้อิทธิพลจากแขกมัวร์ที่เข้ามาในแผ่นดินไทย สมเด็จพระนารายณ์ และอ้างอิงจากสูตรข้าวเหลืองที่อยู่ในหนังสือแม่ครัวหัวป่าก์ (ท่านผู้หญิงเปลี่ยน ภาสกรวงศ์) ซึ่งเชฟโปรนำข้าวมาห่อในใบกะหล่ำ ได้รสรสเผ็ดจากเครื่องเทศ รสเปรี้ยวจากบ๊วย เสิร์ฟกับเนื้อย่างที่ใช้เวลารมควันนาน 16 ชม. เป็นรสชาติที่กลมกล่อมลงตัว
คอร์สที่ 9 ปลาของพระราชา (แกงส้มไข่ปลาตะเพียน) และคอร์สที่ 10 ประวัติศาสตร์ที่บิดเบือน (แกงส้มแห้งไข่ปลาตะเพียน)
คอร์สที่ 11 กรานิต้ามะขามป้อม เมนูเบรกที่ช่วยดับความเผ็ดจากรสแกงส้มได้เป็นอย่างดี
คอร์สที่ 12 เมนูเสด็จประพาส (งบข้าวไข่เป็ด หน้าไข่ปูดอง) และคอร์สที่ 13 จับล้านนาคู่ปูทะเล (ปูนิ่มทอดน้ำพริกข่าคั่วแห้ง) ได้แนวคิดมาจากข้าวห่อสำหรับเดินทางสมัยโบราณ เชฟโปรเลือกใช้ข้าวห่อในใบตองปิ้งผสมไข่เป็ด กินคู่ปูไข่ดอง และปูนิ่มทอดคลุกน้ำพริกข่า กลิ่นอายเมืองเหนือ
คอร์สที่ 14 เส้นมอญน้ำยาของใคร เช็ตขนมจีนน้ำยา 4 อย่าง ทั้ง “น้ำยาน้ำปลาต้ม” ที่ทำจากปลาทราย เหมือนน้ำซุปใสหอมกลิ่นปลา เป็นอาหารทางภาคตะวันออก “น้ำยาน้ำงัว” ที่ได้อิทธพลจากเวียดนาม “ขนมจีนน้ำพริก” เป็นเมนูทรงโปรดของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 ปิดท้ายไต่ระดับความเผ็ดขึ้นมาจนถึง “น้ำยาปู” เมนูเพอรานากัน หรือจีนมลายู
ของหวานคอร์สที่ 15 ข้าวเหลือๆ ของชาววัง (ขนมไข่จิ้งหรีด) ของหวานดั้งเดิมทำจากข้าวสวยที่เหลือในหม้อ อคลุกกับมะพร้าวขูดฝอย โรยน้ำตาล เกลือ ผ่านการประดิดประดอยเปลี่ยนจากข้าวสวยมาเป็นข้าวเม่า ที่ให้ความกรอบ เค็ม หวาน เพิ่มเนื้อมะพร้าวอ่อน ลิ้นจี่อัมพวา คลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกันได้รสเค็มหวานมันจากกะทิ หลายมิติในคำเดียว
คอร์สที่ 16 ขโมยสูตรยายญวน (ขนมทับทิมกะทิ) รูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายเม็ดทับทิมเล็กๆ เมนูในวังเรียก “ทับทิมลอยแก้ว” ที่ใช้ชื่อสูตรยายญวน มาจากบันทึกของพระวิมาดาเธอ ที่ระบุว่าคุณยายญวนทำขนมอร่อยแต่หวงสูตร ครั้นพระวิมาดาเธอเป็นต้นเครื่องของรัชกาลที่ 5 ได้ไปทำอาหารกับคุณยายญวนจึงได้สูตรนี้มา ครั้งนี้เชฟดัดแปลงกะทิเป็นไอศกรีม ราดเจลมะม่วงกและเสาวรส ผสานความหอมละมุนของน้ำลอยดอกมะลิ
ปิดท้ายที่คอร์ส 17 จากลาที่รัก (สัมปันนี) ขนมโบราณนามเป็นมงคล สัมปันนีหมายถึง อันเป็นที่รัก เป็นขนมที่ฝ่ายหญิงทำให้คนรักยามต้องจากที่พำนักเพื่อดูต่างหน้า ซึ่งเชฟโปรครีเอทใหม่โดยลดความหวานลง เพิ่มแครนเบอร์รี่อบแห้งให้เท็กซ์เจอร์ยามเคี้ยว และตั้งใจใช้แม่พิมพ์รูปผีเสื้อ เพื่อสื่อถึงฤดูร้อน ก่อนโรยผงทองคำนำเข้า เพื่อความน่าจดจำให้มื้อค่ำอย่างสมบูรณ์แบบ
มาลิ้มรสอาหารไทยโบราณในรูปแบบอาหารฮาลาลไฟน์ไดนิ่งหรูหราได้ทุกวัน ที่ร้านตามกาล (Time Kaan Restaurant) ตั้งอยูในซอยสุขุมวิท 8 ใกล้ BTS นานา สำรองที่นั่งโทร.082 646 1664 ดูรายละเอียดได้ที่ FB: Time Kaan Restaurant